6 ต.ค. 2022 เวลา 03:12 • ปรัชญา
มโนมยิทธิ
พระกรรมฐานที่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทปฏิบัติกัน ส่วนใหญ่ในสำนักนี้ ฝึกหนักด้วยมโนมยิทธิ วันนี้ในตอนต้น ก็จะขอแนะนำเรื่องมโนมยิทธิให้บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทนำมาปฏิบัติ สำหรับที่ปฏิบัติมาแล้ว หรือครูไปแนะนำนั้น ท่านเจ้าของคือพระพุทธเจ้า ท่านให้ลดกำลังจากเดิมลงมา ขึ้นต้นจากอุปจารสมาธิ ถ้าหากว่าเป็นกำลังเดิมให้ใช้ฌาน ๔ การใช้ฌาน ๔ น่ะ สอนมา ๑๐ ปีไม่มีคนได้ ได้อยู่ปีแรกปีเดียวคือปี ๐๘ หลังจาก นั้นคนปฏิบัติไม่ได้ ท่านจึงแนะนำให้ใช้กำลังลดลง
ทีนี้สำหรับท่านที่ได้แล้ว แต่กำลังไม่เต็มอัตรา ก็สามารถจะทำกำลังให้เต็มอัตราได้ โดยวิธีปฏิบัติแบบนี้ ให้ปฏิบัติรูปเดียวกับกสิณเดิม เดิมทีเดียวก็ใช้กสิณ ตอนนี้ในเมื่อได้แล้วก็ไม่ต้องหากสิณ เดี๋ยวบอกไปขึ้นต้น กสิณอีกจะยุ่งกันใหญ่ หรือว่าเวลาที่จับภาพลำดับแรกนึกถึงเริ่มต้น คือสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เห็นท่าน
ชัดเจนตามกำลังที่พึงจะทำได้ แล้วหลังจากนั้นก็อย่าเคลื่อนกำลังไปที่อื่น ให้จับภาพพระพุทธเจ้าให้ทรงตัว หลังจากนั้นอาราธนาบารมีท่าน ขอให้ท่านทำตัวให้โตขึ้น แล้วดูว่าภาพของท่านโตขึ้นไหม ถ้าโตขึ้นตามความพอใจของเรา หลังจากนั้นก็อาราธนาให้เล็กลง แล้วก็อาราธนาขอให้ขึ้นไปที่สูง ให้ลงต่ำ อย่าลืมว่า ภา
พนั้นน่ะความจริงไม่ใช่พระพุทธเจ้าจริง ๆ เป็นฉัพพรรณรังสี เราทำได้ให้ท่านสูงขึ้น ลดลงต่ำได้ ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง ทำให้ชินสักครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็เคลื่อนจิตไปที่อื่นตามความประสงค์ พยายามทำอย่างนี้ให้คล่อง เพราะว่าแบบที่บรรดาญาติโยมปฏิบัติกันนี้ อาตมาไม่ได้ทำมาก่อน แล้วไม่รู้เหมือนกันว่าจิตของท่านเคลื่อนไปทั้งหมดหรือเปล่า และเมื่อมาพิสูจน์แล้ว ปรากฏว่าจิตไม่ได้เคลื่อนไป มันเป็นแต่เพียงว่าจิตโยงกับร่างกาย เกินไป และถ้าทำแบบนี้ล่ะก็จิตจะเคลื่อนไปหลุดตัวเลยน่ะ
แต่ว่าอย่าลืมนะ เวลาจับภาพพระพุทธเจ้าจิตอย่าเพิ่งเคลื่อนไปไหน อธิษฐานให้พระองค์ทรงยืนอยู่ข้างหน้าและขยายพระองค์ให้ใหญ่ขึ้น เมื่อท่านใหญ่ขึ้นแล้ว พอใจเรา แล้วขยายพระองค์ให้พระองค์ลดตัวลงและขอให้สูงขึ้น เคลื่อนสูงขึ้นไป เมื่อสูงแล้วขอให้เคลื่อนต่ำลงมา ถ้าตามแบบวิธีปฏิบัติทางกสิณ และขอให้
เคลื่อน ไปอยู่ข้างหลังเรา เราเห็น และก็ตามมาข้างหน้า ให้ไปข้างซ้าย ข้างขวา ให้คล่องแบบนี้ ถ้าทำแบบนี้จนคล่อง หลังจากนั้นถ้าเราต้องการเห็นอะไร ก็อธิษฐานเอาว่า ให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจางหายไป ขอภาพนั้นมาปรากฏกับตา อันนี้เป็นเรื่องของวิชชาสาม
แต่ว่าถ้าเรื่องของมโนมยิทธิเราก็อธิษฐานว่า ขอต่อนี้ไป ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โปรดนำข้าพระพุทธเจ้าไปพระจุฬามณีเจดียสถาน ถ้าเราต้องการจะไป ถ้าเราไปที่นั่นเราก็จะเห็นชัด ที่ทำเช่นนั้นเพื่อให้จิตทรงตัวอย่างหนึ่ง และภาพที่เห็นข้างหน้าที่เห็นต่อไป จะเห็นเท่ากับภาพพระพุทธเจ้าที่เราเห็น ทำตาม
นั้นนะจะได้สะดวกและต้องการเคลื่อนไปตามนั้น จิตจะหลุดไปจากอัตภาพเลย มันเคลื่อนไปได้เลย สบายมาก ใช่ไหม ระวังนะถ้าจิตพ้นไปจากตัวจริง ๆ ใครเขายกไปทั้งตัวไม่รู้นี่ซวยนะ อย่างไรก็เอาเชือกผูกไว้ก่อน เผื่อใครเขาเอาไปจะได้กระตุกกลับทัน
แต่ถ้าทำอย่างนี่ละก็ การเคลื่อนไหวไปทางไหนก็สว่างมาก จะเคลื่อนไปทางไหนก็สว่างมาก เพราะว่ามัน จะเห็นชัดหรือไม่ชัดก็ตาม อยู่ที่ภาพพระพุทธเจ้าที่เราเห็นในตอนแรก แต่ว่าถ้าเวลาที่ทำอย่างนั้น บังเอิญเป็นการบังเอิญ การที่เห็นนี้มัวเกินไป ให้ลดกำลังใจลงเสีย แล้วลืมตาดูแสงไฟข้างหน้า แสงไฟข้างหน้า
จะเป็นไฟเทียนก็ได้หรือไฟฟ้านี้ก็ดีกว่า ลืมตาเห็นแสงสว่างแล้วก็หลับตาลง ตอนนี้ถ้าอาการอย่างนี้ อาการมัวจะหายไป สภาพแสงสว่างจะช่วยการเจริญแบบนี้มีความจำเป็นต้องใช้อาโลกกสิณช่วย คำว่าอาโลกกสิณคือแสงสว่างช่วยนั่นเอง จบ นี่เป็นวิธีเจริญมโนมยิทธิ
จากหนังสือ คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๒๗ หน้าที่ ๑๒๗ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
โฆษณา