6 ต.ค. 2022 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #อย่าปล่อยโอกาสหลุดอีก ]
ริชาร์ด คีย์ส พิธีกรดังของ beIN Sports ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องฝีปากกล้า ยอมรับว่าอยากจะหัวเราะออกมาเลยเมื่อ มาร์คัส แรชฟอร์ด คว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกประจำเดือนกันยายน
เพราะเขาไม่เชื่อว่ามันเป็นการเลือกที่เหมาะ เหตุผลแรกน่าจะมาจาก แรชฟอร์ด ลงสนามเพียงแค่ 2 เกมเท่านั้นในเดือนกันยายน อีก 2 นัดที่ต้องเจอเชลซีและลีดส์ ยูไนเต็ดถูกเลื่อนไปทั้งหมด
ต่อให้ทำผลงานน่าประทับใจ 2 ประตู 2 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 2 เกม มันก็ยังเป็นการตัดสินที่ดูไม่แฟร์เท่าไรนัก ในเมื่อผู้เล่นคนอื่นที่เป็นแคนดิเดตลงเล่นมากกว่า
อีกทั้งว่ากันตามตรง เควิน เดอ บรอยน์ , ปิแอร์ เอมิล ฮอยแบร์ก หรือ อเล็กซ์ อิโวบี้ ที่มีชื่อหลุดมาชิงชัย ฟอร์มโดดเด่นกว่าเป็นไหนๆ
นอกจากนี้รางวัลแข้งยอดเยี่ยมประจำเดือนกันยายนของแมนฯยูไนเต็ด ก็ยังไม่มี แรชฟอร์ด ทะลุมาเป็นแคนดิเดตด้วยซ้ำไป
เขายังสู้ คริสเตียน เอริกเซ่น , ราฟาแอล วาราน หรือ เจดอน ซานโช่ ไม่ได้เลย มันจึงคล้ายขัดแย้งกันจริงๆ
คุณไม่ได้ลุ้นของสโมสร แต่กลับมาคว้าของพรีเมียร์ลีก ฟังดูแล้วพิลึกพิลั่นอย่างที่ว่านั่นแหล่ะ
1
รางวัลนี้มีทั้งเปิดให้แฟนบอลมาร่วมโหวต ผู้เชี่ยวชาญด้านลูกหนังและกัปตันทีมแต่ละสโมสรลงคะแนน คิดจาก 10 เปอร์เซ็นต์สุดท้าย ซึ่งมันจะมีตัวแปรสำคัญมาจากแฟนบอลนี่แหล่ะ
2
เพราะแฟนบอลทีมไหน ก็ต้องลงคะแนนให้นักเตะในทีมที่เชียร์หรือชื่นชอบเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว
ในขณะเดียวกันหากพิจารณากันที่ภาพรวม แรชฟอร์ด ไม่ได้โดดเด่นสักเท่าไร ถึงขนาดต้องร้องว้าวกันเลย อาจจะแค่ยิงประตูได้ในเกมใหญ่ เช่นเดียวกับการแอสซิสต์
นั่นจึงเกิดข้อสงสัยและการตั้งคำถามขึ้นมา เพราะขนาดของสโมสรยังไม่ติดเป็นแคนดิเดตเลย
กลับกันถ้าอย่างนี้ เอริกเซ่น ก็สมควรมีชื่อเข้าชิงในรอบสุดท้ายของพรีเมียร์ลีกไม่ใช่หรือ? เมื่อกวาดคะแนนอย่างเป็นเอกฉันด์ขาดลอย จากการเลือกของเร้ด อาร์มี่
อย่างไรก็ตามเรื่องของรางวัลประจำเดือนในลักษณะนี้ จึงมีเสียงวิจารณ์ในแง่ความน่าเชื่อถือ มันดูขัดแย้งไปจากความจริงไม่น้อยเลย
ขนาด เควิน เดอ บรอยน์ ซึ่งทุกคนรู้ดีว่าเก่งกาจไร้เทียมทานแค่ไหน ยังไม่เคยได้สัมผัสรางวัลยอดแข้งประจำเดือนพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ย้ายมาในปี 2015 ทั้งที่ครองของพีเอฟเอ ซึ่งเป็นรางวัลแห่งปีและเลือกจากนักเตะอาชีพด้วยกันถึง 2 สมัยซ้อน
ตอนที่รู้ว่า แรชฟอร์ด ได้รางวัลดังกล่าว มีแฟนบอลรายหนึ่งแสดงความเห็นว่า เดี๋ยวไว้ดูกันในเกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ดีกว่า จะพิสูจน์ได้ในระดับหนึ่งว่าเจ๋งจนคู่ควรหรือไม่
พอผลการแข่งขันออกมา แมนฯซิตี้เป็นฝ่ายปูพรมถล่มยับ 6-3 เสียงหัวเราะขำขันก็ดังขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
หนักกว่านั้นคือ แรชชี่ แทบไม่ได้มีบทบาทสำคัญอะไรเลย แม้จะได้ออกสตาร์ตในบทบาทกองหน้าตัวเป้าก็ตาม
ตรงกันข้ามก็คือ เขาโดนตำหนิติเตียนมากกว่าที่คาดไว้ด้วยซ้ำ มันยิ่งตอกย้ำว่ารางวัลล่าสุดที่ได้รับไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
นอกจากไม่มีโอกาสสับไกเลยสักครั้งในเกมที่เอติฮัต สเตเดี้ยม ยังไม่อาจฝ่าแนวนับของเจ้าบ้าน ซึ่งใช้คู่เซ็นเตอร์แบ็กอย่าง เนธาน อาเก้ กับ มานูเอล อาคานจี ลงทำงานร่วมกันอีก
แรกทีเดียวเมื่อเห็นไลน์อัพ สาวกปีศาจแดงย่อมตื่นเต้นไม่น้อยเลย ซิตี้ขาดตัวหลักเยอะมาก โดยเฉพาะแนวรับและเมื่อรวมกับ โรดรี้ กองกลางคนสำคัญที่เจ็บจากฝึกซ้อมเพิ่ม ประกายความหวังจึงถูกจุดขึ้นมา
อีกด้านก็คือ แรชฟอร์ด ถูกมองว่ากำลังเข้าฝักเข้าฟอร์ม กลับมาเฉียบคมในจังหวะเผด็จศึก ดังนั้นอาจได้เห็นทีเด็ดกัน
ความจริงมันโหดร้ายและแตกต่างจากสิ่งที่คาดหวังไว้มากมาย แรชชี่ แทบไม่มีตัวตนอะไรเลย
หนักกว่านั้นคือ ภาพลักษณ์เดิมๆก็ยังคงอยู่ สลัดอย่างไรก็ยากที่จะหลุด นั่นคือคำถามเรื่องความมุ่งมั่นว่ามากเพียงพอหรือยัง?
ด้วยแนวทางของ เอริก เทนฮาก ทุกคนต่างรับรู้ดีว่า เป็นฟุตบอลสไตล์เพรสซิ่ง วิ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้ พยายามเอาบอลแย่งกลับมาครอบครองได้เร็วที่สุด นักเตะเอาท์ฟิลด์ทั้ง 10 คน ต้องขยันบากบั่นทำงานหนักร่วมกัน สำหรับการตอบสนองแท็คติก
อย่างไรก็ตามการกดดันผู้เล่นซิตี้จากแดนบน แทบไม่มีให้เห็นเลย ไม่ได้จะโยนความผิดให้ แรชชี่ คนเดียวหรอก คนอื่นก็แย่ด้วยเช่นกัน แต่นี่คือผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนคนล่าสุด จึงต้องถูกเพ่งเล็งมากกว่าใคร
ในขณะเดียวกัน เขายังคงลักษณะอ่อนปวกเปียกเอาไว้ วิ่งเพรสเหมือนเสียไม่ได้ เอาแค่พอเป็นพิธี แทนที่จะไล่ให้สุด มีพลังเท่าไร ซ้อมมาอย่างไรอัดให้เต็มสูบ
หากเทียบกับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่พยายามวิ่ง วิ่ง วิ่ง เพื่อทำเป็นแบบอย่างของกัปตันทีม แฟนแมนฯยูไนเต็ดก็ยิ่งผิดหวังกับ แรชฟอร์ด หนักมากเข้าไปอีก
ต้องไม่ลืมว่า นี่คือนักเตะที่เติบโตมาจากอะคาเดมี่ เป็นลูกหม้อขนานแท้ อยู่มาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ไหนจะเป็นแมนคูเนี่ยน เกิดที่แมนเชสเตอร์และมอบหัวใจให้ยูไนเต็ด
บวกกับขึ้นชุดใหญ่สร้างชื่อมานาน 5-6 ปีแล้ว ควรก้าวขึ้นเป็นเสาหลักอย่างเต็มตัว โชว์ความเป็นผู้นำที่ควรมี แต่ตรงนี้เราแทบไม่เห็นกันเลย
ช่วงขึ้นมาใหม่ๆ แรชชี่ คือความภาคภูมิใจของสโมสร แฟนบอลต่างปลาบปลื้ม ตั้งความหวังไว้สูงเป็นธรรมดา เมื่อมาเจออย่างนี้เข้า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะรู้สึกแย่ไปตามๆกัน
อย่างไรก็ตามมีการตั้งข้อสังเกตว่า เอริก เทนฮาก น่าจะชื่นชอบและพยายามซื้อใจแข้งรายนี้ อาจเพราะซ้อมดี รวมทั้งมีแววว่าจะเค้นฟอร์มให้กลับมาเจ๋งได้อีก ดังนั้นประตูโอกาสจึงเปิดต้อนรับเสมอ
1
แต่ต้องไม่ลืมว่า โอกาสไม่ได้มาตลอดและไม่ได้มีให้ทุกวัน โดยเฉพาะไม่ได้มีไว้สำหรับคนที่ไม่รู้จักปรับปรุง
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แรชชี่ จะต้องดิ้นรนเพื่อแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการ พิสูจน์ว่าดีพอสำหรับการเป็นตัวจริงของแมนฯยูไนเต็ด ดีพอที่จะทำให้แฟนบอลเกิดความภาคภูมิ
ขณะเดียวกันก็ดีพอสำหรับกลับมาติดธงช่วยทีมชาติอังกฤษในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ที่จะเริ่มฟาดแข้งกันในเดือนพฤศจิกายนนี้แล้วด้วย
1
ถึงตอนนี้ไม่มีอะไรมาการันตีเลยว่า เขาจะเป็น 1 ใน 26 ขุนพลที่มีชื่อติดไปด้วย จึงต้องพยายามทำผลงานที่เหลือกับแมนฯยูไนเต็ดอีก 12 นัดให้ดีที่สุด ก่อนมีการประกาศตัว
2
ที่สำคัญอย่าให้ความภาคภูมิใจที่แฟนๆเคยมีให้มันสลายไปกับสายลมเลย
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา