ยูเครน ท้อจัง! สกัดมหาพายุฝนเหล็กไม่อยู่ ขออาวุธเพิ่มอีกหน่อย ชนะวิบวับแน่นอน
ภายหลังผลสอบสวนของหน่วยงานความมั่นคงรัสเซีย ได้ชี้ชัดไปว่าเหตุผู้ก่อการร้ายใช้รถบรรทุกระเบิดสะพานไครเมีย ข้ามช่องแคบเคิร์ช ในอาณาเขตอำนาจอธิปไตยตามกฎหมายระหว่างประเทศของรัสเซีย
ถูกวางแผนดำเนินการโดยหน่วยพิเศษยูเครน ร่วมกับชาติ NATO โดยใช้รถบรรทุกสินค้าห่อพลาสติกอาหาร 20 พาเลทภายในบรรจุระเบิดซุกซ่อน โดยมีลูกค้าผู้สั่งสินค้าเป็นชาวยูเครน
ขนย้ายสินค้าบรรจุระเบิดจากท่าเรือบัลแกเรียชาติ NATO ไปยังท่าเรือจอร์เจีย ผ่านพิธีการศุลกากรจากนั้นขนถ่ายไปขึ้นรถบรรทุกคันแรก ข้ามชายแดนจอร์เจียสู่เขตรัสเซีย
จากนั้นมาสลับสินค้าใส่รถบรรทุกคันที่สอง ผ่านด่านตรวจ X-ray สินค้าแต่เนื่องจากเป็นสินค้าอาหารจึงมีการหุ้มแผ่นฟรอย และพลาสติกหนา ทำให้แสกนผ่านไป
รถจึงขึ้นไปบนสะพานไครเมียได้ แล้วมีการจุดระเบิดสินค้าในรถทำให้สะพานเลนหนึ่งเสียหาย รถไฟขนน้ำมันอีกสะพานใกล้เคียงมีไฟลุกไหมเสียหายไป 4 แท๊งก์ มีพลเรือนรัสเซีย 3 รายเสียชีวิต อีก 3 รายยังสูญหาย
ผลสรุปประชุมคณะมนตรีความมั่นคงรัสเซีย โดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินเรียกว่า "การโจมตีของผู้ก่อการร้าย" ต่อพลเรือน และผลประโยชน์รัสเซีย ที่วางแผนเตรียมการและดำเนินการโดยหน่วยงานพิเศษของยูเครนบนดินแดนรัสเซีย
ที่ผ่านมาหลายเดือนหน่วยพิเศษยูเครน ยังพยายามก่อการร้ายโดยส่งกลุ่มโดรนไปพยายามโจมตีโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญภาคพลังงานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์รัสเซีย ล่วงล้ำเขตแดนลึกไปทิศเหนือแต่ถูกระบบต่อต้านอากาศยานรัสเซียสอยตกทั้ง 3 ครั้ง
และยังวางแผนร่วมกับชาติมหาอำนาจ NATO จะก่อการร้ายท่อส่งก๊าซเติร์กสตรีม ในทะเลดำอีกด้วยแต่รัสเซียจับตัวผู้ก่อการร้ายได้ สอบสวน "แบบรัสเซีย" จนยอมรับสารภาพทั้งหมด สิ่งนี้จึงเข้าองค์ประกอบตามความผิดกฎหมายก่อการร้ายของรัสเซีย ที่ไม่สามารถละเลยได้
ต้องใช้บังคับใช้กฎหมายตอบโต้อย่างรุนแรงทวีคูณกลับไปทันที เพื่อให้หลาบจำและไม่กล้ากระทำในเขตอำนาจดินแดนตามรัฐธรรมนูญรัสเซียในอนาคต ประมาณว่า "ถิ่นข้าใครอย่าแหยม" ซึ่งสหรัฐ และชาติ NATO ก็มีกฎหมายต่อต้านก่อการร้ายที่รุนแรงเช่นกัน
กระทรวงกลาโหม รัสเซีย รับคำสั่งแล้วมอบหมายให้ พล.อ.เซอร์เก ซูโรวิคิน ผู้บัญชาการสูงสุดกองกำลังร่วมฉายา "นายพลอาร์มาเก็ดดอน" ดำเนินการตามอำนาจ
เขาเป็นคนแปลกพิเศษคิดนอกกรอบเสมอ ถ้าเป็นคนอื่นจะสั่งยิงขีปนาวุธครั้งละไม่กี่ลูกเพื่อสงวนอาวุธ ทำให้ฝ่ายตรงข้าม NATO มีโอกาศใช้ระบบต่อต้านอากาศยานสกัดได้บ้าง
แต่ทฤษฏีนี้ใช้กับเขาไม่ได้สำหรับนายพลรายนี้ต้อง "ฝนเหล็กห่าใหญ่จากทุกทิศทาง" เท่านั้น
เฉพาะวันที่ 10 ต.ค.ช่วงเช้าเขาสั่งยิง 185 ชุดรวด ช่วงเย็นอีกไม่นับ และวันที่ 11 ต.ค.ก็ถูกปลุกตื่นมากินกาแฟด้วย
- ขีปนาวุธร่อน Kh-101 และอีกหลายชนิด จากเครื่องบินทิ้งระเบิด Tu-95 และ Tu-160 ต้นทางจากทะเลเคสเปี้ยนที่ไกลมากกว่า 2,000 กม. และจากทะเลดำ ผ่านน่านฟ้ามอลโดวา เพื่อข่มขวัญ ไปลงในยูเครนตะวันตก
- ขีปนาวุธ Iskander-M จากฐานภาคพื้นดินในรัสเซียตะวันตกระยะต้นทางเกือบ 500 กม.
- โดรนกามิกาเซ่ Geran-2 จากฐานไครเมีย และเขตรัสเซียตะวันตกใกล้เบรารุส
- ปืนใหญ่ และจรวดหลายลำกล้อง ตลอดแนวชายแดนรัสเซียแนวหน้าราวเฉลี่ย 50,000 ลูก/วัน
การสั่งการโจมตีด้วยขีปนาวุธเน้นตอบโต้ไปยังโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร , ด้านพลังงาน , ด้านการคมนาคมและสื่อสาร การสั่งการแบบนี้ยิงขีปนาวุธคราวละมากๆ พร้อมกันจากหลายทิศทางแบบนี้ แสดงถึงทักษะและประสบการณ์บัญชาการรบสูงยิ่ง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเขาจึงเอาชนะกลุ่มก่อการร้าย ISIS ของชาติตะวันตกมากถึง 150,000 คน ในซีเรียได้ในเวลา 9 เดือน
เพราะการรัวฝนเหล็กห่าใหญ่พร้อมกันแบบนี้ อย่าว่าแต่ยูเครนเลย ต่อให้ปล่อยไปใจกลางยุโรปชาติ NATO ก็สกัดได้ไม่หมดทุกลูกเพราะระบบต่อต้านอากาศสับสนมาก
สหรัฐ ก็เคยทำแบบนี้เหมือนกันทุกประการในคราวถล่มเมืองแบกแดดในอิรัก , ลิเบีย และยูโกสลาเวีย แต่ต่างกันอย่างมากมายที่ขีปนาวุธสหรัฐ ยิงใส่พุ่งเป้าไปยังพลเรือนเป็นหลัก จึงเสียชีวิตเรือนหมื่นเรือนแสน
อีกทั้ง 2 ชาติที่สหรัฐไปถล่ม ไม่เคยไปก่อการร้ายในเขตดินแดนสหรัฐใดๆ เลย จนบัดนี้พลเรือนเหล่านั้นก็ยังไม่รู้ว่าสหรัฐเอาระเบิดไปทิ้งใส่พวกเขาทำไม เขาผิดอะไร เพราะไม่เคยมีข้อพิพาทระหว่างประเทศต่อกัน แผ่นดินก็คนละทวีปกัน
กรณีรัสเซียนั้น มีเป้าหมายตอบโต้การก่อการร้ายที่ไปกระทำต่อตนก่อน ดังนั้นขีปวุธลงจึงผู้เสียชีวิตเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยมั่นคง และทหาร และเจ้าหน้าที่รัฐ ด้านพลังงาน และโทรคมนาคมสื่อสาร ไม่ได้มีพลเรือนอะไรตามที่ยูเครนปั่นกระแสเหมือนครั้งก่อนๆ
ส่วนการบาดเจ็บจากกระจกแตก เศษวัสดุก็มีบ้าง แต่ไม่ได้รุนแรงใด ถ้าเทียบกับที่ยูเครนใช้อาวุธถล่มพลเรือนชาวสลาฟในดินบาสมาตลอด 8 ปี และตอนนี้ก็ยังกระทำอย่างต่อเนื่อง เสียชีวิตกว่า 14,000 ราย ยังห่างไกลกันมากมายนัก
ด้านเครือข่ายป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน รายงานว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของไม่สามารถรับมือกับการโจมตีทางอากาศด้วยขีปนาวุธร่อน และโดรนคามิกาเซ่ จำนวนมากในเวลาเดียวกันครั้งใหญ่ของรัสเซียได้ เพราะระบบของยูเครนทำงานหนักเกินไป
นี่คือเหตุผลว่าทำไมยูเครนจึงป้องกันภัยทางอากาศจากการโดนโจมตีไม่ได้ เพราะจะต้องใช้ระบบต่อต้านอากาศชั้นดีไปตั้งรับมือไว้ทั่วประเทศหลายร้อยชุด แต่ส่วนใหญ่ได้ถูกทำลายไปก่อนหน้านั้นแล้ว
และที่ยูเครน วิตกมากคือ ศูนย์ขนส่งรถไฟที่สำคัญที่สุดภาคกลาง และภาคตะวันออกถูกทำลายแล้ว ตัดการขนส่งอาวุธ เสบียง และกำลังพล ลอยแพทางโลจิสติกส์แนวหน้าได้อย่างชงัดในทันที
ส่วนที่ยูเครนประโคมข่าวฮือฮาขณะนี้ว่าทหารยูเครนนายหนึ่งใช้จรวดประทับบ่าส่วนบุคคล MANPAD รุ่น Stinger สหรัฐ สกัดขีปนาวุธร่อน Kh-101 รัสเซียตก 1 ลูกนั้น
ในข้อเท็จจริงทำไม่ได้เพราะความเร็วสูงเหนือเสียงของขีปนาวุธรัสเซียนั้น ต้องใช้ระบบต่อต้านอากาศที่ทันสมัยขนาดใหญ่จากฐานรถเคลื่อนย้ายที่มีระบบอิเล็กทรอนิคเฉพาะเท่านั้น
จรวดประทับบ่า Stinger สหรัฐ นำวิถีด้วยเลเซอร์ใช้สกัดวัตถุบินประเภทความเร็วต่ำเช่น เฮลิคอปเตอร์ อากาศยานโดรนบางชนิดที่บินต่ำ เครื่องบินรบเก่าบางรุ่นที่ลดความเร็วปักหัวลงมาขณะทิ้งระเบิด
เพราะอาวุธ MANPAD ความเร็วต่ำ จึงไม่สามารถไล่ชนวัตถุบินความเร็วเหนือเสียงได้ เปรียบเทียบว่าง่ามหนังสติกก็ยิงนกที่บินรวดเร็วมากไม่โดนประมาณนั้น
ตลอดทั้งวันทั้งคืนที่ผ่านมา กองทัพรัสเซีย ขนย้ายอาวุธหนัก และกำลังเสริมทัพทางรถยนต์จำนวนมากนับไม่ถ้วนเข้าสู่แนวชายแดนติดยูเครนด้านสาธารณรัฐลูฮันสก์ เพื่อเข้ารุมโจมตีเมืองลิมาน
ที่ฝ่ายยูเครน และทหาร NATO เรือนหมื่นคนกำลังระส่ำระสายจากการถูกตัดสัญญาณสื่อสารดาวเทียม ตัดไฟฟ้า ประปา ตัดเส้นทางขนส่งเสบียงและโลจิสติกส์อาวุธ ท่ามกลางสภาพพื้นดินทะเลโคลนเหนียวหนืดดั่งกาวและอากาศหนาว
กองทัพรัสเซีย ยังใช้ชัยภูมิให้เป็นโยชน์ โดยบริเวณที่ราบลุ่มโล่งน้ำขังได้แทนที่จะใช้คนขุดสนามเพลาะ แต่รัสเซียใช้รถแทรกเตอร์ทหารขนาดใหญ่ขุดแนวชายแดนยาว
เป็นคลองระบายน้ำขนาดกว้าง 2 แนวไว้ดักรถถัง และรถหุ้มเกราะผ่านไปไม่ได้เพราะจะจมโคลนทั้งคันทันที ส่วนชัยภูมิเนินสูงเว้นไว้ตั้งฐานที่มั่นยิงปืนใหญ่สาดไปข้างหน้า และจุดลำเลียงสับเปลี่ยนกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์
การออกแบบลักษณะนี้คือ วิศวะกรรมทางทหาร ใช้กำลังน้อยในการเฝ้าลาดตระเวณ ใช้เพียงโดรนลาดตระเวณไม่กี่ลำสลับกันเท่านั้น เจอคลองน้ำแนวเขต 2 ร่องแบบนี้ฝ่ายยูเครนแทบรุกไม่ได้เลย
เพราะร่องน้ำ และทะเลโคลนเหนียวเหมือนกาวคือสิ่งที่ยานยนต์หุ้มเกราะตะวันตกไม่ได้ออกแบบล้อและเครื่องยนต์มารับกับสภาพภูมิประเทศปราบเซียนแบบนี้ เมื่อติดทะเลโคลนก็กลายเป็นเป้านิ่งดีๆ นี่เอง
ส่วนประธานาธิบดีเซเลนกี้ แห่งยูเครน ภายหลังอาคารสำนักงานเขาโดนถล่ม ได้เผ่นออกจากเมืองหลวงกรุงเคียฟที่ไฟดับมืดสนิทยามค่ำคืน
ไปยังเซฟเฮาส์บังเกอร์มั่นคงชายแดนโปแลนด์ ที่เคยหนีมาหลบช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา และประชุมร่วมกับผู้นำชาติ NATO ย่านนี้มาแล้ว
บังเกอร์แห่งนี้แข็งแรงมากจากผนังคอนกรีตหนาเสริมเหล็ก ทนการถล่มจากขีปนาวุธได้ มีสิ่งอำนวยความสะดวก เสบียง และแน่นอนว่า "มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต"
ให้เขาไลฟ์สดไปยังที่ประชุมของผู้นำชาติอุตสาหกรรม G7 ชาติตะวันตก ขาใหญ่ NATO เพื่อขอเงินกู้อาวุธดีๆ เพิ่มอีก และขอเงินกู้ฟื้นฟูระบบไฟฟ้าที่โดนโจมตีพังยับทั้งประเทศ..ขอกู้เงินมาทิ้งต่อไป ชนะมืดสนิทวิบวับแน่นอน 🚀🤭😂
ที่มา : southfront , intelslava , RVvoenkory , Rybar , กลาโหมรัสเซีย , สื่ออิสระยูเครน
#WorldUpdate
ช่องทางติดตามบทวิเคราะห์ข่าวเชื่อมโยงกัน
😋 Telegram : https://t.me/worldupdatethai
- 21
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
