พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานโอลิมปิกไทย พูดทีเล่นทีจริงว่า ถ้าทีมฟุตบอลชายไทย คว้าแชมป์ซีเกมส์ที่กัมพูชาไม่ได้ นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยต้องถูก "เอาออก" ไม่รู้ว่า พล.อ.ประวิตรคิดแบบนั้นจริงๆ หรือเปล่า อาจจะพูดเล่น 100% เลยก็ได้ แต่ถึงกระนั้น การพูดออกมาต่อหน้าสื่อไม่ใช่เรื่องดีเลย
ทำไมถึงไม่ดี? เป็นที่รู้กันว่า ฟีฟ่า (สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ) เป็นองค์กรที่ซีเรียสมากๆ ในแง่ว่ารัฐบาลของแต่ละประเทศ ห้ามแทรกแซงสมาคมฟุตบอลเด็ดขาดไม่ว่าจะเป็นสาเหตุอะไรก็ตาม การบริหารของสมาคมฟุตบอลต้องเป็นเอกเทศเท่านั้น
ในปี 2014 ทีมชาติไนจีเรีย ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลก แฟนบอลต่างผิดหวัง ทำให้ศาลสูงของไนจีเรีย มีคำสั่งปลดผู้บริหารสมาคมยกชุด แล้วให้รัฐบาลแต่งตั้งผู้บริหารคนใหม่เข้าไปทำงานแทน
ปรากฏว่า ทันทีที่ฟีฟ่ารู้ข่าว ก็สั่งแบนไนจีเรียจากการแข่งฟุตบอลทุกระดับทันที เพราะคุณจะไม่พอใจเรื่องฟอร์มการเล่นหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่รัฐบาลไม่สามารถแทรกแซงการทำงานของสมาคมฟุตบอลได้
ในปี 2015 สองสโมสรในลีกอินโดนีเซีย คือเพอร์ซีบาย่า กับ อารีม่า มีปัญหาทางด้านการเงิน ติดหนี้สินหลายล้าน รัฐบาลจึงเข้ามาแทรกแซงโดยระบุว่า สโมสรไหนก็ตามที่จัดการการเงินไม่ได้ต้องโดนแบนชั่วคราว จนกว่าชำระหนี้สินได้ครบ
แต่สมาคมฟุตบอลอินโดนีเซีย (PSSI) ไม่สั่งแบนสองสโมสรดังกล่าว แม้จะติดหนี้ติดสิน ทำให้รัฐบาลสั่งระงับการแข่งขันบอลลีกทันที ซึ่งพอรัฐบาลเข้ามายุ่ง ทำให้ฟีฟ่าสั่งแบนอินโดนีเซียจากฟุตบอลระดับชาติไปเกือบ 1 ปี
หรืออีกเหตุการณ์เร็วๆ นี้ คือในเดือนพฤษภาคม 2022 รัฐบาลอินเดีย สั่งปลดนายกสมาคมฟุตบอลอินเดีย (AIFF) ชื่อ พราฟูล พาเทล ออกจากตำแหน่ง เหตุผลคือพาเทล เป็นนายกฯ มา 13 ปี วงการฟุตบอลของประเทศก็ไม่เห็นพัฒนาไปไหน แถมเขาดูเหมือนเขาจะวางเครือข่าย สืบทอดอำนาจให้ตัวเองต่อไปเรื่อยๆ จนชนะการเลือกตั้งทุกครั้ง
รัฐบาลอินเดีย แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษ (CoA) ขึ้นมาเพื่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เป็นการป้องกันว่า ต่อไปการเลือกนายกสมาคมจะไม่มีการผูกขาดอย่างเดิมอีก และปิดกั้นไม่ให้ พราฟูล พาเทล เป็นนายกฯ ไปนานมากกว่านี้
นี่เป็นการกระทำที่ได้ใจแฟนบอลก็จริง แต่ตามกฎฟีฟ่านั้น รัฐบาลจะไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับการบริหารงานของสมาคมฟุตบอลได้เลย นั่นทำให้อินเดียโดนฟีฟ่าสั่งแบน ไป 4 เดือน และถูกขู่ว่า จะไม่ให้เป็นเจ้าภาพศึกฟุตบอลหญิง u-17 ชิงแชมป์โลกอีกแล้ว
สุดท้ายรัฐบาลต้องยอมจำนน สั่งยุบ CoA และคืนอำนาจให้ AIFF ตามเดิมอีกครั้ง ทำให้ฟีฟ่าปลดล็อกโทษแบนในที่สุด
ไม่ใช่แค่ประเทศที่กล่าวมา ยังมี กัวเตมาลา, เคนย่า, ปากีสถาน และ คูเวต พวกเขาโดนแบนจากเหตุผลคล้ายกันคือ รัฐบาลแทรกแซง (Interfere) การทำงานของสมาคมฟุตบอล
ดังนั้นการที่ พล.อ.ประวิตร บอกว่าถ้าไทยไม่ได้แชมป์ซีเกมส์ แล้วจะเด้ง พล.ต.อ.สมยศ ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ในมุมของผมนะครับ
สมมุติคิดเล่นๆ ว่าจบซีเกมส์ที่กัมพูชาแล้วไทยไม่ได้เหรียญทองจริงๆ แล้ว พล.ต.อ.สมยศลาออก ฟีฟ่าก็อาจเชื่อมโยงไปได้ว่า เฮ้ย นี่ลาออกเอง หรือโดนรองนายกฯ กดดันให้ลาออก โลกนี้มันมี Digital Footprint อยู่นะ
ถ้าฟีฟ่าซีเรียส อาจสั่งแบนไทยจากการแข่งรายการอื่นๆ ทั้งเอเชียน คัพ และ ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก เพราะรัฐบาลเข้ามาแทรกแซง กดดันคนของสมาคมฟุตบอลฯ
ถามหน่อยว่าถ้าเราโดนแบนจริง มันคุ้มตรงไหน
เพราะฉะนั้น อยากบอก พล.อ.ประวิตรว่า นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดเล่นกันนะครับ ถ้าหากฟีฟ่ามองว่าสมาคมของเราไม่เป็นเอกเทศล่ะก็ เราจะทำงานได้ยากมากขึ้นเยอะเลยนะ
เรื่องฟีฟ่าเป็นประเด็นแรกครับ ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากฝากไว้ก็คือ เราอย่าไปอะไรกับฟุตบอลในซีเกมส์นักเลย อย่าไปคิดว่ามันเป็น Priority ยิ่งใหญ่เหลือเกิน ที่จะต้องชนะให้ได้สถานเดียว
คือคนที่ไปแข่งก็ต้องหวังชนะ นั่นธรรมดา แต่เราไม่จำเป็นต้องทุ่มกำลังทั้งหมดเพื่อรายการนี้
ผมกลัวว่า ถ้าผู้ใหญ่สั่งมาว่า "ต้องเหรียญทอง" การลำดับความสำคัญของสมาคมจะผิดเพี้ยนไป
ในปี 2023 รายการที่สำคัญที่สุดคือ Asian Cup เท่านั้น นี่เป็นรายการสูงสุดของทวีปเอเชีย มันมีคุณค่าอย่างมาก โดยเฉพาะกับฟีฟ่า เวิลด์ แรงค์กิ้ง จากรายการนี้ที่จะได้สูงมากๆ
ถ้าหากทำผลงาน Asian Cup ได้ดี เราอาจจะกระโดดมาอยู่ โถ 2 ในการจับสลากฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกด้วย ดังนั้นมันเป็นรายการที่เราต้องใส่ใจมากที่สุด
Asian Cup จะแข่งระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน ถึง 16 กรกฎาคม ประเด็นคือว่า ซีเกมส์ ที่กัมพูชา จะแข่งในวันที่ 5 พฤษภาคม ถึง 16 พฤษภาคม สังเกตดูจะเห็นว่า สองรายการนี้ Gap ช่องว่าง ห่างกันแค่ 1 เดือนเท่านั้น
สิ่งที่ผมกลัวคือ ถ้าสมาคมไปให้ความสำคัญกับซีเกมส์มากเกิน ว่าต้องเอาเหรียญทองให้ได้ อาจจะมีการจัดหนักไปดึงผู้เล่นบางคน มาจากทีมชาติชุดใหญ่ ไปอยู่ทีมซีเกมส์ด้วยก็ได้
ในซีเกมส์ ที่กัมพูชานั้น มีข้อกำหนดว่า ผู้เล่นที่จะมาแข่งต้องอายุต่ำกว่า 23 ปี แปลว่าผู้เล่นอย่าง ศุภณัฐฏ์ เหมือนตา, ฉัตรมงคล เรืองธนโรจน์, ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว, ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร ฯลฯ เอานักเตะเหล่านี้ ที่ควรจะอยู่ชุดใหญ่ อาจโดนดึงไปเล่นซีเกมส์ก่อนละกัน เพราะเล่นได้ อายุยังไม่เกิน เพื่อเป้าหมายเหรียญทอง แปลว่าพวกเขาอาจจะล้า อาจจะกรอบ อาจจะเจ็บกลับมา ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อทีมชาติชุดใหญ่ใน Asian Cup เลย
ผมเข้าใจนะที่ผู้ใหญ่ รุ่น พล.อ.ประวิตร จะคิดว่าซีเกมส์มันสำคัญมากๆ เพราะในยุคอดีตยังไม่มี รายการ AFF Suzuki Cup ส่วนฟุตบอลโลกก็ไกลตัวเกินไป ดังนั้นซีเกมส์คือความหวังสูงสุดแล้ว ไม่แปลกที่ผู้ใหญ่หลายท่าน พอพูดถึงซีเกมส์ก็อาจจะมีแพสชั่นกว่าปกติ
แต่อยากบอกว่าในยุคนี้ ซีเกมส์ ก็โอเค เป็นเกียรติประวัติอย่างหนึ่ง แต่ไม่ใช่รายการที่ต้องให้ความสำคัญที่สุดอีกแล้ว ชนะก็ดี แต่ถ้าไม่ชนะเพราะไปโฟกัสรายการที่ใหญ่กว่า ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร
ไม่อยากให้อำนาจของ พล.อ.ประวิตรไปกดดันโค้ช กดดันผู้จัดการทีม ว่า "ต้องจัดเต็ม เอาเหรียญทอง" คือหวั่นใจว่าสมาคมจะโดนแรงกดดันแล้วเป๋ ไปให้ความสำคัญซีเกมส์ มากกว่าเอเชียนคัพที่มีความหมายมากกว่าครับผม
จริงๆ แล้ว ได้เห็น พล.อ.ประวิตร มีความขึงขัง อยากให้ไทยประสบความสำเร็จในซีเกมส์ ก็เป็นสิ่งดี แต่อยากให้เข้าใจบริบทโดยรวมก่อนเสนอความคิดเห็นครับ
เพราะคำพูดของคนที่เป็นประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย และรองนายกรัฐมนตรี มีพาวเวอร์อย่างมากและอาจส่งอิทธิพลต่อคนรอบข้างได้เยอะเลย ดังนั้นด้วยความปรารถนาดี จะพูดอะไรออกมาแต่ละคำ ควรคิดให้รอบคอบก่อน จะเป็นเรื่องดีมากๆ ครับผม
- 10
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
