10 ต.ค. 2022 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #พวกเขามีสิทธิ์ฝัน ]
ทันทีเสียงนกหวีดสุดท้ายที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยมดังขึ้น มิเกล อาร์เตต้า ออกอาการลิงโลดสุดขีด กระโดดตัวลอยขึ้นฟ้า ชูหมัดอย่างสะใจ
กว่าอาร์เซน่อลจะเข่นลิเวอร์พูลลงได้ 3-2 ต้องยอมรับเลยว่า มีความตึงเครียดปกคลุมตลอด เมื่อถึงเวลาก็เลยต้องขอปลดปล่อยสักหน่อย
ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า 2 ฤดูกาลหลังสุด สองทีมนี้ดวลแข้งกันบ่อยมาก รวมแล้วทั้งสิ้น 8 นัดจากทุกรายการ ปืนใหญ่ไม่สามารถเอาชนะได้เลย แถมพ่ายไปถึง 5 นัดด้วยกัน หากนับเฉพาะในเวลาปกติ 90 นาที
เลยมักพูดกันอยู่เสมอว่า เหมือนงูเหลือมกับเชือกกล้วย อาร์เซน่อลแพ้ทางลิเวอร์พูล ชนิดสู้กันไม่ได้เลย มันอาจเป็นปมในใจของ อาร์เตต้า ก็ได้
อย่างซีซั่นที่แล้วในเกมลีก ตอนที่เจอกันในบ้าน อาร์เซน่อลอยู่ในสภาพที่คึกสุดขีด กวาดชัยชนะมาต่อเนื่อง แต่สุดท้ายก็ต้านทานลิเวอร์พูลไม่อยู่
ในขณะเดียวกันเกมที่แอนฟิลด์ ก่อนจะไปเยือน อาร์เตต้า ทำในสิ่งที่หลายคนคาดไม่ถึงนั่นคือ ตอนซ้อมกันมีการยกเครื่องเสียงมาเปิดเพลง you will never walk alone เพื่อให้ลูกทีมทำความคุ้นเคย เวลาเจอบรรยากาศเสียงเชียร์จากเดอะ ค็อปจริงๆ จะได้ไม่หวั่นไหว
พอสื่อรู้วิธีการเช่นนี้เข้า ต่างโจมตีว่าเป็นแนวความคิดที่พิสดารอย่างมาก ไม่เห็นเข้าท่าตรงไหนเลย ราวกับว่าตัวเขาเองนั่นแหล่ะที่กลัว ไม่ใช่เกี่ยวกับนักเตะเลย
แล้วผลลัพธ์ที่ออกมาหนักข้อกว่าเดิมอีก ลิเวอร์พูลโชว์ความเหนือชั้นชนิดคนละคลาส ปูพรมถล่มนิ่มๆ 4-0
เมื่อได้มาเผชิญหน้ากันอีกครั้งในฤดูกาลนี้ อาร์เตต้า ย่อมมีความคาดหวังสูงเป็นธรรมดา เพราะนี่คือช่วงเวลาที่ทัพปืนโตกำลังพีคอย่างมาก ออกสตาร์ตได้น่าเกรงขาม
1
ในขณะที่หงส์แดงเองดูแผ่วไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในแนวรุก อาจเป็นปัญหาสำคัญ เช่นเดียวกับเกมรับซึ่งดูหละหลวมมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น
1
สิ่งที่ต้องยอมรับก็คือ อาร์เตต้า เรียนรู้จากความผิดพลาดในหลายครั้งที่ผ่านมา นำมาใช้ได้เป็นอย่างดี
ที่สำคัญก็คือผู้เล่นอาร์เซน่อล แม้จะเต็มไปด้วยวัยฉกรรจ์ แต่พลังหนุ่มและหัวใจของพวกเขาต่างแข็งแกร่งกันทั้งสิ้น พร้อมสู้ตามเสียงปลุกกระตุ้นของแฟนบอล
อาร์เตต้า ยึดมั่นตามปรัชญาและแนวทางของตน เขาใช้เวลาอยู่พอสมควร คลำผิดคลำถูก เจอเสียงวิจารณ์มาไม่น้อยเลย โดยเฉพาะความพยายามจะเดินตามรอย เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ซึ่งเคยเป็นมือขวาที่แมนฯซิตี้
เชื่อกันว่า อาร์เตต้า ซึมซับวิธีการทำงานหลายอย่างมาจาก เป๊ป รวมถึงแท็คติกด้วย แต่บางครั้งมันเหมือนของปลอม ซึ่งเลียนแบบอย่างไรก็ยากจะเหมือนของจริง
อย่างไรก็ตาม อาร์เตต้า ไม่แคร์อะไร ก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไป เพราะเขาน่าจะรู้ดีสุดแล้วว่าความจริงเป็นแบบไหน
2
ย้อนกลับไปฤดูกาลที่แล้ว หลายคนยังจำได้ดี มันคือฝันร้ายของกูนเนอร์สมากในช่วงต้น เปิดมาเล่นในลีกได้แค่ 3 นัด ปรากฏว่าพ่ายเรียบวุธ โดนทะลวงตาข่าย 9 ประตู โดยที่ยิงไม่ได้เลย
ความเจ็บปวดทวีคูณ เมื่อโดนพระอาจารย์อย่าง เป๊ป สอนเชิง 5-0 เป็นเกมที่ตอกย้ำเลยว่า อาร์เซน่อลไม่มีทางสู้แมนฯซิตี้ได้เลย ต่อให้ดิ้นรนแค่ไหนก็ยากอยู่ดี
แต่ฤดูกาลนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ปืนโตแสดงให้เห็นพัฒนาการ รวมทั้งสรุปบทเรียนได้อย่างดีเยี่ยม แก้ไขในจุดที่บกพร่อง เติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไป
การออกสตาร์ตด้วยชัยชนะ 5 เกมติดต่อกันในลีก สะท้อนได้ถึงความจริงนี้อย่างดี พวกเขามาสะดุดเกมที่ 6 แพ้แมนฯยูไนเต็ด 1-3 ด้วยภาพรวมที่ไม่เป็นรอง สู้ได้สนุกสูสี เพียงแต่จังหวะสุดท้ายกลายเป็นตัวชี้วัด
1
หลังความปราชัยกูนเนอร์สทั้งหลายใจไม่ค่อยดีเท่าไร กลัวจะแพ้ต่อเนื่อง เหล่าแข้งหนุ่มอาจเจอผลกระทบความรู้สึก แล้วฟอร์มจะหล่นตามไปด้วย
อย่างไรก็ตามพวกเขาล้มแล้ว ใช้เวลายืนหยัดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว คว้าชัยรวด 3 นัด นับเฉพาะในพรีเมียร์ลีก โดยที่ทุกรายการคือ 5 เกมติดต่อกัน เพราะยูฟ่า ยูโรปาลีกก็เฮทั้งสองเกม
แน่นอนว่านัดเชือดลิเวอร์พูลนี่แหล่ะ คือหนึ่งในไฮไลต์ที่สำคัญของ อาร์เตต้า และเด็กๆ เห็นชัดเจนว่าแทบทุกคนพร้อมสู้อย่างไม่เกรงบารมีหรือสนใจเรื่องบอลแพ้ทางอีกแล้ว
ทัพปืนโตลงไปเล่น เหมือนมั่นใจว่าต้องชนะสำเร็จ แล้วก็ได้รับผลตอบแทนอย่างที่เห็นกัน
ต้องบอกเลยว่า อาร์เตต้า ไม่ได้มั่นคงในแนวทางของตนเองอย่างเดียว แต่ยังมีทีมที่ลงตัวอีกต่างหาก รู้แล้วว่า 11 คนแรกดีสุดคือใครบ้าง โดยเฉพาะแนวรุก ซึ่งร้อนแรงกันมาพักใหญ่
จตุรเทพปืนใหญ่ ประกอบไปด้วย กาเบรียล เชซุส , กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ , บูกาโย่ ซาก้า และ มาร์ติน โอเดการ์ด ที่ร่วมกันปั่นป่วนแนวรับฝ่ายตรงข้ามกันต่อเนื่อง
การมาของ เชซุส ช่วยยกระดับประสิทธิภาพเกมรุกอย่างมาก หลังจากที่ขาดหน้าเป้าในลักษณะนี้มานาน ไม่ใช่แค่ยืนรอในกรอบเขตโทษ แต่ยังวิ่งพล่านทำงานหนัก ทั้งเคลื่อนไหวหาโอกาส รวมถึงเพรสซิ่งแดนบน
นอกจากนี้คนอื่นก็มีพัฒนาการน่าพอใจ มาร์ติเนลลี่ คือตัวอย่างที่ว่าเลย เล่นด้วยความมั่นใจ จังหวะสปรินท์ฉีกกองหลังคู่แข่งยุ่ย เปิดช่องในการนำไปสู่ประตู จนถูกคาดหมายว่าจะเป็นซูเปอร์สตาร์ในอนาคตอันใกล้
เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังเอ่ยปากชื่นชมเด็กหนุ่มคนนี้ ทำให้รู้สึกทึ่งและตื่นตาตื่นใจเมื่ออยู่ในสนาม กระทั่งมาโดนทีเด็ดด้วยตัวเองนั่นแหล่ะ
โอเดการ์ด เองก็ปรับตัวได้ดี ยิ่งนานวันเข้าเราได้รับรู้ถึงความมหัศจรรย์อย่างที่ร่ำลือกันตั้งแต่อายุยังน้อยๆ ไม่ได้เป็นวันเดอร์คิดของปลอมอย่างที่ปรามาสกันหรอก
เช่นเดียวกับ ซาก้า แม้จะได้รับบาดแผลมาจากศึกยูโร 2020 ที่มาเตะกันเมื่อปีที่แล้ว ยิงจุดโทษพลาดทำอังกฤษต้องใจสลายได้แค่รองแชมป์ แต่ก็ฟื้นตัวเองเร็วมากๆ อย่างน้อยบ่งบอกสภาพจิตใจอันแกร่งจริง
ในแดนกลาง โธมัส ปาร์เตย์ คือคีย์แมน รับบทผู้นำอย่างเต็มตัว น่าห่วงแค่อย่างเดียวคืออาการบาดเจ็บจะรบกวน
กรานิต ชาคา ที่เคยอยู่ในแผนถูกเขี่ยทิ้ง ก็เปล่งปลั่งอย่างไม่น่าเชื่อ แค่ปรับทัศนคติให้ดี ควบคุมอารมณ์ให้ได้ เล่นตามจังหวะของตัวเอง เท่านี้ก็ได้เห็นผลลัพธ์อันน่าพอใจแล้ว
อาจจริงที่ว่าเส้นทางยังอีกยาวไกล บนตารางอันดับปืนโตนำจ่าฝูงก็จริง แต่ห่างแมนฯซิตี้เพียงแค่แต้มเดียวเท่านั้น มันจึงยากมากสำหรับการโค่นเรือใบสีฟ้าให้ตกจากบัลลังก์
1
แต่สำหรับแฟนๆแล้ว พวกเขามีสิทธิ์จะฝัน ความหวังมาเต็มเปี่ยม ไม่ได้สัมผัสบรรยากาศเช่นนี้มานานแล้ว นับตั้งแต่หมดยุค อาร์แซน เวนเกอร์
กูรูหลายคนมองว่า อาร์เซน่อลต้องรักษามาตรฐานให้ได้ จากนั้นมาดูกันอีกทีในช่วงหลังปีใหม่ไปแล้ว ว่ายังดีพอสำหรับสู้กับซิตี้หรือไม่
สำหรับเวลานี้พวกเขาขอซึมซับความสุขกันไว้ก่อน แล้วค่อยมาตามดูกันอีกที
1
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา