3 ต.ค. 2022 เวลา 20:42 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ถ้าเกิดวิกฤตแล้วตลาดการลงทุนทุกตัวลงหมดทุกอย่าง ตลาดไหนเป็นตลาดที่น่าเข้าไปลงทุนมากที่สุด ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นตลาดหุ้นนะ
เพระตลาดคริปโต , NFT , โลกเสมือน , เมตาเวิร์ส สิ่งพวกนี้ที่คนเข้ามาลงทุนกัน เป็นเพราะตอนนั้นตอนปี 2018 มันเริ่มมีสัญญาณเงินเฟ้อเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ จนมีการคาดการณ์กันว่าเงินเฟ้อมันจะเกิดขึ้นภายปี 2020 แต่แล้วปลายปี 2019 มันก็ได้เกิดโรคระบาดขึ้นมานั่นก็คือ โควิด จนทำให้การขนส่ง หรือธุรกิจหลายๆอย่างเกิดการหยุดชะงักขึ้นมากระทันหัน ทำให้ตลาดหุ้นร่วงดิ่งลงไปถึงประมาณ 800 จุด
การเกิดโรคระบาดของโควิดเป็นเหมือนการเข้ามาเร่งทำให้เงินเฟ้อเกิดขึ้นจริงได้เร็วมากขึ้น จริงๆแล้ววิกฤตเศรษฐกิจมันก็อาจจะเกิดขึ้นในปี 2020 เหมือนที่หลายๆคนได้คาดการณ์ไว้ แต่สิ่งที่มันผิดธรรมชาติไปและมันยังไม่เกิดขึ้นนั่นก็เป็นเพราะรัฐบาลได้มีการอัดฉีดเงินเข้าไปในตลาดหุ้น ซึ่งใช้เงินอัดฉีดเข้าไปจำนวนมาก จนทำให้ตลาดหุ้นกลับมาดีขึ้นและกลับมาเป็นปกติภายในเวลาแค่ 2-3 เดือนเท่านั้น
ซึ่งถ้าเทียบกับตอนปี 40 วิกฤตต้มยำกุ้ง ครั้งนี้ถือว่ากลับขึ้นมาได้เร็วมาก เพราะถ้าเป็นสมัยก่อนกว่าจะกลับขึ้นมาปกติ คงต้องรอเวลาเป็นหลายปี แต่ยุคนี้ยุคอินเตอร์เน็ต ทุกอย่างถูกแชร์ต่อกันอย่างรวดเร็ว เลยทำให้ตลาดการลงทุนในยุคนี้ เกิดขึ้นไวกว่าสมัยก่อนมาก จนทำให้เราสับเกตุได้ว่า ทุกอย่าง ทุกตลาดการลงทุน มีการขึ้นลงแบบรวดเร็ว
เมื่อตลาดหุ้นเต็มไปด้วยเงินกู้ที่ถูกอัดฉีดเข้าไป รวมไปถึงการพิมพ์เงินของรัฐบาลบางประเทศที่มีการพิมพ์เงินอย่างไม่จำกัดเข้ามาในระบบเศรษฐกิจ
ตลาดหุ้นเลยเป็นตลาดที่เริ่มมีความเสี่ยงมาก เพราะมันจะสามารถพังทลายลงมาได้ทุกเมื่อ เพราะรอบแรกที่ราคาหุ้นมันกลับขึ้นมาได้ ก็เป็นเพราะเงินที่ถูกอัดฉีดเข้าไป แต่ถ้าหากตลาดหุ้นมันเผลอพังลงมาหนักอีกครั้ง ครั้งนี้จะเอาเงินที่ไหนไปอัดฉีดเข้าไปในตลาดหุ้นจำนวนมากแบบนั้นได้อีกครั้ง ถ้าหากการพังทลายของตลาดหุ้นเกิดขึ้นอีกครั้ง รอบนี้อาจจะไม่ขึ้นกลับไปรวดเร็วแบบครั้งก่อน แต่อาจจะใช้เวลานานหลายปีกว่าจะกลับขึ้นไปใหม่ได้อีกครั้งนึง
เพราะเหตุนี้เลยอาจจะเป็นไปได้ว่านักลงทุนเริ่มมองเห็นความเสี่ยงตรงนี้จากตลาดหุ้น เลยมองหาตลาดใหม่ๆที่ยังมีโอกาสทำกำไรได้อยู่
ซึ่งตอนนั้นก็คงไม่มีตลาดอะไรน่าสนใจไปกว่า ตลาดคริปโต เพราะในปี 2019 ราคาของบิทคอยน์มีมูลค่าเหรียญละ 1 แสนกว่าบาทเท่านั้น รวมไปถึงตอนนั้นยังมีการพิมพ์เงินเข้ามาในระบบอย่างไม่จำกัด
บิทคอยน์เลยเป็นตัวเลือกนึงที่เหมาะมากกับการลงทุนในตอนนั้น เพราะบิทคอยน์มีจำนวนจำกัด
เลยทำให้เงินจำนวนมากที่ถูกพิมพ์เข้ามาในระบบก็ได้ไหลเข้าไปในตลาดคริปโตมากขึ้น เหรียญแรกที่เงินไหลเข้าไป ก็เป็นเหรียญบิทคอยน์ ตอนนั้นคนจำนวนมากเข้าซื้อบิทคอยน์ก็เป็นเพราะว่าต้องการป้องกันเงินเฟ้อ เพราะการที่สหรัฐพิมพ์เงินอย่างไม่จำกัด มันเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก
แต่เมื่อเหรียญบิทคอยน์เริ่มมีราคาที่สูงเกินไป จากที่มันเป็นตัวลดความเสี่ยง มันก็ได้กลับกลายเป็นความเสี่ยงขึ้นมาเอง เพราะราคาของมันได้ถูกเก็งกำไรขึ้นไป เมื่อบิทคอยน์เริ่มมีความเสี่ยง เงินตรงนี้ที่ไหลเข้าบิทคอยน์ ก็จะเริ่มไหลไปเข้าหาสิ่งใหม่ๆ ที่ยังมีโอกาสทำกำไรได้ นั่นก็คือ เหรียญคริปโตตัวต่างๆในตลาด ไม่ว่าจะเป็น ETH BNB XRP หรือเหรียญต่างๆในตลาด รวมทั้งเหรียญพวกกาวๆด้วย
เพราะมันมีโอกาสทำกำไร เงินเลยไหลเข้าไป รวมไปถึงการทำ defi ที่เป็นตัวช่วยเร่งทำให้การเก็งกำไรสามารถทำให้เกิดขึ้นจริงได้ เพราะการที่ทำให้ราคาเหรียญพุ่งสูงได้ อันดับแรก สภาพคล่องในตลาดต้องมีน้อย
การที่เอาเหรียญไปล็อคไว้ หรือการทำ defi มันจะเป็นตัวที่สามารถทำให้เหรียญจำนวนมาก มีสภาพคล่องในตลาดที่น้อยมากขึ้น เลยทำให้ราคามันสูงได้มากขึ้น ไปเรื่อยๆไม่มีสิ้นสุด
แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งเราจะสังเกตุได้ว่า เหรียญคริปโตทุกตัวในตลาด ก็มีราคาที่เกินความจริงหรือเกินพื้นฐานของมันไปหลายเท่าตัว เมื่อมันเริ่มถึงจุดเสี่ยง ก็จะเป็นเช่นเดิม คนก็จะเริ่มหาตลาดใหม่ๆ ที่ยังสามารถทำกำไรได้ สิ่งต่อไปนั้นก็คือ ตลาดเกม NFT
เกม NFT ในช่วงนั้นก็เลยมีเงินไหลเข้าไปจำนวนมาก เราจะสังเกตุได้ว่า มีเกมจำนวนมากที่ไม่ได้มีพื้นฐานที่ดี หรือ เป็นเกมที่น่าเล่น แต่กลับมีราคาเหรียญราคาไอเท็มที่พุ่งสูงมาก สิ่งนี้ที่เกิดขึ้นคือ เงินไหลเข้าไป คนที่เข้าไปลงทุนในเกม เขาไม่ได้มองว่าเกมนั้นดีหรือไม่ เขาแค่มองเห็นโอกาสมันว่าเป็นตลาดที่สามารถทำกำไรได้ในตอนนั้น ในขณะที่ตัวอื่นๆเริ่มมีความเสี่ยง
เมื่อคนกลุ่มนี้ที่มองเห็นโอกาสเขาก็จะเข้าไปทำกำไร และเมื่อเขาได้กำไรแล้ว เขาก็จะย้ายเงินออกมา เราเลยจึงเห็นได้ว่ามีเกม NFT จำนวนมากที่ได้แตกลงไป ปัญหานี้เกิดขึ้นเพราะเกมตัวนั้นไม่ได้เป็นเกมที่มีพื้นฐานที่มั่นคงแข็งแรง แต่เป็นเกมที่คนเข้าไปเล่นเพื่อหวังทำกำไรเท่านั้น
การที่คนเข้าไปลงทุนโดยไม่สนใจเรื่องพื้นฐาน มันก็เป็นตัวบ่งบอกที่ชัดเจนได้ว่า กลุ่มนักลงทุนเขามีหน้าที่เพื่อทำเงินเท่านั้น และอะไรมีโอกาสเขาก็เข้าไปเล่นในสิ่งนั้นหมด สิ่งต่อมาที่เงินได้ไหลเข้าไป นั่นก็คือ ตลาดของเมตาเวิร์ส ซึ่งตามคอนเซ็บเดิม กลุ่มนักลงทุนเขาไม่ได้สนใจเรื่องพื้นฐาน เขาสนใจแค่โอกาสทำกำไร เราจึงเห็นได้ว่า มีโครงการเมตาเวิร์สมากมายที่ถูกผลิตขึ้นมา และมีการเจริญเติบโตที่เร็วมาก
ซึ่งความหมายของเมตาเวิร์สที่จริงแล้วไม่ใช่แค่การซื้อขายที่ดินในเกม แต่ที่ผ่านมาเราจะสังเกตุได้ว่า มีเกมจำนวนมาก แค่ทำระบบเกมขึ้นมาให้มีการซื้อที่ดินได้ เพียงแค่นี้ก็สามารถเอาคำว่าเมตาเวิร์สมาใช้เพื่อเกาะกระแสได้แล้ว และก็มีหลายโครงการที่เปิดขึ้นมา แล้วสุดท้ายก็ได้ปิดตัวชิ่งหอบหนีไป เพราะพื้นฐานไม่ดี สร้างขึ้นมาลวกๆ
และเมื่อถึงจุดนึงที่มันเริ่มไม่มีตลาดอะไรน่าสนใจแล้ว เพราะทุกอย่างพังไปหมด มีคนเสียหายจำนวนมาก เงินเฟ้อมันก็เริ่มเกิดขึ้นจริง เพราะมีคนหลายคนที่ได้เงินไปจากตลาดพวกนี้ ได้นำไปใช้ในชีวิตความเป็นจริง เช่น ซื้อรถ ซื้อบ้าน ซื้อที่ดิน ซื้อทองคำ เมื่อมีการเอาเงินไปใช้ในโลกความเป็นจริง เงินจำนวนมากตรงนี้มันก็เลยไหลเข้าสู่โลกความเป็นจริงมากขึ้น เลยเริ่มทำให้เกิดเงินเฟ้อ เพราะเงินในระบบมีการเพิ่มสภาพคล่องเข้าไปจำนวนมาก
เมื่อเงินเริ่มเฟ้อสิ่งนึงที่จะเกิดขึ้นก็คือ มีการขึ้นอัตตราดอกเบี้ย เพื่อดึงเงินในระบบกลับคืนมา เพื่อป้องกันการเฟ้อของค่าเงิน
เมื่อมีการขึ้นดอกเบี้ย เลยทำให้มีคนจำนวนมาก ต้องการเงินสดไปชำระหนี้ที่กู้มาทำธุรกิจ เลยเป็นสาเหตุที่สินทรัพย์ทุกตัวในโลกราคาร่วงหมดทุกอย่าง เพราะคนต้องการเงินดอลล่าห์มากช่วงนี้
เมื่อคนต้องการเงินดอลล่าห์มาก ค่าเงินมันก็จะเริ่มแข็งขึ้นเรื่อยๆ และสินทรัพย์หลายอย่างก็ถูกขายออกไปหมด ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ รวมถึงบิทคอยน์เองก็ตาม เรียกได้ว่าช่วงนี้อะไรสามารถขายเป็นเงินได้ ก็จะถูกขายออกมาหมดทุกอย่าง จนราคาทุกสิ่งร่วงไปหมด
ช่วงนี้ก็เลยเป็นโอกาสที่ดี ที่จะสามารถซื้อของดีได้ในราคาถูก สิ่งนี้ที่เล่ามาทั้งหมดเป็นอดีตที่เกิดขึ้น
เพื่อนำไปต่อยอดว่าทำไมตลาดหุ้นถึงเป็นตลาดที่น่าสนใจมาก ถ้าหากทุกอย่างราคาร่วงหมด
เพราะจากที่เล่ามาข้างบน เราจะสังเกตุเห็นได้ว่า ตลาดหุ้น จะเป็นตลาดแรกที่คนเข้าไปลงทุน มากกว่าตลาดอื่นๆ ก่อนที่เงินทั้งหมดจะไหลออกไป
ตอนนี้ทำได้เพียงแค่รอและใจเย็นๆ รอให้ทุกอย่างพังลงมาให้ถึงจุดต่ำที่สุด และจังหวะนั้นก็อาจจะเป็นจังหวะที่ไม่มีความเสี่ยง หรือ อาจจะเป็นจังหวะที่สามารถพลิกชีวิตเราได้ ซึ่งตลาดหุ้นที่น่าสนใจก็เป็นเพราะ มันมีพื้นฐานที่ดีมากที่สุด เพราะมันมีตลาดมายาวนาน และธุรกิจที่อยู่ในนั้นก็คือมีธุรกิจอยู่จริงๆ
ซึ่งตลาดคริปโตดีมั้ย ส่วนตัวก็คิดว่าดี แต่ถ้าตลาดทั้งหมดมันพังเหมือนกันหมด ส่วนตัวคิดว่าเราควรเลือกสิ่งที่มันปลอดภัยกับเรามากที่สุดก่อนดีกว่า เลือกสิ่งที่ในปัจจุบันมีการยอมรับแล้วต่างๆ ซึ่งสิ่งนั้นสิ่งแรกผมก็เลยมองว่าหุ้นเลยเป็นตัวต้นๆที่น่าสนใจ
บทความทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น อาจจะมีผิดหรือถูกบ้าง และสิ่งที่ผมพูด อาจจะมั่วทั้งหมดเลยก็ได้ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และอย่าเชื่อในสิ่งที่ผมพูดทั้งหมด
โฆษณา