รัสเซีย ช่วยลดใช้พลังงานไฟฟ้า! ลดการสื่อสาร และโครงสร้างทางทหารยูเครน
ราว 2 เดือนที่ผ่านมา ยูเครน ขยันเป็นพิเศษในการยิงจรวดและปล่อยโดรนกามิกาเซ่ไปทำลายโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซาโปริชเซียจนเสียหาย
โดยมีผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าฯ และพนักงาน 2 คน คอยส่งพิกัดและแจ้งผลการโจมตีทางระบบสื่อสารให้ฝ่ายยูเครนทราบ ต่อมาทั้ง 3 คนถูกรัสเซียจับกุมได้ การโจมตีจึงซาลงไป
การกระทำของยูเครนเพื่อขัดขวางการลงประชามติของประชาชนแคว้นซาโปริชเซียในช่วงนั้น จึงเกิดความเสี่ยงที่กัมมันตภาพรังสีจะรั่วไหลเป็นอันตรายต่อมนุษย์ในวงกว้าง สำนักงานปรมาณูสากล (IAEA) ในสังกัดสหประชาชาติ ส่งทีมเจ้าหน้าที่มาตรวจก็อ้ำๆ อึ้งๆ
ได้รับคำขู่จากชาติมหาอำนาจตะวันตกลูกพี่ยูเครน ไม่กล้าเขียนรายงานไปตามตรงว่าความเสียหายดังกล่าวเกิดจากหลักฐานซากอาวุธยูเครนในที่เกิดเหตุจำนวนมาก
ปัจจุบันรัสเซียจึงปิดเตาปฏิกรณ์โรงไฟฟ้านั้นไปแล้วโดยมีเจ้าหน้าที่ IAEA ยังปฏิบัติงานอยู่เพื่อความปลอดภัยของประชาชน
ผลก็คือยูเครนเหลือจำนวนโรงไฟฟ้าลดลงในการขายไฟฟ้าให้ยุโรป ซึ่งประธานาธิบดีเซเลนสกี้ แห่งยูเครน ก็ประกาศว่าเมื่อถึงฤดูหนาวนี้จะงดขายไฟฟ้าให้ยุโรป
แต่เมื่อหน่วยงานความมั่นคงรัสเซีย สืบทราบว่ายูเครน ให้หน่วยงานพิเศษวางแผนดำเนินการใช้รถบรรทุกขนระเบิดไปทะเลาะกับสะพานไครเมีย ซึ่งเป็นเขตอำนาจกฎหมายรัสเซียตามรัฐธรรมนูญ เมื่อแหย่รังแตนก็เลยงานเข้า
เพราะตามกฎหมายต่อต้านผู้ก่อการร้ายรัสเซียนั้นมีความรุนแรงมากคล้ายกฎหมายของสหรัฐ คือให้อำนาจรัฐบาลใช้อาวุธจากอาณาเขตของสหพันธรัฐรัสเซีย
เพื่อตอบโต้ผู้ก่อการร้ายที่อยู่นอกดินแดน หรือ ฐานทัพ แหล่งหลบซ่อนขบวนผู้ก่อการร้ายได้ สหรัฐเองก็ทำแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งกฎหมายแต่ละประเทศก็จะเข้มข้นต่างกัน
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย จึงใช้อำนาจตามกฎหมายนี้ตามรัฐธรรมนูญ และอำนาจปฏิบัติการทางทหารในยูเครน ที่ได้รับการอนุมัติจากสภาความมั่นคง
สั่งให้กองทัพโจมตีเป้าหมายในกรุงเคียฟ เมืองหลวง และภูมิภาคอื่นๆ ทั่วประเทศยูเครน อย่างรุนแรงเพื่อตอบโต้
พล.อ.เซอร์เก ซูโรวิคิน ผู้บัญชาการสูงสุดกองกำลังร่วมฉายา "นายพลอาร์มาเก็ดดอน" สั่งยิงขีปนาวุธร่อน Kh-101 , Iskander-M และขีปนาวุธใหม่หลายระลอกเกือบ 200 ลูก
พร้อมปล่อยโดรนกามิกาเซ่ Geran-2 จำนวนมากไปยังเป้าหมาย โดยมีปฏิบัติการตอบโต้ใน 3 ด้านหลัก คือ โครงสร้างทางทหาร , โครงสร้างด้านพลังงาน และระบบโทรคมนาคม
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์จำนวน 2 แห่ง คือ Rivne และ Khmelnytsky ทางทิศตะวันตกของยูเครน ทางรัสเซีย ไม่ได้โจมตีเพื่อป้องอันตราย ไม่ให้เกิดแบบที่ยูเครนเคยกระทำที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปรริชเซีย
ดังนั้นรัสเซียจึงเว้นทั้ง 2 โรงงานนี้มีการผลิตไฟฟ้าที่เสถียรที่สุดในระบบพลังงานของยูเครน ดังนั้นรัสเซียจึงเลือกโจมตีเฉพาะสถานีไฟฟ้าย่อยต่างๆ ที่รับไฟฟ้ามาจากโรงงานผลิต 2 แห่งนี้เท่านั้น
สถานีไฟฟ้า PS Zapadnoukrainska-750 รับไฟฟ้าต่อมาจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Rivne และ Khmelnytsky จ่ายไฟฟ้าให้ยูเครนใต้ และฮังการี ที่นี่จึงถูกโจมตีการจ่ายไฟฟ้าต้องหยุดลง
โรงไฟฟ้า Burshtynsky พลังความร้อนในภูมิภาค Ivano-Frankivsk ทางตะวันตก โดนโจมตีพังเสียหายต้องหยุดการทำงาน หยุดป้อนกระแสไฟฟ้าให้สถานีย่อยภาคตะวันตกของยูเครน และพ่วงไปถึงฮังการี สโลวาเกีย และโรมาเนีย
ฮังการี นั้นไม่ค่อยมีปัญหานักเพราะตุนก๊าซรัสเซียไว้ผลิตไฟฟ้าเต็มอัตราศึก 100% เพียงต่อสายไฟฟ้าจากในประเทศเข้ากับสายส่งไปยังพื้นที่ของตนทางตะวันออกจึงใช้เวลาไม่นานนัก
แต่สโลวาเกีย และโรมาเนีย นั้นมีปัญหาแน่ เพราะคว่ำบาตรรัสเซียจึงขาดแคลนก๊าซราคาถูกผลิตไฟฟ้าอยู่เดิมเล้ว จึงหวังพึ่งยูเครนให้รอดฤดูหนาวนี้ แต่ตอนนี้คงไม่ได้แล้ว
กระทรวงพลังงานยูเครน ประกาศหยุดส่งออกไฟฟ้าไปยังสหภาพยุโรปตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค.เป็นต้นไปเรียบร้อยแล้ว เพราะยังไม่รู้ว่าจะกลับมาผลิตไฟฟ้าได้อีกเมื่อใด เนื่องจากต้องตรวจสอบว่าจะกลับมาใช้งานได้อีกหรือไม่
สถานีไฟฟ้า PS Kyiv-750 ในเมืองหลวงกรุงเคียฟ รับกระแสไฟฟ้ามาจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Khmelnitsky และ Rivne ไปยังภาคกลางและตะวันออกของยูเครน เมื่อที่นี่ถูกโจมตี พร้อมสถานีไฟฟ้าย่อย จึงทำให้ไฟฟ้าในเมืองหลวง และพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกจะดับลงในที่สุด
สถานีไฟฟ้า PS Vinnytsia-750 รับไฟฟ้าต่อมาจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ กระจายไปทางใต้ ตะวันตกและศูนย์กลางของประเทศ ที่นี่ถูกโจมตีจึงหยุดจ่ายกระแสไฟฟ้าทั้งหมด
สถานีไฟฟ้า PS Dneprovskaya-750 รับไฟฟ้าต่อมาจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ กระจายไปทางใต้ไปยังเมือง Dnepropetrovsk และ Zaporozhye ที่นี่ถูกโจมตีจึงหยุดจ่ายกระแสไฟฟ้าทั้งหมด
สถานีไฟฟ้า Zaporozhskaya-750 ได้รับพลังงานจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ จ่ายไฟฟ้าไปยังทางใต้อยู่ใกล้กับชายแดนรัสเซียใหม่มากที่สุด ที่นี่ถูกโจมตีจึงหยุดจ่ายกระแสไฟฟ้าทั้งหมด
สถานีไฟฟ้า PS Severoukrainskaya-750 รับพลังงานไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ จ่ายไฟฟ้าไปยังกรุงเคียฟ และ ไปยังแคว้นคาร์คิฟ ภาคตะวันออก ถูกโจมตีจึงหยุดจ่ายกระแสไฟฟ้าทั้งหมด
โรงไฟฟ้า Dnieper HPP พลังความร้อนและพลังน้ำ อยู่ตอนกลางของยูเครน ที่นี่จึงถูกรัสเซียโจมตีโครงสร้างผลิตไฟฟ้า และสถานีย่อย ไฟฟ้าในภาคกลางและภาคตะวันออกจึงไม่สามารถใช้งานได้
โรงไฟฟ้าพลังความร้อน ภาคตะวันออก ใช้พลังงานจากถ่านหิน แต่เนื่องจากแหล่งถ่านหินตกไปอยู่ในดินแดนอาณาเขตใหม่รัสเซียแล้ว โรงไฟฟ้านี้จึงขาดแคลนถ่านหิน เมื่อถูกโจมตีซ้ำหลายครั้งจึงไม่มั่นคง และไม่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้
ดังนั้นรัสเซียจึงใช้วิธีตัดพลังงานไฟฟ้ายูเครนโดยโจมตีเฉพาะสถานีไฟฟ้าที่รับพลังงานมาจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Rivne, Khmelnytsky ชนิด 750 kV
โจมตีสถานีไฟฟ้าย่อย 330 kV , โจมตีโครงข่ายไฟฟ้า 330 kV ทั้งระบบ ทำให้ระบบไฟฟ้า 720 kV โอเวอร์โหลด และโจมตีโรงไฟฟ้าพลังความร้อน , พลังน้ำ ให้หยุดการทำงาน
ในที่สุดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะถูกบังคับให้ปิดตัวไปเองจากปัญหาทางเทคนิค
เมื่อแหล่งพลังงานขนาดใหญ่หยุดลง ก็จะนำไปสู่ความระส่ำระสายของระบบพลังงานไฟฟ้าภาพรวมทั้งหมดของยูเครน โครงข่ายพลังงานสาขาหมดที่ต่อเป็นจิกซอจะเสียหายอย่างร้ายแรงล่มสลายลงจนฟื้นฟูไม่ได้ในหลายเดือนจากนี้
การซ่อมแซมความเสียหายมากขนาดนี้ ไม่สามารถแก้ไขได้ในทันทีต้องใช้เวลาเปลี่ยนอุปกรณ์ยาวนาน ในทางเทคนิคจะไม่สามารถกู้คืนการทำงานของเครือข่ายพลังงานไฟฟ้าได้ภายในฤดูหนาวนี้หลายเดือนหน้า
ระยะจากนี้ยูเครนจะต้องใช้เครื่องปั่นไฟสำรองหลายร้อยหลายพันเครื่องจนขายหมดเกลี้ยง และใช้น้ำมันจำนวนมากขึ้นจนขาดแคลน , จะเกิดการขาดแคลนน้ำกิน น้ำใช้ อุปโภคบริโภค
การกักตุนอาหาร ของใช้จำเป็นจะขาดแคลนมากขึ้นไปอีก , ธุรกิจการเงิน ธนาคาร การติดต่อต่างประเทศ และอื่นๆ ที่ใช้ไฟฟ้าจะเสียหายย่อยยับ
โครงข่ายระบบสื่อสารทั้งยูเครนขณะนี้ถูกโจมตีศูนย์สื่อสารโทรคมนาคมหลักทั้งหมดในหลายเมืองไม่สามารถใช้งานได้ดังเดิม , ระบบคมนาคมขนส่งรถไฟฟ้าใต้ดินบนดินไม่สามารถใช้การได้ต้องใช้รถไฟจากน้ำมัน
ระบบสั่งการรบจะสับสนอลหม่านรวนไปทั้งระบบ ขณะนี้รัสเซียได้ส่งโดรนกามิกาเซ่ Geran-2 จำนวน 50 ชุดไปประจำที่ชายแดนเบรารุสแล้ว มันอยู่ใกล้เมืองหลวงกรุงเคียฟมาก
ให้จับตาสมรภูมิในเมืองลิมาน ชายแดนลูฮันสก์ ที่มีทหารยูเครน และทหารต่างชาติตะวันตกหลักหมื่นคน ที่หนีออกจากเมืองไม่ทัน และติดอยู่ใน "วงล้อมหม้อต้ม" นักรบวาร์คเนอร์ นักรบเชเชน และทหารคอสเซคลูฮันสก์
และกำลังติดต่อเจรจาขอยอมแพ้ เพราะระบบสื่อสารบัญชาการจากยูเครนถูกตัดขาดจนเหมือนถูกปล่อยเกาะ ถ้าตกลงกันได้ทั้ง 2 ฝ่ายโดยไม่ต้องรบกันให้สูญเสีย จะพบการยอมแพ้มอบตัวจากฝ่ายยูเครนมากเป็นประวัติการณ์
แต่ถ้าไม่ยอมแพ้ตามที่ผู้นำยูเครนสั่งห้ามก็คาดได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะจะรุนแรงกว่าสมรภูมิเมืองท่ามาริอูโปล
ชาติตะวันตกส่งอาวุธและยุยงยูเครน ยิ่งทำให้เสียหายถอยหลังลงทะเลจมไปเรื่อยๆ..เป็นปฏิปักษ์รัสเซียต่อไป บูมเบอแรงย้อนกลับจะรุนแรงกว่าหลายเท่าแน่นอน 🚀😭🤭
ที่มา : southfront , RT news , Rybar , reuters , intelslava , สื่ออิสระยูเครน
#WorldUpdate
ช่องทางติดตามบทวิเคราะห์ข่าวเชื่อมโยงกัน
😋 Telegram : https://t.me/worldupdatethai
- 45
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
