11 ต.ค. 2022 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #เฮฟวี่เมทัลที่หายไป ]
ก่อนฤดูกาลนี้เปิดฉากขึ้น ถ้ามีใครพูดขึ้นมาว่าลิเวอร์พูลจะออกสตาร์ตด้วยความทุลักทุเล มันเป็นเรื่องยากที่น่าจะเชื่อ
หงส์แดงโชว์ความร้อนแรงสุดพลังในซีซั่นที่แล้ว เกือบบันทึกประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน ชนิดที่ว่าไม่มีทีมไหนทำได้สำเร็จ ด้วยการลุ้น 4 แชมป์ ก่อนพลาดอย่างน่าเสียดาย
พอมาถึงฤดูกาลนี้ ย่อมถูกคาดหมายว่าจะรักษามาตรฐานได้ไม่ยาก ในเมื่อยังมี เจอร์เก้น คล็อปป์ กุมบังเหียนเช่นเดิม แถมขุมกำลังก็ไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรนัก รวมทั้งมัด โม ซาลาห์ ด้วยสัญญาฉบับใหม่ อยู่โยงกันยาวๆได้อีก
การมาเสริมของ ดาร์วิน นูนเญซ ก็ยังช่วยกระตุ้นความตื่นเต้นให้เดอะ ค็อปทั้งหลาย ดาวถล่มประตูอนาคตไกล ผู้มีค่าตัวพุ่งกระฉูด 100 ล้านยูโร หากจ่ายเต็มจำนวนอ็อปชั่น คิดแล้วแทบรอไม่ไหว
แต่ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน แทบทุกอย่างตรงกันข้ามกับจินตนาการเลย ลิเวอร์พูลไม่เหมือนทีมเดิมอีกแล้ว ทั้งที่แค่ก้าวผ่านฤดูกาลเท่านั้นเอง
ในพรีเมียร์ลีกเพิ่งชนะแค่ 2 จาก 8 เกมที่ลงเล่น ต่ำกว่ามาตรฐานมาก แถมแพ้ไปแล้ว 2 นัดให้ทีมจากบิ๊กซิกซ์ด้วยกัน ส่วนอีก 4 เกมที่เสมอก็ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะดูเหนือกว่าคู่แข่งทั้งสิ้น
1
ส่วนศึกยูฟ่า แชมเปี้ยส์ ลีกก็ใช่ว่าจะดีเท่าไร บาดแผลจากการโดนนาโปลีถล่มตั้งแต่ประเดิม 4-1 ยังคงตามหลอกหลอนอยู่ แม้จะกระเตื้องขึ้นใน 2 เกมถัดมาก็ตาม
1
กระทั่งมาโดนอาร์เซน่อลซึ่งเคยเป็นลูกไล่มาก่อน เปิดบ้านทุบ 3-2 ผู้คนมากมายชักสงสัยหนักขึ้น ตกลงแล้วเกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นกันแน่กับลิเวอร์พูล
ลำพังการขาดหายไปของ ซาดิโอ มาเน่ เพียงคนเดียว ไม่มีทางจะกระทบไปทุกภาคส่วนอย่างนี้หรอก เพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่เกมรุก เราต่างเห็นว่าเกมรับก็เปื่อยยุ่ยคาดไม่ถึง
ลิเวอร์พูลโดนทะลวงตาข่ายแล้ว 17 ประตูในทุกรายการ มองแค่ตรงนี้ก็รู้แล้วว่าผิดปกติอย่างแท้จริง เทียบกับซีซั่นก่อนในลีกพวกเขาเสียแค่ 26 ประตูเท่านั้นเอง ยืนยันได้ถึงความเหนียวแน่นของแนวรับ
1
คล็อปป์ ถึงไม่ได้วิตกอะไรนักเมื่อ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ โดนวิจารณ์ในเรื่องเกมรับ อย่างน้อยพอเสียประตู ก็มักยิงคืนได้มากกว่าอยู่เสมอ สไตล์ของทีมเน้นรุกแบบดุดันทรงพลังอยู่แล้ว
ถึงตอนนี้มันเปลี่ยนไป ใช่ว่าโดนยิงแล้วจะกลับมาทวงคืนได้ง่ายๆหรือซัดได้มากกว่าอย่างที่คุ้นเคยกัน ปัญหามีให้เห็นแทบทุกโซน ไล่ตั้งแต่หลัง กลาง หน้า จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแก้ไขให้ครบ
แกรี่ เนวิลล์ ในบทบาทกูรูพันดิต แสดงความเห็นไว้อย่างน่าคิดว่า ลิเวอร์พูลที่มีเอกลักษณ์เฮฟวี่เมทัล คือดุดันแข็งกร้าว บุกใส่เป็นพายุบุแคมแทบไม่หายใจหายคอ เปลี่ยนท่วงทำนองอย่างชัดเจน
กลายสภาพเหมือนเล่นด้วยกีตาร์เบสธรรมดา จังหวะจะโคนโทนของเกมผิดรูปผิดร่าง เฉื่อยชาขาดความกระตือรือร้นอย่างไม่น่าเชื่อ
แกรี่ คอนเม้นต์ว่าเกมครึ่งแรกดูสูสี หงส์แดงสู้ได้ดีเลย แทบไม่ได้เป็นรองเท่าไรนัก แต่พอครึ่งหลังกลับกลายเป็นหนังคนละม้วน
ปกติแล้วเราจะต้องคาดหวังลูกทีมของ คล็อปป์ ไล่ข่มกดดันคู่แข่งแบบเฮฟวี่เทมัลนั่นแหล่ะ ยิ่งช่วงท้ายเกมด้วยแล้ว หากอยู่ในสถานการณ์ต้องการประตู จะนวดจนน่วมเลยทีเดียว
บุคลิกที่เคยก้าวร้าว ตามกัดไม่ปล่อยจากกลยุทธเพรสซิ่งเข้มข้น ถูกกลืนหายไปอย่างไม่น่าเชื่อ
มีการแสดงความเห็นกันมากมาย เกี่ยวกับสิ่งที่ลิเวอร์พูลกำลังเผชิญในยามนี้ มองไปตรงไหนก็เหมือนจะใช่หมดเลย
เริ่มตั้งแต่เกมรับที่เคยไว้ใจได้ ยากนักที่จะฝ่าแบ็กโฟร์ซึ่งมี เฟอร์กิล ฟานไดค์ เป็นผู้บัญชาการจัดระเบียบ ยืนกันเนี๊ยบแน่นหนา กลายเป็นว่าตัวเขากลับฟอร์มหล่นซะเอง
กองหลังดัตช์ดูไม่รัดกุมสร้างความอุ่นใจให้เหมือนอย่างที่เคยเห็นกัน นอกจากนี้ดูโอก็มีการผลัดเปลี่ยนเสมอ ไม่ได้จับคู่กับใครแบบถาวรเหมือนผนึกกำลัง โจเอล มาติป เป็นหลักในซีซั่นก่อน
ฟานไดค์ รับบทเซ็นเตอร์แบ็กกับผู้เล่นหลายต่อหลายคนในซีซั่นนี้ มาติป , โจ โกเมซ , แน็ทท์ ฟิลลิปส์ หรือกระทั่ง อิบราฮิม่า โกนาเต้ ที่เพิ่งหายจากบาดเจ็บ
อย่างที่รู้กันตำแหน่งนี้มันสำคัญ การเปลี่ยนคู่ประจำการบ่อยๆ จึงไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย แต่ต้องยอมรับว่าปัญหาอาการบาดเจ็บ คือสิ่งที่หลีกเลี่ยงหรือกำหนดไม่ได้อยู่แล้ว
ในขณะที่แบ็กทั้งสองข้างที่ขึ้นชื่อลือชาว่าโดดเด่นเรื่องเกมรุก วัดได้จากจำนวนแอสซิสต์ที่ผ่านมา ก็เริ่มแผ่วลงไป
เทรนท์ ยิงไปแล้ว 3 ประตูในซีซั่นนี้ทุกรายการ เมื่อรวมกับคอมมูนิตี้ ชิลด์ แต่น่าเหลือเชื่อยังไม่มีแอสซิสต์มาฝากแฟนๆเลย
ส่วนเรื่องการเล่นเกมรับไม่ต้องพูดถึง ยิ่งในช่วงที่ทีมทรุดหนัก แผลในเรื่องนี้ถูกเปิดกว้างขึ้นอีกมากเลยทีเดียว
ฟากซ้าย แอนดี้ โรเบิร์ตสัน จัดไปแล้วทั้งหมด 3 แอสซิสต์ แต่น่าเสียดายที่โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานก่อน ยังต้องเยียวยากันอีกสักพักกว่าจะกลับมา ประสิทธิภาพทางฝั่งของเขาจึงลดลงด้วย
คอสตาส ซิมิกาส อาจมีความดุดันก็จริง แต่เรื่องของความแม่นยำเด็ดขาด รวมทั้งบทบาทเกมรุกยังเป็นรองอีกมาก
แผงมิดฟิลด์ผู้เล่นหลายคนก็โรยไปมาก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน , ฟาบินโญ่ หรือ ติอาโก้ อัลกันตาร่า 3 คีย์แมน น่าจะด้วยวัยที่มากขึ้น รวมไปถึงอ่อนเปลี้ยติดพันมาจากซีซั่นก่อน
เด็กใหม่ก็ไม่อาจทดแทนได้เลย แม้จะพยายามปลุกปั้น ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ หรือ เคอร์ติส โจนส์ ก็ตามที นั่นไม่นับ นาบี เกอิต้า และ อเล็กซ์ อ็อกเลด แชมเบอร์เลน ที่เดี้ยงเรื้อรัง
พอแก้ขัดไปยืม อาร์ตู เมโล่ ยังแทบไม่ได้ใช้งานเป็นชิ้นเป็นอัน ดันมาเจ็บตอนซ้อมพักยาวอย่างน้อย 3 เดือน อะไรมันจะโชคร้ายขนาดนั้น
แนวรุกแม้ คล็อปป์ จะเปลี่ยนแท็คติกเพื่อเอื้อเต็มที่ แต่ถึงตอนนี้ ดาร์วิน นูนเญซ ก็ต้องเรียนรู้ปรับตัวกันต่อไป
โม ซาลาห์ ก็ไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนเดิม โดนตั้งคำถามแนวทางการเล่นที่ถูกจับยืนชิดริมเส้น ไม่ค่อยได้เข้าเขตอันตรายคู่แข่ง รวมทั้งต่อสัญญาใหม่แล้วไม่กระหายอย่างที่เคยเป็น
ล่าสุดหนักหนากว่าเดิมอีก หลุยส์ ดิอาซ ซึ่งโชว์ฟอร์มได้มาตรฐานกว่าใคร อาจต้องพักถึง 2 เดือนด้วยกัน กลับมาอีกหลังฟุตบอลโลก 2022 ปิดฉากเลย ยังดีที่โคลอมเบียตกรอบคัดเลือกไปแล้ว
ทั้งเรื่องฟอร์มการเล่นที่ดร็อปน่าใจหาย ทั้งปัญหาอาการบาดเจ็บผู้เล่นที่ตบเท้ากันขึ้นเตียงพยาบาล ล้วนแต่บั่นทอนลิเวอร์พูลในยามนี้ทั้งสิ้น
เจอร์เก้น คล็อปป์ จัดเป็นกุนซือที่แก้ปัญหาได้เก่งคนหนึ่ง แต่คราวนี้จะหาวิธีไหนมาจัดการ น่าติดตามดูกันจริงๆ
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา