1 ต.ค. 2022 เวลา 02:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
พอร์ตแดง ถือต่อหรือพอแค่นี้?
คุณเคยลงทุนแล้วขาดทุน จนกินไม่ได้ นอนไม่หลับไหมครับ? 😰
จะตัดใจขายขาดทุน ก็ไม่รู้หุ้นจะเด้งใส่หน้าไหม
หรือถ้าจะถือต่อ ก็ไม่รู้ว่าต้องถืออีกนานแค่ไหน ราคาถึงจะกลับมาที่เดิม
ถ้าคุณลงทุนมาสักระยะน่าจะเคยเจอสภาพกลืนไม่เข้า คายไม่ออกแบบนี้
แต่สำหรับนักลงทุนมือใหม่ ที่ปีนี้โดนตลาดหุ้นรับน้องแบบหนักๆ แล้วไม่รู้ต้องวางแผน วางตัว วางใจอย่างไรดี
โพสต์นี้เรามีแนวทางให้คุณไปทำการบ้านต่อครับ 📚
🔎 โฟกัสกับสิ่งที่ควบคุมได้
การลงทุนก็เหมือนกับทุกเรื่องในชีวิต คือมีทั้งสิ่งที่คุณควบคุมได้ กับสิ่งที่คุณควบคุมไม่ได้ครับ
และส่วนใหญ่ที่เรากังวลหรือเครียดกันก็เพราะสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ ซึ่งเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ไม่รู้เลยว่าต่อไปจะเกิดอะไรเหตุการณ์ขึ้น และเราจะรับมือกับมันไหวไหม ☄️
ถ้าคุณกำลังเครียดอยู่ เราอยากให้คุณลองเปลี่ยนจุดโฟกัสของความคิด จากสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของคุณ มาเป็นสิ่งที่คุณควบคุมได้แทน
ลองสูดหายใจลึกๆ และไตร่ตรองดูครับว่ามีอะไรบ้างที่คุณสามารถทำได้ในตอนนี้ ช่วงนี้ จังหวะเวลานี้ แล้วช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ 💪
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีหุ้นที่ขาดทุนอยู่ในพอร์ต คุณควบคุมอารมณ์ของตลาดหุ้นและราคาหุ้นไม่ได้ แต่สิ่งที่คุณทำได้คือการตรวจสอบพื้นฐานของหุ้นที่ถืออยู่ ว่าสถานะการเงินเป็นอย่างไร กำไรยังโตอยู่ไหม
ถ้าบริษัทยังมีลูกค้าเพิ่มขึ้น รายได้และกำไรเติบโต แต่ราคาหุ้นตก แบบนี้ก็ช่วยให้คุณสบายใจมากขึ้น ถึงแม้พอร์ตจะขาดทุนแต่คุณก็รู้ว่าพื้นฐานของบริษัทไม่ได้แย่ตามราคาหุ้น ซึ่งจะช่วยให้คุณตัดสินใจในสเต็ปถัดไปได้ง่ายขึ้นครับ 💗
🧐 เมื่อไรควรถือ…เมื่อไรควรขาย
หนึ่งในคำถามยอดฮิตของกลุ่มชาวดอยคือ จะถือต่อ หรือพอแค่นี้ดี?
เรามีคำแนะนำดังนี้ครับ
หากพื้นฐานของกิจการยังดี มีลูกค้าเพิ่ม รายได้และกำไรยังเติบโต แต่ราคาร่วงตามสภาวะตลาด ไม่ได้เกิดจากข่าวร้ายของบริษัท แบบนี้การถือหุ้นต่อไปเพื่อรอให้ตลาดหุ้นฟื้นตัวจนพาราคาหุ้นกลับมาได้ก็กลยุทธ์ที่ดี
เพราะคุณคงไม่อยากขายบริษัทที่กำไรโตต่อเนื่องให้คนอื่นต่อในราคาถูกๆ จริงไหมครับ 🤔
กลับกัน ถ้าบริษัทที่คุณถือหุ้นอยู่เริ่มมีข่าวร้ายเฉพาะตัวออกมา เช่น ลูกค้าลดลง รายได้และกำไรเริ่มไม่เติบโตเพราะปัจจัยระยะยาว มีคู่แข่งรายใหญ่เข้ามาแข่งขัน หรือมีเทคโนโลยีอื่นที่ดีกว่า แบบนี้ก็น่ากังวลครับ
หากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วพบว่าพื้นฐานของบริษัทแย่ลงจริงๆ จนทำให้ราคาหุ้นตก การกัดฟันขายขาดทุนเพื่อรักษาเงินส่วนที่เหลือเอาไว้ลงทุนต่อในอนาคตก็เป็นกลยุทธ์ที่ดี
ย้ำอีกครั้งครับ ใช้เวลาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ไม่ตอบสนองด้วยอารมณ์ โฟกัสในสิ่งที่คุณควบคุมได้ ส่วนอะไรที่ควบคุมไม่ได้คิดไปก็เท่านั้นครับ เพราะคุณบังคับมันไม่ได้อยู่ดี
Fed จะขึ้นดอกเบี้ย คุณคงไปกระซิบข้างหูลุง Jerome Powell ว่าอย่าขึ้นดอกเบี้ยเลยก็คงทำได้แต่ฝัน จริงไหมครับ? 😭
🖐️ กลยุทธ์การลงทุน 5 กระบวนท่า
พูดถึงเรื่องเมื่อไรควรถือ เมื่อไรควรขาย เราก็นึกถึงหนังสือการลงทุนที่ดีมากๆ เล่มนึง มีชื่อไทยว่า ‘บัฟเฟตต์-โซรอส ลงทุนถูกนิสัย ยังไงก็ชนะ’ หรือ ‘The Winning Investment Habits of Warren Buffett & George Soros’ ครับ 📔
ที่บอกว่าดี ไม่ใช่เพราะเราอยากให้คุณมีนิสัยเหมือน Warren Buffett หรือ George Soros แต่เป็นเพราะหนังสือเล่มนี้ได้แบ่งกลยุทธ์การลงทุนออกมาเป็น 5 ขั้นตอนตามกระบวนการลงทุนทั่วไปตามนี้ครับ
  • 1.
    การค้นหาสินทรัพย์ที่จะลงทุน
  • 2.
    การซื้อ
  • 3.
    การถือ
  • 4.
    การขาย และ
  • 5.
    การทบทวนกลยุทธ์ข้อ 1-4
ซึ่งในแต่ละขั้นตอน หนังสือก็แนะนำให้คุณกำหนดออกมาอย่างชัดเจนว่าคุณจะทำอะไรบ้าง เช่น จะหาไอเดียการลงทุนจากที่ไหน มีเกณฑ์อะไรคัดกรองหุ้น จะซื้อหุ้นที่ราคาไหน จะถือหรือจะขายหุ้นเมื่อเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง
และในการลงทุนแต่ละครั้ง คุณต้องทำตามสเต็ปข้อ 1-5 นี้ทุกครั้งเพื่อทำให้กลยุทธ์ของคุณแหลมคมมากขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งคุณระบุรายละเอียดได้ชัดเจนมากเท่าไหร่ กระบวนการลงทุนของคุณก็จะเป็นระเบียบมากขึ้น ที่สำคัญคือมันช่วยตัดการใช้อารมณ์เข้ามาตัดสินใจลงทุนออกไปได้ 📐
และถ้าคุณมีกระบวนการลงทุนส่วนตัวที่ชัดเจน คุณก็จะสามารถทำกระบวนการเดิมซ้ำไปเรื่อยๆ ได้ จนกลายเป็นแนวทางการลงทุนที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณเอง ตรงกับจริตส่วนตัว ใช้แล้วได้ผล ทำตามแล้วได้กำไร
📝 จดบันทึกการลงทุน
แต่การจะสร้างแนวทางการลงทุนของตัวเองตามขั้นตอน 1-5 นี้ได้ คุณต้องจดบันทึกการลงทุนแต่ละครั้งเอาไว้เสมอ เป็น Investment Journal ส่วนตัวที่คุณย้อนกลับมาทบทวนดูได้ว่าทำไมถึงตัดสินใจแบบนั้นไปในอดีต
และสิ่งที่คุณจดบันทึกเอาไว้จะกลายมาเป็นวัตถุดิบที่คุณใช้สร้างกลยุทธ์การลงทุนส่วนตัวขึ้นมา ไม่อย่างนั้นคุณจะไม่มีวิธีตรวจสอบความคิดหรือไอเดียการลงทุนของตัวเองย้อนหลังได้เลย 👀
อย่างน้อย ‘เก่งหลังเกม’ ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรให้วิเคราะห์เลยครับ
อีกประโยชน์นึงของการจดบันทึกการลงทุนคือ หลังจากที่ทำไประยะหนึ่ง คุณจะขบคิดถึงการลงทุนแต่ละครั้งอย่างละเอียดรอบคอบมากขึ้น และลดการใช้อารมณ์ในการตัดสินใจลงทุนไปเอง
ปีนี้ตลาดหุ้นร่วงหนักทั่วโลก นักลงทุนหน้าใหม่ที่เพิ่งเริ่มลงทุนปีนี้คงรู้สึกว่าทำไมเราโชคร้ายแบบนี้?
แต่ชีวิตไม่ได้มีแค่ปีเดียว ถ้าถอยออกมามองระยะยาวหน่อย การฝึกปรือตัวเองให้ควบคุมสติได้ การมีแนวทางการลงทุนที่ใช้ได้ผลและคุณสามารถทำซ้ำได้เรื่อยๆ ในระยะยาวก็อาจดีกว่าการ ‘เร่งโต’ ในระยะสั้นๆ
การขาดทุนเป็นส่วนนึงของการลงทุน ที่นักลงทุนทุกคนต้องเคยลิ้มลองรสชาติความขมแบบนี้สักครั้ง หรือหลายๆ ครั้งในชีวิต
การปรับตัว ปรับใจให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเองจะช่วยให้คุณลงทุนอย่างเข้าใจและสบายใจมากขึ้น
ขอให้มีความสุขกับการลงทุนครับ 😎
โฆษณา