1 ต.ค. 2022 เวลา 01:25
ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาขับเคลื่อนประเทศผ่าน 3 แกนยุทธศาสตร์
1 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศครั้งยิ่งใหญ่ ลดต้นทุนการขนส่งของประเทศ กระจายความเจริญสู่ท้องถิ่น
2 พัฒนาอุตสาหกรรมไทย ไปสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต สร้างงาน สร้างโอกาสในชีวิตให้ทุกคน
3 พัฒนาระบบการเงิน ให้ทุกคนเข้าถึงแหล่งเงินทุน และการบริการภาคการเงินได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
---
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน กระจายความเจริญสู่ท้องถิ่น
---
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ทั้งระบบ ทั้งทางถนน-ราง-เรือ-เครื่องบินอย่างครบวงจร ซึ่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานนี้ คำนึงถึงการเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ เชื่อมต่อโครงสร้างภายในของประเทศ ให้เชื่อมโยงกับโครงสร้างพื้นฐานของโลก เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของประเทศไทย ให้มีความพร้อมในการเป็น “ประตูสู่เอเชีย” รองรับการค้า และการเดินทางจากทั่วโลกสู่ประเทศไทย
นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจะนำไปสู่การลดต้นทุนค่าขนส่งของประเทศ เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของไทย สร้างสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจและอุตสาหกรรมที่สะดวกรวดเร็ว แต่ต้นทุนต่ำ
ที่สำคัญ คือการพัฒนาโครงสร้างที่มีความทั่วถึง อำนวยความสะดวกในการกระจายความเจริญสู่ท้องถิ่น สร้างโอกาสการเติบโตของธุรกิจท้องถิ่น ส่งเสริมการสร้างงาน สร้างโอกาสในบ้านเกิดของทุกคน
การพัฒนาในส่วนนี้ รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาดำเนินการลงทุนและอนุมัติไปหลายโครงการแล้ว และมากกว่าที่รัฐบาลไหนเคยทำมาก่อน ไม่ว่าจะการสร้างทางรถไฟ ซึ่งปัจจุบันอนุมัติสร้างไปแล้วมากกว่า 2 พันกิโลเมตร และการสร้างโครงข่ายการสื่อสาร 5G ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ เทียบเท่าประเทศที่เจริญแล้ว แต่มีราคาถูก
---
การพัฒนาอุตสาหกรรมไทย ไปสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต
---
ประเทศไทยมีจุดแข็งด้านอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน แต่ยังเป็นเพียงการผลิตที่เน้นการส่งออก ให้ความสำคัญกับการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตและการบริการขั้นพื้นฐานเท่านั้น
ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงของโลกทางวิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, การสื่อสาร และการคมนาคม ทำให้การแข่งขันในตลาดโลกนั้น เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย และประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องก้าวตามให้ทันโลก เปลี่ยนแปลงตัวเองจากการขับเคลื่อนด้วยประสิทธิภาพ ไปสู่การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม
รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชามีวิสัยทัศน์แห่งการพัฒนาขับเคลื่อนนำพาประเทศไทยไปสู่ “อุตสาหกรรมและการบริการแห่งอนาคต” ผ่านอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10 กลุ่ม ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาส สร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการไทย ตั้งแต่ระดับบริษัทข้ามชาติ ลงมาจนถึงธุรกิจ SME และ Start Up อย่างทั่วถึง
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีความเป็นรูปธรรมชัดเจนที่สุดคือ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ (Next – Generation Automotive) เห็นได้จากการที่ประเทศไทยของเรา มียานยนต์ไฟฟ้าที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกแล้วทั้งสิ้น 284,163 คัน มีสถานีชาร์จไฟแล้วทั้งสิ้น 944 สถานี ทั่วประเทศ หลังจากที่รัฐบาลประกาศนโยบาย 30@30 เพิ่มสนับสนุนส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเพียง 2 ปี
---
พัฒนาระบบการเงิน ที่ทั่วถึงและเท่าเทียม
---
ระบบการเงิน และเครื่องมือทางการเงิน คือหัวใจที่สำคัญในการสร้างความมั่งคั่งให้แก่ทั้งภาคธุรกิจและประชาชน
เป็นที่น่าเสียดายที่ในอดีตคนไทยเก่ง ๆ นักธุรกิจเก่ง ๆ คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่กลับไม่สามารถสร้างธุรกิจ สร้างโอกาส สร้างอนาคตของตัวเองได้ เพราะเข้าไม่ถึงการบริการทางการเงินและแหล่งเงินทุน จากการสำรวจของรัฐบาล เป็นที่น่าตกใจที่คนไทยกว่า 30 ล้านคน เกือบครึ่งหนึ่งของประเทศ ไม่สามารถกู้เงินได้ และบางคนไม่เคยมีบัญชีธนาคารเลยด้วยซ้ำ
รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชามีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหานี้ ผ่านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล นำเอาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้เพื่อปฏิรูประบบการเงินและการธนาคาร ให้ธนาคารสามารถเข้าถึงข้อมูลเพื่อประเมินผู้กู้ได้อย่างทั่วถึงครอบคลุมมากยิ่งขึ้น สร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของประชาชนทั่วไปมากยิ่งขึ้น
การปฏิรูปประเทศให้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัล ก้าวแรกคือการชักจูงให้ประชาชนเข้าสู่ระบบการเงินดิจิทัล ซึ่งสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) คือส่วนหนึ่งของการนี้ ในปัจจุบัน ความสำเร็จที่ชัดเจนคือปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตและโมบายแบงก์กิ้งสูงขึ้น 18 เท่า จาก 800 ล้านรายการเป็น 14,400 ล้านรายการต่อปี ในช่วงระยะเวลา 5 ปี กลายมาเป็นอันดับ 1 ของโลกจากการจัดดับโดย ACI worldwide
สำหรับแอพพลิเคชั่น “เป๋าตัง” หนึ่งในผลงานที่โดดเด่นของรัฐบาล ซึ่งไม่เพียงสามารถบรรเทาให้ความช่วยเหลือประชาชนในยามวิกฤติจากการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ได้แบบถึงมือประชาชนผ่านโครงการต่าง ๆ อาทิ “คนละครึ่ง” “เราเที่ยวด้วยกัน” และ “ทัวร์เที่ยวไทย” ได้เท่านั้น แต่ยังมีบริการทางการเงินอื่น ๆ เช่น “กระเป๋าสุขภาพ” “สบม. วอลเล็ต” “ซื้อขายหุ้นกู้” อีกด้วย
วันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา รัฐบาลเปิดขายพันธบัตรรัฐบาลผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง วงเงิน 1หมื่นล้านบาท ซึ่งการเปิดขายพันธบัตรในครั้งนี้ เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการลงทุนดิจิทัลด้วยวงเงินขั้นต่ำเพียง 100 บาท และได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี สามารถขายหมดภายในระยะเวลาเพียง 40 นาทีเท่านั้น
---
การขับเคลื่อน 3 แกนยุทธศาสตร์นี้ มีการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนแล้ว และวันนี้นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับคืนสู่ตำแหน่งหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้พักงาน พร้อมขับเคลื่อนการทำงาน นำพาประเทศไทยไปสู่อนาคตที่รุ่งเรืองสดใสต่อไป
#3แกนยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ
#สร้างไทยไปด้วยกัน #ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
#PMOC #ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี
โฆษณา