9 ต.ค. 2022 เวลา 10:30 • หนังสือ
เรานี้อยากเล่านวนิยายแปลของไต้หวันที่เพิ่งอ่านจบสดๆร้อน ตอนแรกเนียะสะดุดตากับหน้าปกมากเลย หน้าปกเป็นสีม่วงน้ำเงิน เราขอแทนด้วยความรู้สึกหม่นๆเศร้าๆล่ะกัน ตัดกับสีเหลืองนวลๆเหมือนแสงแห่งความหวัง ขอสารภาพตรงๆไม่เคยอ่านนวนิยายแปลของชาตินี้ แต่ก็ไม่ผิดหวังน่ะ กินใจดี
เรื่องอาจดูเศร้าหน่อย แต่ตอนจบของเรื่องเรากลับมีความรู้สึกอุ่นใจเล็กๆ ไม่ได้หมายความว่าความเศร้าหายไปน่ะ มันยังคงอยู่ แค่รู้สึกว่ามันไม่เศร้าจนอ้างว้าง หม่นๆ เหงาๆ แบบตอนแรกที่หยิบมาอ่าน มาเริ่มด้วยชื่อเรื่องกันเลยดีกว่า ศูนย์รับฝากความเสียใจ แด่ความเสียใจ.. ที่ไม่เคยสิ้นสุดอย่างแท้จริง ของผู้เขียน ซื่ออี
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมของนักเขียนท่านนี้ คือมีผลงานขายดีกว่า 500,000 เล่มในไต้หวัน
เนื้อเรื่องโดยย่อ ในชีวิตคนเรามีวันที่ฝนตก หากร่มเพียงคันเดียวที่กางกั้นนั้นเกิดรั่วซึมทั้งตัวคงต้องเปียกปอน ตำนานของนครไทเปเล่าลือกันว่า ในศูนย์การค้าใต้ดินของสถานีไทเป มีสถานที่หนึ่งที่จะช่วยส่งจดหมายและสิ่งของกลับไปให้คนที่ไม่อาจพบหน้าในปัจจุบันได้ โดยมีกฎง่ายๆ เพียง
คุณไม่มีทางหาศูนย์รับฝากความเสียใจเจอ จนกว่าที่แห่งนี้จะยอมให้คุณเจอ ศูนย์รับฝากความเสียใจจะเปิดบริการแค่วันพุุธ ระหว่างเวลาสิบเจ็ดนาฬิกาถึงสิบเก้านาฬิกาเท่านั้น ห้ามส่งจดหมายหรือสิ่งของหาตัวเอง คนที่คุณจะส่งถึงต้องเป็นคนที่เคยเจอหน้ากันมาก่อน ไม่สามารถแก้ไขอดีตได้ ทำได้เพียงเยียวยาหัวใจตัวเองเท่านั้น
ศูนย์รับฝากความเสียใจ เป็นนิยายติดอันดับขายดีของไต้หวัน โดยเปรียบความเศร้าของคนเราเป็นสายฝนโปรยปราย แม้คนทุกคนจะมีภูมิคุ้มกันหรือก็คือร่มไว้เพื่อกางกั้นลมฝน แต่ร่มคันนั้นก็มิอาจสมบูรณ์พร้อมเสมอไป และ "ศูนย์รับฝากความเสียใจ" แห่งนี้ก็เป็นเสมือนนักซ่อมร่ม ที่จะเยียวยาความเสียใจอุดรูรั่วใจจิตใจของผู้ที่มีความเสียใจในอดีต
ส่วนคำโปรยด้านหลังปก "คุณไม่มีทางหาศูนย์รับฝากความเสียใจแห่งนี้เจอ เพราะที่แห่งนี้จะเลือกยอมให้คุณเจอเองต่างหาก" ความเสียใจที่ไม่อาจเติมเต็มให้สมบูรณ์ เสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่ขาดหายไปความคิดถึงอันสับสนยุ่งเหยิง แต่ไหนแต่ไร ความเสียใจอาจไม่เคยสิ้นสุดลงอย่างแท้จริง เมื่อก่อนก็ใช่หลังจากนี้ก็ใช่
ณ ที่แห่งนี้ เจ้าหน้าที่รับฝากความเสียใจจะรับความเสียใจของคุณเอาไว้อย่างอ่อนโยน ณ จุดเชื่อมต่อที่ซ่อนอยู่ระหว่างบนดินกับใต้ดิน มุมหนึ่งของศูนย์การค้าใต้ดินแห่งสถานีรถไฟไทเปที่คดเคี้ยวเหมือนเขาวงกต ในวันพุูธซึ่งเป็นรอยต่อของสัปดาห์ เวลาพลบค่ำตั้งแต่สิบเจ็ดนาฬิกาไปจนถึงหนึ่งทุ่มตรงที่เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างกลางวันกับกลางคืน "ศูนย์รับฝากความเสียใจ" จะปรากฏขึ้นมาอย่างเงียบเชียบ เพื่อเป็นตัวกลางช่วยส่งความเสียใจของคุณกลับไปยังอดีตให้แก่คนที่มิอาจพบเจอได้อีก
เมื่อใดที่คุณกอดเก็บความเสียใจอย่างแรงกล้าเอาไว้ และอยากจะเดินออกจากเขตแดนของสิ่งที่ได้ชื่อว่า "สายเกินไป" ก็ขอเชิญมายังที่แห่งนี้ ข้ามเวลากลับไปยังจุดเริ่มต้นของความเสียใจ ส่งความคิดคำนึงออกไปยังอดีตที่ล่วงผ่าน "ความเสียใจ มีไว้เพื่อให้เรายิ่งทะนุถนอมปัจจุบัน"
สำหรับเราพอเราอ่านจบ แล้วประกอบกับมาดูซีรีย์เรื่อง ร้านซื้อขายความทรงจำ” ตอน “Bond and Relationship ผ่านร้าน Good Old Days แล้ว มันดูเข้ากันดีน่ะ ถึงเรื่องจะดำเนินจากความเศร้า แต่ตอนจบมันก็อิ่มใจได้ เหมือนตัวละครต่างก้าวผ่านเรื่องราวที่เป็นจุดเจ็บปวดของชีวิต ถึงแม้จะไม่งดงาม แต่มันก็ดีที่สุดเท่าที่วัยวุฒิที่ผ่านไปทำได้ สำหรับในหนังสืออ่าน่ะเป็นความรู้สึกที่ได้รับการเยียวยาทั้งจากผู้สูญเสีย และคนที่จากไป ถึงแม้เราจะแก้ไขอดีตไม่ได้ก็ตาม แต่มันก็ไม่ขมจนเกินไปเหมือนช่วงแรกๆ
สุดท้ายความเสียใจมันยังคงอยู่ในจิตใจเราแหละ แค่ได้รับการบรรเทา เมื่อได้ส่งความรู้สึกกลับไปในอดีตผ่านตัวอักษร หรือสิ่งของในวันที่เรายังเยาว์กว่าวันนี้ เท่านี้อาจจะดีที่สุดสำหรับคนที่ต้องอยู่ต่อ เพื่อที่ไม่ต้องจมอยู่กับการโทษตัวเอง หรือรู้สึกผิดต่อใคร
โฆษณา