14 ต.ค. 2022 เวลา 22:58 • ท่องเที่ยว
#ผมเกือบเป็นมือปืนยิงเด็กนักเรียนในโรงเรียน I was almost a School Shooter
🌼 Aaron Stark แอรอน สตาร์ก
กับเสี้ยววินาที ที่เกือบเอาปืนมายิงนักเรียน
แอรอน เริ่มเล่าประวัติตัวเองว่าพ่อแม่เป็นพวกหัวรุนแรง ก้าวร้าวและติดยา ย้ายที่อยู่ไปเรื่อย ๆ เขาเองต้องย้ายโรงเรียน 30-40 แห่ง เหมือนต้องไปโรงเรียนใหม่ ทุก 2 สัปดาห์
" ผมไม่มีครอบครัวที่มั่นคง ผมไม่เคยได้รับการช่วยเหลือ ผมจะตัวเหม็นมากเพราะไม่ได้อาบน้ำ หรือไม่เคยมีเสื้อผ้าใหม่ ๆ เสื้อผ้าของผมทุกตัวจะสกปรกและขาดวิ่น ทุกครั้งที่ผมไปโรงเรียนใหม่ ผมก็จะโดนกลั่นแกล้งรอบใหม่ พวกนั้นจะเดินมาหาผมและยิงผมด้วยฉมวก เหมือนผมเป็นวาฬ หรือทิ้งอาหารลงมาบนหัวผม เพราะเขาบอกว่าผมอ้วนเกินไป “
🌼 ถูก bully ทั้งนอกบ้าน ในบ้าน
คนรอบตัวแอรอน มักบอกว่าเขาไร้ค่า และเมื่อใครสักคนถูกตีตราว่าไร้ค่าบ่อยครั้ง เขาจะเชื่ออย่างนั้น และจะทำทุกอย่าง เพื่อให้ทุกคนเห็นด้วยตามนั้น
ดังนั้นเขาจึงติดยา เกเร และก้าวร้าวอย่างมาก พฤติกรรมเป็นที่เอือมระอาของทุกคน
แอรอนถูกพ่อแม่ไล่ออกจากบ้านตอนอายุ 15 และอาศัยตามถนน เนื่องจากมีปัญหาเวลาพ่อแม่เมาแล้วมักทะเลาะกัน
วันหนึ่งเมื่อถูกตำรวจส่งตัวกลับบ้านในสภาพที่มีแผลที่แขนราวกับกรีดแขนตัวเอง แม่ที่ไม่เจอมานาน กลับพูดว่า
“วันหลังอยากจะฆ่าตัวตายแบบนี้อีก ชั้นจะหามีดคมๆให้ จะได้เหมือนจริงกว่านี้”
วินาทีนั้น หัวใจที่ชอกช้ำอยู่แล้วถึงขั้นใจสลาย..
🌼 วินาทีสร้างซาตาน
หลังได้ยินคำพูดแม่ เขาก็คิดว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างมันพังหมดแล้ว และชีวิตนี้ไม่มีอะไรจะเสีย”
และคำว่า “ไม่มีอะไรจะเสีย” นี่แหละ ที่เขาคิดว่าทำอะไรก็ได้ทุกสิ่งเพราะไม่ต้องสนใจอะไรอีกต่อไป
“ ผมตัดสินใจว่า สิ่งที่ผมจะทำ ต้องบ่งบอกถึงความโกรธแค้นและเกรี้ยวกราดอย่างรุนแรง ผมไปหาปืนมากระบอก ผมวางแผนกำลังจะไปกราดยิงที่โรงเรียน หรือไม่ก็ที่โรงอาหารในห้าง ผมไม่สนว่าจะเป็นที่ไหน ไม่เกี่ยวกับผู้คน ผมสนแค่การสร้างความสูญเสียให้มากทึ่สุด เร็วที่สุด และง่ายสุด เพราะเป้าหมายทั้งสองแห่งไม่มีการป้องกันใดๆ”
🌼 แสงสว่างในปลายอุโมงค์
แต่ในเช้าวันที่เขาเตรียมปืนเพื่อไปยิงเด็กนักเรียนนั้น เพื่อนบ้านคนหนึ่งจู่ๆ ก็มาชวนกินข้าวและถามว่าเป็นไรบ้าง
“ ช่างน่าขอบคุณ ที่ผมไม่ได้อยู่คนเดียวในความมืด เพื่อนที่ดีที่สุดช่วยผมไว้ เขาแค่นั่งลงข้าง ๆ แล้วถามว่า กินข้าวไหม แล้วดูหนังกัน
เขาเห็นผมเป็นคน
เมื่อบางคนเห็นคุณเป็นคน ในเวลาที่คุณเองไม่คิดว่าคุณเป็น มันเปลี่ยนโลกทั้งใบ “
🌼 ซาตานในหัวหายไป จากคำพูดเพียงประโยคเดียว
แอรอนเล่าว่า “ ผมหยุดชะงัก พร้อมๆกับความคิดอยากฆ่าคนทั้งโลกเพื่อแก้แค้นที่หายไป คำพูดเขาหยุดผมจากความโหดร้ายในวันนั้น ด้วยความเมตตา
ถ้าคุณเห็นใครอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น คนที่ต้องการความรัก จงให้ความรักกับเขา ให้ความรักกับคนที่คุณรู้สึก ว่าควรได้รับน้อยที่สุด เพราะเขาเป็นคนที่ต้องการมันที่สุด “
หลังออกมาพูดเรื่องนี้ เขาก็ตกงานเพราะนายจ้างไม่ชอบประวัติเดิมและหางานทำยากขึ้น แต่เขาก็ไม่เสียใจที่ออกมาพูดเพื่อให้สังคมเข้าใจ
ปัจจุบันแอรอนเป็นพ่อลูกสี่และเป็นนักพูดให้กำลังใจ
*** นพ สุทธิพงษ์ ตรีรัตน์ ถอดความและเรียบเรียงจาก TedTalk รายการที่เชิญเพื่อนคนที่ชวนแอรอนทานข้าว ก่อนเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ มาฟังแอรอนพูดในวันนั้นด้วย vdo ต้นฉบับ https://www.youtube.com/watch?v=azRl1dI-Cts
#sociopath #antisocial #กราดยิง #schoolshootings
วิญญาณคนตายในฮิโรชิมา นางาซากิ คงสาบแช่งลูกหลานญี่ปุ่นเลย นอกจากจะไม่แก้แค้นแล้ว ยังอวย เป็นมิตรกับคนสั่งฆ่าพวกเขา เป็นแสนคน
...
จากเฟซบุ๊ค Thailand Vision
...
สื่อต่างประเทศรายงานในวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น และเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำญี่ปุ่นเตือนรัสเซียเรื่องการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในระหว่างการเยือนเมืองฮิโรชิมะสถานที่ทิ้งระเบิดปรมาณูในสงครามโลกครั้งที่ 2
.
คำเตือนนี้ออกมาหลังจากเมื่อวันอังคาร (22) มอสโกไม่ปิดกั้นทางเลือกที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ โดยระบุว่า มันอาจถูกใช้ในสงครามยูเครน หากรัสเซียเผชิญภัยคุกคามจริงๆ
.
นายกฯ รัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น และเอกอัครราชทูก ราห์ม เอ็มมานูเอล ไปเยือนอนุสรณ์สถาน และพิพิธภัณฑ์สันติภาพ และที่นั่น เอ็มมานูเอล เรียกจุดยืนของรัสเซียว่า "ไร้สามัญสำนึก"
.
ในปี 1945 มีผู้เสียชีวิตจากการทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมะประมาณ 140,000 คน ตัวเลขดังกล่าวรวมถึงผู้ที่รอดชีวิตจากการระเบิด แต่เสียชีวิตในภายหลังจากสัมผัสกัมมันตรังสี
.
หลังจากนั้น 3 วัน สหรัฐฯ ก็ทิ้งระเบิดพลูโตเนียมที่เมืองนางาซากิของญี่ปุ่น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 74,000 คนและนำไปสู่จุดจบของสงครามโลกครั้งที่ 2 และจนถึงตอนนี้ สหรัฐฯ ยังคงเป็นเพียงประเทศเดียวที่เคยใช้อาวุธนิวเคลียร์ในสงคราม
.ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง 9 สิงหาคม ค.ศ. 1945 นางาซากิเป็นเมืองที่สองถูกทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ และเป็นเมืองสุดท้ายของโลกที่ถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์จนถึงปัจจุบัน (ณ เวลา 11:02 นาฬิกาของวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1945 'เวลามาตรฐานญี่ปุ่น (UTC+9)')[2]
🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣
เอ็มมานูเอลออกถ้อยแถลงประณามจุดยืนของมอสโก โดยกล่าวว่า "ประวัติศาสตร์ของฮิโรชิมะสอนเราว่า มันเป็นเรื่องไร้สามัญสำนึกที่ประเทศใดก็ตามกล้าออกคำข่มขู่เช่นนี้"
.
"เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เวลาที่รัสเซียขู่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ สิ่งที่ครั้งหนึ่งไม่เคยมีใครกล้าคิดหรือกล้าพูด"
.
คิชิดะ กล่าวว่า "ฝันร้ายจากอาวุธนิวเคลียร์จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกครั้ง"
.
ไม่กี่วันหลังทหารรัสเซียบุกยูเครนเมื่อเดือนก่อน ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ประกาศว่า เขาสั่งให้กองกำลังนิวเคลียร์ยุทธศาสตร์ของมอสโกอยู่ในความเตรียมพร้อมขั้นสุด ความเคลื่อนไหวที่สร้างความกังวลไปทั่วโลก
.
"เรามีนโยบายความมั่นคงภายในและมันอยู่ในสื่อที่เข้าถึงได้ คุณสามารถอ่านเหตุผลทั้งหมดสำหรับการนำอาวุธนิวเคลียร์ออกมาใช้ได้" ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลิน บอกกับซีเอ็นเอ็นเมื่อวันอังคาร (22)
.
"ดังนั้นถ้าเกิดภัยคุกคามจริงๆ กับประเทศนี้ มันก็อาจถูกนำมาใช้ตามนโยบายของเรา"
แหล่งข่าว
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
ชมอนุสรณ์สถานค่ายดาเคา มิวนิค เยอรมันตต.
โฆษณา