8 ต.ค. 2022 เวลา 06:22 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
หวงซิวเซิน แม่จ๋า อย่าร้องไห้
ไอ้ซาลาเปาหวงซิวเซินถือว่าเป็นดาราไอคอนของฮ่องกงที่มีเอกลักษณ์ชัดเจน หลายคนรู้ว่าเขาสืบเชื้อสายมาจากหวงเฟยหง แต่ชีวิตจริงของเขาเศร้ายิ่งกว่าเคล้าน้ำตา
แม่ของเขาคือหวงชุนอี้ Wong Chun Yi (黃尊儀) คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่โชคชะตาอาภัพให้เจอคนหลอกลวง แม่ของเขาใช้ชีวิตอย่างน่าเศร้า เต็มไปด้วยปัญหาทางการเงินและสุขภาพที่ทรุดโทรม เมื่อหวงซิวเซินอายุเพียงสี่ขวบ พ่อของเขา เฟรเดอริค วิลเลียม เพอร์รีก็ได้ละทิ้งครอบครัว ปล่อยให้แม่และลูกชายต้องพึ่งพากันเพียงลำพัง
ตอนที่แม่ตั้งท้อง เธอเกิดภาวะซึมเศร้าไม่ต้องการให้มีอีกหนึ่งชีวิตเกิดขึ้นมา แต่เมื่อคลอดออกมาเธอก็ยังอยู่ในภาวะไม่ปกติ แล้วทุกอย่างก็พังทลายเมื่อสามีที่เป็นทหารอังกฤษอ้างไปปฏิบัติหน้าที่ๆออสเตรเลียแล้วหนีหายไป ไม่มีแม้แต่การติดต่อกลับมา หวงชุนอี้สะเทือนใจอย่างหนัก
เธอจับลูกชายวัยทารกกรอกป้อนน้ำยาซักผ้าหวังให้จบชีวิตไป แล้วเธอก็จะตายตาม เมื่อทารกน้อยดิ้นทุรนทุราย ส่งเสียงร้องไห้ดังด้วยความเจ็บปวด เธอรู้สึกตัวได้สติ แม่พาเขาไปโรงพยาบาล เหตุการณ์นี้กระตุ้นให้หวงชุนอี้ได้สติ เธอรักเด็กน้อยขึ้นมาราวกับชีวิตของเธอเอง หลังจากนั้นเธอไม่ยอมแพ้ และยังคงเลี้ยงดูลูกชายอย่างกล้าหาญ
ในฐานะแม่เลี้ยงเดี่ยว เธอรับงานเป็นสาวใช้ ทำงานหลายกะ ตื่นตี 3 ทุกวัน แต่ละวันทำงานจนถึงตีสอง นอนพักแค่ชั่วโมงเดียว ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์เท้าของเธอบวมไปหมด เธอลาออกจากงานเมื่อแม่ของเธอบอกกับเธอว่าเธอจะไม่รอดถ้าเธอยังคงทำมันต่อไป
“แม่ไม่มีความสุขในตอนนั้น เธอต้องการจบชีวิตของเราทั้งคู่” หวงซิวเซินกล่าวในการให้สัมภาษณ์ครั้งหนึ่ง
เมื่อโตพอรู้ความ ความเลวร้ายก็ตามมาอีก เมื่อแม่และลูกชายถูกไล่ออกจากบ้านเช่า โดยผู้ดูแลทิ้งข้าวของพวกเขาไว้ที่ประตูหลัง ปิดประตูห้องพวกขาสนิท หวงชุนอี้เจ็บปวด และหวงซิวเซินก็ทำได้เพียงเข้มแข็งและบอกแม่ว่าอย่าร้องไห้ หวงซิวเซินรักแม่อย่างสุดหัวใจ
ต่อมาเมื่อเขาอายุประมาณ 11 หรือ 12 ปี แม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงและต้องเข้ารับการผ่าตัดที่ปอด ในเวลานั้นหวงซิวเซินยังอยู่ในโรงเรียนประจำ เขาจะร้องไห้ในหอพักทุกคืนและสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้าว่า “ผมยินดีที่จะมอบชีวิต 20 ปีให้กับแม่ของผม”
คำอธิษฐานของเด็กน้อยอาจได้ผล การผ่าตัดประสบความสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม หวงซิวเซินก็ยังทะเลาะกับแม่บ้าง เป็นเรื่องธรรมดาของคนเราอยู่แล้ว รัก แต่ขัดแย้ง ทะเลาะกันได้
อย่างไรก็ตามหวงซิวเซินรู้สึกขอบคุณแม่ของเขา และความทุกข์ทั้งหมดที่เธอต้องเผชิญเพื่อทั้งสองคนแม่ลูกจะมีชีวิตต่อไปได้ ความสัมพันธ์ของแม่ลูกลึกซึ้ง
เมื่ออายุได้ 12 ปี หวงซิวเซินป่วยหนักและต้องเข้ารับการผ่าตัด แม่ของเขาพยายามติดต่อพ่อของเขา ซึ่งตอนอยู่ในออสเตรเลีย เมื่อได้เบอร์โทรศัพท์ผู้เป็นสามี หวงชุนอี้พยายามโทรข้ามประเทศจนเจอตัวสามี แต่ก็ใจสลายเมื่อพ่อของเขา ทำให้แม่ต้องยอมจ่ายค่าโทรศัพท์ทางไกลทั้งที่ไม่มีเงินก่อนที่เขารับสาย และนี่เป็นครั้งสุดท้ายที่แม่ติดต่อพ่อของเขา
ในช่วงวัยเด็กที่ยังเรียนหนังสือ หวงซิวเซินเป็นตัวประหลาเถูกล้อเลียนจากเพื่อนักเรียนชาวจีน หน้าตาที่ไม่เหมือนคนจีน ทำให้เขาถูกล้อเลียนอย่างไร้ความปราณีและถูกเพื่อนร่วมชั้นรังแก
"พวกเขาคิดว่าผมเป็นคนประหลาด" หวงซิวเซินเติบโตขึ้นมาในฮ่องยุค 1970 ต้องดิ้นรนกับหน้าตารูปลักษณ์ความเป็นลูกครึ่งของตนเองเมื่อตอนเป็นเด็ก เขารู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนจีนหรือคนอังกฤษ
การทอดทิ้ง การสิ้นเยื่อใยของพ่อทำให้หวงซิวเซินรู้สึกไม่มั่นคง เขาพยายามชดเชยความรู้สึกเจ็บปวดลึกๆ ของเขา
“ตอนเด็กๆ ผมต้องปกป้องตัวเอง ดังนั้นผมจึงห่อตัวเองในจินตนาการของตัวเอง”
ทักษะจินตนาการอันแข็งแกร่งทำให้เขากลายเป็นนักแสดงในที่สุด
หวงซิวเซินเข้าร่วม ATV ในปี 1982 ล้มลุกคลุกคลานในวงการจนกว่าจะสร้างชื่อเสียงได้ก็นานพอควร แต่ปมในใจยังถามเขาอยู่เสมอว่า เขาเป็นใคร ในปี 1997 เมื่ออายุ 36 ปี หวงซิวเซินตัดสินใจไปเรียนที่อังกฤษเป็นเวลาหนึ่งปีเพื่อค้นหาความเป็นมาของตนเอง เขาอยากเจอพ่อ แต่เขาไม่พบร่องรอยของบิดาและครอบครัวบิดาของเขาเลย
ในการให้สัมภาษณ์กับ BBC เมื่อปี 2017 เขาเปิดใจเกี่ยวกับวัยเด็กของเขาและการที่พ่อของเขาทิ้งรอยแผลเป็นไว้ในชีวิต หวงซิวเซินไม่ได้เจอพ่อของเขามากว่า 52 ปีแล้ว เขายังปรารถนาที่จะพบเขา หวงซิวเซินได้โพสต์รูปของพ่อที่ถ่ายคู่กับแม่และเขาบนเฟซบุคในปี 2018 เขาเชื่อในพลังของสื่อโซเซียลที่อาจจะพาเขามาเจอกับพ่อได้บ้าง
หวงซิวเซินไม่รู้ว่าถ้าได้เจอพ่อแล้วเขาจะพูดหรือถามอะไร ทำไมพ่อทิ้งผมไปครับ พ่อไม่สงสารแม่เหรอ เขาไม่รู้แม้แม้กระทั่งว่าพ่อที่แต่งงานกับแม่มันคือรักลวง หวงชุนอี้ไม่รู้ว่าสามีของเธอมีภรรยาและมีลูกมาแล้วก่อนที่จะมาคบกับเธอ หวงซิวเซินไม่รู้มาก่อนว่าเขายังมีพี่ชายอีกสองคน พี่ชายที่มีพ่อสมบูรณ์ ในขณะที่เขาไม่มี
ปี 2017 หวงซิวเซิน โพสต์ภาพครอบครัว มีพ่อและแม่และตัวเขาใน Facebook ในภาพนั้นหวงซิวเซินเป็นเพียงทารกแรกเกิด แต่ด้วยความช่วยเหลือจากแฟนๆ เขาหวังว่าจะสามารถค้นหาตำแหน่งของพ่อซึ่งเขาไม่ได้เห็นมาเป็นเวลา 52 ปี
“ในตอนนั้น ผมคิดว่าอินเทอร์เน็ตทรงพลังมาก ถ้าผมอัปโหลดรูปพ่อ ผมจะหาเขาเจอไหม” หวงซิวเซินคิดและเมื่อผ่านไปยังไม่มีวี่แวว “ผมแค่พยายามดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันเป็นไปไม่ได้ พ่อน่าจะตายไปแล้ว”
หวงซิวเซินได้เรียนรู้ที่จะปล่อยวางอดีต “มีบางสิ่งในชีวิต เช่น รอยแผลเป็น ที่จะคงอยู่ตลอดไป เตือนคุณถึงอดีตและไม่จำเป็นต้องอารมณ์เสียกับมัน”
หวงซิวเซินโพสต์รูปของแม่ชาวจีนและพ่อชาวอังกฤษบน Facebook เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับพ่อของเขา พ่อของเขาทิ้งเขาและแม่ไว้ตอนที่เขาอายุแค่สี่ขวบ และเขาไม่ได้เจอเขาอีกเลยตั้งแต่นั้นมา
บนความสิ้นหวังที่จะได้เจอะเจอพ่อ ในที่สุดหวงซิวเซินก็พบรากเหง้าของเขา
จอห์นและเดวิด สองพี่น้องฝาแฝดกล่าวว่าพวกเขาอยู่บนเรือสำราญเมื่อพวกเขาได้รับอีเมลจากลูกพี่ลูกน้องที่บอกว่ามีเรื่อง “เรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน” แล้วก็ได้เห็นโพสต์ของหวงซิวเซินในอินเตอร์เน็ท
ไม่นานนัก จอห์นและเดวิดก็อยู่บนเครื่องบินจากเมลเบิร์น ออสเตรเลีย ไปฮ่องกงเพื่อพบกับพี่น้องต่างมารดาที่พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีอยู่จริง สำหรับหวงซิวเซิน เขาไม่ได้พบกับพ่อของเขาอีก เพราะพ่อของเขา เสียชีวิตในปี 1988
ในขณะที่พี่น้องกล่าวว่าพวกเขาไม่รู้ว่าทำไมพ่อของพวกเขาจึงเก็บเรื่องครอบครัวของพ่อในฮ่องกงเป็นความลับ แต่พวกเขาเสริมว่าพ่อของพวกเขาจะ "ยินดีเป็นอย่างยิ่ง" ในการกลับมาเจอกันของพี่น้อง
ส่วนหวงชุนอี้ผู้เป็นมารดา หวงซิวเซินรักเธอสุดหัวใจ แม่เสียชีวิตในช่วงบ่ายของวันที่ 22 ตุลาคม 2018 ในฮ่องกง เธออายุมากกว่า 80 ปี
วันก่อนที่เธอเสียชีวิต หวงซิวเซินบอกว่าแม่กำลังประสบกับภาวะไตวายและอยู่ในภาวะวิกฤตที่โรงพยาบาล
“ผมใช้เวลาสองชั่วโมงกับแม่ในตอนบ่าย จากนั้นพยาบาลบอกว่าต้องการเปลี่ยนผ้าอ้อม ผมเลยออกไปข้างนอกสักครู่แล้วจะกลับในภายหลัง” หวงซิวเซินกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ทันทีที่ผมกำลังจะขับรถออกไปได้ไม่นาน โรงพยาบาลโทรมาบอกให้ผมกลับมา แต่มีการจราจรหนาแน่น ผมกลับมาถึงแม่เพิ่งจากไป ดังนั้นเธอจึงยังมีสีหน้ายีงไม่ต่างจากตอนมีชีวิต ผมก้มลงไปพูดบางอย่างในหูของแม่ แต่ผมไม่บอกนะว่าบอกอะไรกับแม่”
หวงซิวเซินเล่าว่าแม่ไม่สามารถพูดได้ก่อนที่เธอจะเสียชีวิต และสามารถมองเห็นได้ด้วยตาข้างเดียว เขาเพียงหวังว่าเธอจะจากไปอย่างสบาย
เขียนไปก็น้ำตาซึม รู้สึกยังไง คอมเมนต์มาเล่ากันได้นะครับ
โฆษณา