14 ต.ค. 2022 เวลา 11:04 • นิยาย เรื่องสั้น
ไทเกอร์ไปทำงานที่คาเฟ่แมว
"สวัสดีค่ะคุณแสงอักษร ดิฉันชื่อ มินต์ มินตรา เป็นแอดมินของคาเฟ่แมวชื่อ 'เงินตรา Cat Cafe' ตอนนี้ทางร้านเรากำลังมองหาแมวที่มีชื่อเสียงมาร่วมงานกับทางร้านค่ะ ไม่ทราบว่าแมวที่คุณนักเขียนพูดถึงในนิยายเรื่องความรักคือปลาทูมีตัวตนจริงหรือเปล่าคะ"
"สวัสดีค่ะคุณมินต์ ดิฉันแสงอักษรผู้แต่งนิยายเรื่องความรักคือปลาทู และใช่ค่ะ Tiger มีตัวตนจริง ๆ"
"คุณแสงอักษรสนใจให้น้อง Tiger มาร่วมงานกับทางร้านของเราไหมคะ"
"สนใจค่ะ ขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ไหมคะ"
"ยินดีค่ะ ถ้ายังไง มินต์ขออนุญาตโทรหาคุณแสงอักษรเพื่อคุยรายละเอียดกันนะคะ"
เครดิตภาพ : canva.com
เช้าวันหยุดที่แสนสบายคุณแม่ได้รับข้อความติดต่อมาจากร้านกาแฟ เงินตรา Cat Cafe ขอให้พาไทเกอร์ไปร่วมงานกับทางร้านที่เป็นคาเฟ่เปิดใหม่สำหรับคนรักแมว
ทางคาเฟ่กำลังมองหาแมวที่มีชื่อเสียงเพื่อมาร่วมสร้างสีสันให้กับทางร้าน จึงมองหาแมวที่มีคนพูดถึงทางสื่อออนไลน์หรือแมว Celebrity และไทเกอร์ก็ได้รับเลือกให้ได้ร่วมงานในครั้งนี้ด้วย เนื่องจากไทเกอร์มีผลงานในนิยายมาแล้ว 2 เรื่องจากการปลุกปั้นของคุณแม่นั่นเอง
เมื่อคุณแม่ได้รับการติดต่อมาจากคาเฟ่ก็มีความสนใจที่จะให้ไทเกอร์ได้ลองทำงานดูบ้าง
"ว่าแต่งานนี้ไทเกอร์จะให้ความร่วมมือไหมนะปกติก็กลัวคนแปลกหน้าอยู่แล้ว เอายังไงดี ดูทรงแล้ว จะไหวเหรอ ? "
ถึงคุณแม่จะตกลงยินดีให้ ไทเกอร์ไปทำงานที่คาเฟ่แต่ก็ยังเป็นห่วงไทเกอร์อยู่ดี
"ต้องไปอยู่ในคาเฟ่ ให้คนแปลกหน้าเข้ามาลูบหัวลูบตัว อุ้มมาถ่ายรูปเล่นด้วยทั้งวัน จะไหวไหมหนอไอ้เสือลูกแม่ แต่เอาเถอะฉันจะบอกให้ทางร้านหาข้าวคลุกปลาทูให้เป็นรางวัลก็แล้วกัน"
ไทเกอร์กำลังนอนสะบัดหางอันเรียวยาวที่มีลายวงแหวนสีส้มอ่อนสลับสีขาวแกว่งปัดไปมา หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข
หลังจากที่ได้ออกไปวิ่งเล่นตอนเช้าที่บ้านสวนของไวโอเล็ต เมื่อกลับเข้ามาในบ้านไทเกอร์ก็รีบกินอาหารอย่างหิวโหย
สงสัยเมื่อเช้านี้คุณยายคงไม่ได้ทำข้าวคลุกปลาทูให้กินเป็นแน่
เมื่อกินอาหารเม็ดอิ่มแล้ว ไทเกอร์ก็เข้ามาอ้อนให้คุณแม่เกาคางให้จนพอใจ
ตอนนี้หลับสบายอยู่ใต้โต๊ะทำงานของคุณแม่ไปแล้ว
แมวน้อยไทเกอร์
และตอนบ่ายวันนี้คุณแม่จะต้องพาไทเกอร์เข้าไปให้ทางร้านตรวจดูความหล่อก่อน เหมือนเป็นการไปสมัครเพื่อสัมภาษณ์งานอย่างนั้นเลย
"คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะก่อนที่น้องๆจะมาทำงานที่คาเฟ่ทางเราจะมีผู้เชี่ยวชาญมาฝึกให้น้อง ๆ รู้จักมารยาททางสังคม การเข้าหาลูกค้า รวมถึงการพรีเซนต์สินค้าด้วยค่ะ ซึ่งงานนี้ถ้ามีเอเจนซี่ติดต่อมา น้อง ๆ จะได้ค่าขนมจากส่วนแบ่งอีก 30% เชียวนะคะ"
มินต์อธิบายให้คุณแม่ฟัง
"ว้าว น่าตื่นเต้นจังเลยค่ะ หวังว่าเด็ก ๆ จะทำได้นะคะ แล้วจะให้ไปฝึกที่ไหนอย่างไรบ้างคะคุณมินต์"
คุณแม่ถามออกไปด้วยความกังวลเพราะไทเกอร์ไม่เคยไปไหนเลย วัน ๆ ถ้าไม่นอน ก็หนีไปหาสาว ๆ และถ้าวันไหนไทเกอร์ไม่ออกไป ค่ำ ๆ ก็จะมีสาว ๆ มาร้องเรียกหาถึงหน้าบ้าน
"ฝึกที่คาเฟ่นี่แหละค่ะ เพราะในช่วงเวลาของการฝึกเราก็จะได้ให้ลูกค้าได้ดูด้วยและก็ไลฟ์สดให้ผู้ชมทางสื่อโซเชียลได้รับชมไปพร้อมกันด้วยค่ะ"
"อ๋อ ค่ะ ๆ เอิ่ม แล้วอย่างนี้คุณแม่ต้องเตรียมตัวให้ไทเกอร์อะไร ยังไงบ้างคะ"
"อย่างแรกเลยนะคะก็คงต้องตัดเล็บ อาบน้ำ ฉีดวัคซีน ฝังชิบระบุตัวตน ที่อยู่เบอร์ติดต่อ หยอดยาป้องกันเห็บหมัด และรวมถึงเสื้อผ้าอุปกรณ์แต่งตัว"
เมื่อมินตราได้ตรวจดูความเรียบร้อยของไทเกอร์แล้วจึงตอบคำถามอื่น ๆ เพื่อให้คุณแม่ได้สบายใจ
"คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะเราจะทำการฝึกเป็นเวลาเพราะปกติแล้วแมวจะไม่ซุกซนเหมือนสุนัข และก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องอาหารหรือการให้อาหารนะคะ ทางร้านจะจัดตารางเวลาให้
เราจะมีเวลาให้น้อง ๆ ได้นอน ได้ทานอาหาร ได้พักผ่อนเล่น และช่วงเวลาของการฝึก
ส่วนเวลาที่ลูกค้ามาเที่ยว ถ้าใครอยากป้อนอาหารน้อง ๆ ก็ต้องมาในช่วงเวลาที่ทางร้านจัดตารางไว้ให้ เราไม่อนุญาตให้น้อง ๆ ทานอาหารตลอดเวลา คุณแม่วางใจได้เลยนะคะ ว่าถึงจะทำงานในคาเฟ่น้องก็จะไม่อ้วนแน่นอน"
"คุณแม่ก็มีห่วงบ้างค่ะ แมวอ้วนก็เหมือนคน คือไม่ได้บูลลี่นะคะ คืออาจไม่ดีต่อสุขภาพของน้อง ๆ ในระยะยาว ตอนน้องอายุมากอาจทำให้มีปัญหาสุขภาพได้ ทางร้านเข้าใจนะคะ"
ปกติแล้วไทเกอร์จะกลัวคนแปลกหน้ามาก แต่วันนี้กลับยอมอยู่นิ่ง ๆ ให้มินตราจับขึ้นมาอุ้มได้ด้วย ซึ่งถือว่านี่เป็นการสอบผ่านในด่านแรก และไทเกอร์ได้งานทำแล้ว
เครดิตภาพ : canva.com
"อยู่แต่ในบ้าน วิ่งเล่นแต่ในป่ากล้วยผมก็เบื่อเหมือนกันนะครับ ตอนนี้ผมโตแล้วผมต้องเข้าไปเรียนรู้ชีวิตของผู้คนในเมืองบ้าง ผมอยากมีเพื่อนที่พอจะคุยกันรู้เรื่อง ผมอยากเข้าใจผู้คนบนโลกให้มากกว่านี้
คุณแม่บอกว่าที่คาเฟ่ผมจะมีเพื่อน ผมจะไม่เหงาอีกต่อไป
และที่สำคัญผมจะได้กินขนมแมวเลียแบรนด์ดังจากญี่ปุ่นที่ผมชอบทุกวันด้วยผมตื่นเต้นมากเลยครับที่จะได้เจอกับแมวตัวอื่น ๆ บ้าง
มีอยู่อย่างเดียวที่ผมไม่ชอบคือการเดินทางไป-กลับนี่แหละครับ
ทำไมคุณแม่ไม่เปิดคาเฟ่เป็นของตัวเองบ้างนะ ผมไม่อยากให้คุณแม่ต้องขับรถออกมาส่งผมไปทำงานเหมือนผมเป็นเด็กเล็ก ๆ ที่ต้องนั่งรถไปโรงเรียนเลย
ผมรู้นะว่าเด็ก ๆ ไม่มีความสุขตอนที่ต้องขึ้นไปนั่งบนรถเพื่อเดินทางไปโรงเรียนในตอนเช้า
ทำไมผมถึงรู้เรื่องนี้เหรอครับ ก็ตัวอย่างมีให้เห็นอยู่แล้วนี่ไง อย่าหาว่าผมเม้าท์เลยนะครับ ในบ้านผมก็มีอยู่คนหนึ่ง ก็พี่อลิสไง
ถึงพี่อลิสจะสวมหน้ากากอนามัย แต่ผมก็รู้นะว่าภายใต้หน้ากากนั้นน่ะพี่อลิซทำหน้างออยู่
ตอนเช้าผมนั่งดูอยู่ทุกวัน ผมรู้ ผมเห็น ถึงแม้บางครั้งตอนที่พี่อลิซหันมาโบกมือให้ผม พี่อาจจะยิ้ม แต่ก็ยิ้มแป๊บเดียว
และที่สำคัญตอนเย็นกลับมาถึงบ้านพี่อลิสมีสีหน้าของความสุข ยิ้มให้ผมตั้งแต่ยังไม่ลงจากรถเลยละครับ
พี่คงดีใจที่ได้กลับมาหา มากอดผม ซึ่งผมก็เตรียมพร้อมที่จะให้ยาวิเศษของผมอยู่แล้ว
นั่นก็คือยอมให้พี่อลิซจับมาอุ้มง่าย ๆ ไม่หนีไปไหน แล้วก็เร่งเครื่องให้พี่อลิซฟังจนพอใจ พรืด ๆ ๆ
การเป็นผู้ให้ ทำให้เราได้รับความสุข ผมเชื่อคุณแม่แล้วครับ ว่าเมื่อเรามอบความสุขให้กับผู้ที่เรารัก เราก็จะได้รับความสุข และความรักเช่นเดียวกัน
คิดถึงรอยยิ้มของคุณแม่ในวันนี้แล้ว ผมก็ดีใจ อยากเห็นคุณแม่ดีใจยิ้มไม่หุบแบบนี้ทุกวัน ผมจะทำงานให้เต็มที่ จะไม่ชวนเพื่อนหนีไปหาจะจิ้งจกข้างบ้านกินแน่นอนครับ
เอ๋ แล้วถ้าเพื่อน ๆ เป็นฝ่ายมาชวนล่ะ ผมจะไปดีไหม จะอดใจไหวหรือเปล่านะ คิดถึงจิ้งจกแล้วก็เผลอกลืนน้ำลายเลยครับ
คิดถึงเวลาที่เราจับจิ้งจกมาได้ แล้วปล่อยให้มันวิ่งอยู่บนพื้น พอจิ้งจกขยับหนี เราก็กระโดดงับ ใช่อุ้งเท้าตะปบเข้าไป เสร็จแล้วก็ปล่อยให้มันหลุดอีกที แกล้งให้มันหนีแล้วเราก็ไล่จับ ไล่งับ กัดเล่นจนหางจิ้งจกหลุดออกไป
พูดถึงการล่าแล้วเลือดลมในร่างกายของผมมันเริ่มตื่นตัวสัญชาตญาณของการเป็นนักล่า มันแสดงออกมาจนผมอยากออกไปล่าจิ้งจกจริง ๆ แล้วนะครับ
ผมต้องท่องไว้เพื่องาน เพื่อเงิน เพื่อคุณแม่ ผมจะต้องเป็นดาวที่คาเฟ่ให้ได้ ผมต้องไปบอกข่าวดีนี้กับบีนี่ ไวโอเล็ต และเพื่อน ๆ ในป่ากล้วยของผมก่อน
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีใครอยากรู้เรื่องนี้หรือเปล่า แต่ผมอยากบอกพวกเขา ผมคิดว่านี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุดในชีวิตของผมเลยนะ"
เครดิตภาพ : canva.com
ในระหว่างที่นั่งรถกลับมาบ้านไทเกอร์ก็คิดจินตนาการถึงชีวิตในการทำงาน ว่ามันช่างน่าตื่นเต้นกับโลกใบใหม่ การเรียนรู้ใหม่ ๆ สังคมใหม่ เพื่อนใหม่ เมื่อคุณแม่ปล่อยลงจากรถ ไทเกอร์ก็วิ่งไปหาบีนี่ทันที
"บีนี่ เธออยู่บ้านหรือเปล่า บีนี่ เหมียว ๆ ๆ "
ไทเกอร์ตะกุยตะกายกระจกหน้าบ้านของบีนี่พร้อมกับร้องเรียกหาไปด้วย
บีนี่นอนอยู่ในเปลบนบ้านแมว เมื่อได้ยินเสียงเรียกของไทเกอร์เธอก็ลืมตาขึ้นมา ทำหูตั้ง "เสียงพี่เก้อ"
แล้วเธอก็เหยียดตัวบิดขี้เกียจไปมา กลิ้งตัวไปซ้ายทีขวาที ก่อนจะลุกขึ้นมาแล้วยึดตัวยาวอีกรอบ
"เหมียวววว พี่เก้อฉันอยู่นี่ มีอะไรหรือเปล่า"
"บีนี่พี่มีข่าวดีมาบอก ออกมาคุยกันเร็ว"
ไทเกอร์ตื่นเต้นดีใจ ตะกุยตะกายประตูกระจกพร้อมกับกระโดดไปมา
เดี๋ยวนี้บีนี่รู้จักเปิดประตูได้ด้วยตัวเองเป็นแล้ว เธอจึงออกมาคุยกับไทเกอร์หน้าบ้าน
เธอยืดเหยียดตัวเสร็จแล้วก็ล้มตัวลงนอนกลิ้งไปมากับพื้นอย่างสบายใจ
"พี่เก้อมีข่าวดีอะไรเหรอ"
"คุณแม่จะพาพี่ไปทำงานในเมืองบีนี่"
"จริงหรือพี่เก้อ"
"ใช่ วันนี้พี่เพิ่งไปสัมภาษณ์งานมา และก็ผ่านแล้วด้วย"
"ทำงานอะไร แล้วพี่เก้อต้องไปยังไง ทำอะไรบ้าง ฉันอยากไปทำงานบ้างจัง พี่เก้อคิดว่าเขาจะรับฉันเข้าทำงานไหม"
ปีนี้ตื่นเต้นกับข่าวดีของไทเกอร์ เธอเองก็อยากออกไปทำงานอยากมีประสบการณ์บ้างเหมือนกัน
"แค่ออกมาหน้าบ้านคุณพ่อยังไม่ให้บีนี่ออกมาเลยจะไปทำงานได้ยังไง"
บีนี่มีแค่ไทเกอร์ที่เป็นเพื่อน เธอไม่เคยไปไหน ไม่เคยรู้จักใคร
ทั้งสองมักจะมานั่งคุยกันที่หน้าบ้านของบีนี่เป็นประจำ
ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไร มีความสุข หรือความเศร้า เธอก็มีแค่ไทเกอร์ที่มานั่งปลอบใจ
"นั่นสินะ มิ้ว ๆ เอาน่าพี่เก้อฉันก็ตื่นเต้นพอเป็นพิธี พี่บอกไปไหนฉันก็อยากไปด้วย"
"แล้วพี่จะกลับมาเล่าให้ฟังนะบีนี่"
"ว่าแต่มันเป็นงานยังไงเหรอพี่เก้อ ไปจับจิ้งจก กิ้งก่าอย่างนั้นเหรอ"
"มะ ๆ ๆ ไม่น่าจะใช่นะบีนี่ พี่ได้ยินคุณแม่พูดกับเจ้าของร้านว่าพี่จะต้องไปฝึก ไปเรียนก่อนถึงจะทำงานได้"
"โหต้องเรียนด้วยเหรอพี่เก้อ"
"ใช่เขาบอกว่าต้องเรียนด้วยแล้วก็มีคนมาดูเราด้วยนะ"
"อ๋อ มีคนแปลกหน้าด้วยเหรอพี่"
"ใช่ ๆ เขาว่าอย่างนั้น"
"ดีแล้วที่ฉันไม่ได้ไป ฉันกลัวคนแปลกหน้า"
"พี่ก็กลัวเหมือนกัน แต่ตอนนี้พี่คิดว่ามันท้าทายดี พี่อยากออกไปเรียนรู้ ไปดูวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนบนโลกใบนี้"
"พี่เก้อเท่ที่สุดเลย ไม่ว่าพี่จะทำอะไร ฉันให้กำลังใจพี่นะ"
"บีนี่ พอพี่ไปทำงานแล้วบีนี่อาจจะเหงา พี่อาจไม่ได้มาเฝ้าอยู่หน้าบ้าน ถ้ายังไงตอนเย็นพี่เลิกงานแล้วเราค่อยกลับมาคุยกันนะ"
"จ้ะพี่เก้อ ฉันจะรอพี่นะ"
"ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะบีนี่เดี๋ยวพี่ต้องไปคุยกับเพื่อนๆที่ป่ากล้วยอีก"
แล้วไทเกอร์ก็ผละจากบีนี่ เพื่อไปหาเพื่อน ๆ ในดงกล้วยน้ำว้าของคุณยาย แต่ก็ไม่เจอใครเลย จึงผ่านไปที่หลังบ้านของไวโอเล็ต แล้วส่งเสียงร้องเรียกหา
"เหมียวววว ๆ ๆ ไวโอเล็ต เธออยู่บ้านหรือเปล่า"
… 😻😻
โปรดติดตามตอนต่อไป
บทบาทใหม่ของไทเกอร์มาแล้วค่ะทุกคน ในตอนพิเศษ ไทเกอร์ไปทำงานที่คาเฟ่แมว
ซึ่งในตอนใหม่นี้ จะมีแขกรับเชิญเยอะหน่อยนะคะ มีพระเอกที่เป็นคน และนางเอกที่เป็นคนมาเสริมด้วย
มาลุ้นกันคะว่า ระหว่างมนุษย์กับแมว นักเขียนจะแจกบทให้ใครเด่นกว่ากัน 😜
เรื่องราวของเหล่าแมวน้อยแสนน่ารักน่าอุ้มที่มีมากกว่าสิบชีวิต ที่ต้องไปทำงานในคาเฟ่ของชายหนุ่มผู้ตกเป็นทาสแมว และชื่นชอบการดื่มกาแฟ เสพบรรยากาศในคาเฟ่ จนต้องเปิดบ้านเป็นคาเฟ่แมว เพื่อตอบโจทย์ชีวิตให้ตัวเอง
ชื่อของเขา
ปอนด์ ปรรณกร
และแอดมินสาวสวยมากความสามารถที่มีความฝันอยากเลี้ยงน้องแมวมาตั้งแต่เด็ก แต่ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของเธอไม่มีใครชอบแมวเลย รวมถึงน้องชายของเธอที่มีอาการแพ้ขนแมวอย่างรุนแรง ครอบครัวของเธอจึงไม่สามารถเลี้ยงแมวได้
ชื่อของเธอ
มินต์ มินตรา
สโลแกนของคาเฟ่
ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่าน
ฝากแนะนำ ติชม คอมเมนต์ ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
โฆษณา