15 ต.ค. 2022 เวลา 04:51 • กีฬา
ทำไมเอ็มบัปเป้ ถึงอยากย้ายออกจากเปแอสเช ทั้งๆ ที่ ได้ค่าเหนื่อยมากที่สุดในโลกอยู่แล้ว วิเคราะห์บอลจริงจังจะอธิบายความอึดอัดใจของเขาให้ฟังแบบเข้าใจง่าย
2
วันอังคารที่ผ่านมา มาร์ก้าสื่อดังของสเปน ขึ้นเฮดไลน์ข่าวใหญ่ว่า "คีลียัน เอ็มบัปเป้ ต้องการย้ายออกจากปารีสทันทีในเดือนมกราคมนี้"
ในตอนแรกผู้คนก็วิจารณ์กันว่า จะบ้าหรอ เอ็มบัปเป้เพิ่งต่อสัญญาในเดือนพฤษภาคมนี้เอง มีการชูเสื้อฉลองกันใหญ่โต อยู่ๆ ปุบปับจะมาอยากย้ายทีมได้ยังไง แต่ทว่า 2 สื่อมวลชนที่ได้รับการยอมรับในฝรั่งเศส คือ เลกิ๊ป และ เลอ ปารีเซียง ออกมายอมรับตรงกันว่า "น่าจะเป็นเรื่องจริง"
คำถามคือมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อยู่ปารีสต่อเอ็มบัปเป้ก็ร่ำรวยเงินทองดี และมีสเตตัส Untouchable การันตีลงสนามทุกนัดแน่นอน ทุกอย่างสวยงามขนาดนี้ ปัญหามันอยู่ตรงไหน?
1
ก่อนอื่นเลย เราต้องย้อนไปที่สถานการณ์ของเอ็มบัปเป้ ในช่วงปลายฤดูกาลที่แล้วก่อน เขาจงใจปล่อยให้สัญญากับเปแอสเชหมด เพื่อจะได้ย้ายทีมทันทีตามกฎบอสแมน
เรอัล มาดริด ตกลงทางวาจากับเอ็มบัปเป้ได้เรียบร้อยแล้ว และเตรียมเปิดตัวทันที หลังจบศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ แต่เปแอสเชไม่ยอมเสียผู้เล่นคีย์แมนไปแบบฟรีๆ พวกเขาทุ่มทุนแบบสุดๆ ด้วยการ จ่ายค่าเหนื่อยให้เอ็มบัปเป้ มากที่สุดในโลก ด้วยตัวเลขเงินเดือนรวมโบนัส สัปดาห์ละ 960,000 ยูโร
1
นอกจากนั้นยังให้สิทธิ์ Image Rights แบบ 100% คือทุกครั้งที่สโมสรเอาภาพของเขาไปใช้ในโฆษณาอะไรก็ตาม ต้องแบ่งรายได้ในเอ็มบัปเป้เสมอ รวมถึงยังมีคำสัญญาหลายอย่างมอบให้ ว่าจะสร้าง "ยุคสมัยใหม่" ของเปแอสเช โดยมีเอ็มบัปเป้เป็นศูนย์กลาง
1
ด้วยข้อเสนอที่อลังการขนาดนี้ เอ็มบัปเป้ กลับลำ 180 องศา เซ็นสัญญากับปารีสต่อ 2 ปี พร้อมด้วยอ็อปชั่นเซ็นต่อในปีที่ 3
การเลือกเปแอสเช ทำให้เรอัล มาดริด เจ็บแค้นมาก สื่อในสเปนด่ากราดว่า เอ็มบัปเป้เป็นผู้ชายที่ไร้สัจจะ ขณะที่ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ก็เย้ยหยันเอ็มบัปเป้ ตอนเรอัล มาดริด ได้แชมป์ยุโรปว่า "เอ็มบัปเป้คงนั่งเสียใจอยู่ตอนนี้"
ทำไมเอ็มบัปเป้เลือกเปแอสเช? ในวันที่เซ็นสัญญากันเขาอธิบายว่า "ผมกับสโมสร เราคุยกันเป็นเดือนเรื่องโปรเจ็กต์การกีฬา คุยเป็นชั่วโมงเรื่องลิขสิทธิ์ภาพลักษณ์ และ คุยแค่ไม่นาทีเกี่ยวกับเรื่องค่าเหนื่อย" คือจะบอกว่าการที่เลือกอยู่ปารีสต่อ สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องฟุตบอล ไม่ใช่เรื่องเงิน
คำว่า "โปรเจ็กต์กีฬา" ที่เอ็มบัปเป้กล่าวถึง คือการสร้างตัวตนของสโมสรในยุคต่อจากนี้ หากลองคิดดู วันนี้ลีโอเนล เมสซี่ ปัจจุบันอายุ 35 ปีแล้ว ไม่ใช่คนที่เปแอสเชจะฝากอนาคตเอาไว้ได้ เช่นเดียวกับเนย์มาร์ ในเดือน ก.พ. ปีหน้า เขาจะมีอายุ 31 ปี อีกไม่นานศักยภาพก็จะร่วงโรยตามอายุที่เพิ่มขึ้น
ตรงข้ามกับเอ็มบัปเป้ ที่อายุเพิ่งจะ 23 ปี ยังสามารถเล่นฟุตบอลในระดับสูงที่สุดได้อีกนานหลายปี และเอ็มบัปเป้จึงมองว่า ได้เวลาแล้วที่ทีมจะเริ่มสร้างอาณาจักรใหม่ โดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง ดังนั้นแผนการเล่นทุกอย่าง ก็ควรเลือกใช้แท็กติก ที่ทำให้เขาระเบิดฟอร์มได้ดีที่สุด
2
แท็กติก ที่เอ็มบัปเป้ต้องการ คือยืนแบบไหนก็ได้ แต่เขาไม่อยากเป็น Target Man หรือกองหน้าตัวเป้า
1
ไม่ว่าทีมจะเล่นในระบบ 3-4-3 หรือ 4-4-2 เขาก็ต้องการเป็นกองหน้าตัวต่ำ เหมือนกับที่เล่นให้ทีมชาติฝรั่งเศส
การยืน Target Man ที่ต้องค้ำตรงกลาง เป็นตำแหน่งที่เอ็มบัปเป้ ไม่สามารถแสดงความสามารถที่ดีที่สุดออกมาได้ เพราะมันมีพื้นที่น้อย มันต้องใช้พลังเยอะ ในการดวลกับเซ็นเตอร์แบ็กคู่แข่ง เขาชอบเล่นเป็นตัวซัพพอร์ทมากกว่า เพราะจะได้วิ่งเยอะๆ
หากลองคิดดู ในฟุตบอลสมัยใหม่ ทีมไหนที่ใช้แผน 3-4-3 นั้น พระเอกที่แท้จริง มักจะไม่ใช่กองหน้าตัวเป้า เพราะหน้าที่ของ Target Man คือคอยพักบอลแล้วป้อนซ้าย-ขวา ให้กองหน้าตัวต่ำเข้าทำประตู
ดังนั้นเอ็มบัปเป้เรียกร้องให้สโมสรซื้อกองหน้าตัวใหญ่ๆ ในสไตล์โอลิวิเยร์ ชิรูด์ หรือ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้เข้ามา เพื่อทำให้เขาเล่นง่ายขึ้น
1
แต่ปัญหาคือ เมื่อฤดูกาล 2022-23 เริ่มต้นขึ้นเปแอสเชกลับไม่ยอมซื้อกองหน้าสไตล์ Target Man เข้ามาเลยแม้แต่คนเดียว คริสตอฟ กัลทิเยร์ เฮดโค้ชของทีม เลือกใช้แผน 3-4-3 โดยจับเอ็มบัปเป้ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าตามเดิม และให้เมสซี่ กับ เนย์มาร์ รับบทบาทหน้าต่ำ ที่เอ็มบัปเป้อยากเล่น
1
เอ็มบัปเป้จึงมองว่า สโมสรไม่จริงใจที่จะยึดเขาเป็นศูนย์กลางจริงตามที่คุยกัน และเหมือนจะมอบบทพระเอกให้เมสซี่ กับเนย์มาร์มากกว่า
ยิ่งตอนเอ็มบัปเป้ มาโดนเนย์มาร์ แย่งยิงจุดโทษ ในเกมชนะมงต์เปลลิเยร์ เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ยิ่งทำให้ความขัดแย้งบานปลายมากขึ้น คือถ้าสโมสรเห็นเขาสำคัญที่สุดจริง คงขายเนย์มาร์ทิ้งไปตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์แล้ว แต่สุดท้ายก็เลือกเก็บไว้ และให้เนย์มาร์ลงเล่นในตำแหน่งที่เขาอยากยืนที่สุดซะอย่างนั้น
ด้วยความที่เลเวลของคู่แข่งในลีกเอิงมันห่างชั้นเกินไป ยังไงการจับมายืนตำแหน่งที่ไม่ชอบเอ็มบัปเป้ก็ยังยิงได้เรื่อยๆ แต่ถ้าเราดูฟอร์มของเขา จะเห็นว่านี่ไม่ใช่เอ็มบัปเป้ที่แท้จริงที่เราคุ้นกัน อย่าลืมว่านี่คือหนึ่งในนักเตะที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก แต่เรากลับไม่ได้เห็นการกระชากสวยๆ ของเขามาหลายเกมแล้ว เช่นเดียวกับ การ Playmaking สร้างสรรค์ และมีส่วนร่วมกับเกม ก็ดูจะไม่ค่อยมี เขายืนรอแล้วจบสกอร์อย่างเดียว
1
ตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา เอ็มบัปเป้ทำได้ 0 แอสซิสต์ กลายเป็นว่า เขาโดนแซะอีก ว่าเพื่อนป้อนมาให้ซะขนาดนั้น ยิงไม่ได้ก็แย่แล้ว
2
ถ้าคุณเป็นกองหน้าที่เกิดมาเพื่อยิงอย่างเออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ อาจจะพอใจ แต่เอ็มบัปเป้ต้องการ การมีส่วนร่วมมากกว่านั้น ซึ่งสื่อฝรั่งเศสก็คิดคล้ายกัน หนังสือพิมพ์เลกิ๊ป วิจารณ์ว่า "ถ้าเราคิดถึงกองหน้าตัวใหญ่ ที่หันหลังเข้าหาประตู ชื่อของเอ็มบัปเป้ จะไม่ได้ถูกคิดถึงเป็นคนแรก เราจะคิดถึง โรเมลู ลูกากู, แฮร์รี่ เคน หรือ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ การพักบอลแล้วรอเพื่อนเติมไม่ใช่จุดแข็งอันดับหนึ่งของเอ็มบัปเป้ และกัลทิเยร์เองก็รู้ดี"
2
ในสโมสรเอ็มบัปเป้ ไม่ได้ปล่อยความสามารถเต็มที่ แต่พอกลับไปเล่นทีมชาติปั๊บเป็นคนละเรื่อง วันที่ 22 กันยายน 2022 ฝรั่งเศสเล่นเกมเนชันส์ลีก เจอออสเตรีย ดิดิเยร์ เดสช็องส์ ใช้ระบบ 3-4-1-2 มีชิรูด์เป็นหน้าเป้า และเอ็มบัปเป้เป็นหน้าต่ำ ปรากฏว่า เอ็มบัปเป้เล่นได้สุดยอดมากๆ เขากับชิรูด์ แบ่งกันยิงคนละลูก ช่วยให้ฝรั่งเศสชนะออสเตรียสวยๆ 2-0
3
หลังจบเกม นักข่าวถามว่า "เรารู้สึกว่าคุณเล่นได้อย่างอิสระมากเลยนะวันนี้" เอ็มบัปเป้ตอบว่า "เพราะผมได้เล่นในตำแหน่งที่ต่างกัน ผมขอสโมสรว่าอยากเล่นด้วยแผนเดียวกับทีมชาติ เพราะอย่างที่คุณเห็น ผมมีอิสระมากกว่า โค้ชทีมชาติรู้ว่าเรามีผู้เล่นหมายเลข 9 ขนานแท้อย่างโอลิวิเยร์ ที่จะคอยต่อสู้กับกองหลัง เพื่อให้ผมมีพื้นที่ได้วิ่ง แต่ในปารีส มันไม่เหมือนกัน ผมถูกขอให้เล่นกองหน้าตัวเป้า"
โดยคำว่าหน้าเป้า เอ็มบัปเป้ จะใช้คำว่า "Pivot" ซึ่งเขาบอกมาตลอดว่าไม่ชอบตำแหน่งนี้ แต่สโมสรก็ให้เขาเล่นอยู่ได้
1
หลังกลับจากทีมชาติ เอ็มบัปเป้เป็นสำรองในเกมเจอนีซ (1 ตุลาคม) จากนั้น ในเกมที่ไปเยือนแรงส์ (8 ตุลาคม) เมสซี่เจ็บ ส่วนเนย์มาร์ไม่ฟิต เอ็มบัปเป้จึงคาดหวังว่าเขาควรได้เล่นในตำแหน่งหน้าต่ำ แต่แล้วเฮดโค้ช ก็จับเขาลงเล่นในตำแหน่ง Pivot ตามเดิม โดยคนที่เล่นหน้าต่ำคือ คาร์ลอส โซเลร์ และ เปาโล ซาราเบีย
เกมนี้ เปแอสเชเจาะไม่ได้ เสมอ 0-0 ตลอดเกมเอ็มบัปเป้ได้สัมผัสบอลแค่ 37 ครั้ง ได้ยิงเข้ากรอบ 1 หน ไม่มีบทบาทอะไรกับเกมเลย การยืนหน้าเป้าของเขาเต็มไปด้วยความโดดเดี่ยวอย่างมาก
ภาษากายของเขา เต็มไปด้วยความหงุดหงิด มีการส่ายหน้าเป็นระยะ จากนั้นนาที 90+2 เอ็มบัปเป้น็อตหลุดไปสอยขาแอนดรูว์ กราวิยอง นักเตะของแรงส์จนเกือบโดนไล่ออก
2
หลังจบเกม เฮดโค้ชกัลทิเยร์ ก็ให้สัมภาษณ์ไม่เข้าหูอีก เขากล่าวว่า "คีลียันโดนตัดขาดอย่างสิ้นเชิง เมื่อลีโอ เมสซี่ และเนย์มาร์ไม่ได้ออกสตาร์ตด้วย และผมรู้ว่าสุดท้ายเราก็ต้องส่งเนย์มาร์ลงมาเพื่อแก้เกมให้ยิงได้" นี่เป็นเหมือนการบอกว่า เอ็มบัปเป้คนเดียวไม่สามารถสร้างผลงานอะไรได้เลย
1
หลังจบเกม เอ็มบัปเป้ ลงรูปในสตอรี่ เป็นภาพเขากำลังชูนิ้วโป้ง พร้อมติดแฮชแท็ก #pivotgang เหมือนเป็นการประชดว่า ให้กูเล่นหน้าเป้าผลลัพธ์ก็ออกมาเป็นแบบนี้แหละ
3
นั่นทำให้ข่าวการย้ายทีม ดังขึ้นหนาหูทันที เพราะยังไง เปแอสเชก็ดูจะเชื่อมั่นกับแนวทางของโค้ชคนใหม่ กัลทิเยร์ แปลว่าเอ็มบัปเป้ อาจต้องเล่นหน้าเป้าต่อไปเรื่อยๆ จนครบสัญญา
1
ดังนั้นสู้แยกทางกันเลยตอนนี้ดีกว่า กัลทิเยร์จะได้เล่นแผนที่ชอบไป ส่วนเขาก็จะได้ไปหาทีมอื่น ที่จะให้เขาเล่นในแบบที่ต้องการ และเปแอสเชก็จะได้เงินก้อนในระดับร้อยล้าน เป็น Win-Win Situation อย่างแท้จริง
2
สำหรับทางเลือกของเปแอสเชนั้น คือ จะตามใจเอ็มบัปเป้ตามที่ตกลงกันไว้ หรือจะให้โค้ชเลือกใช้แผนอย่างอิสระ เป็นเส้นทางที่ประธานสโมสรต้องตัดสินใจ ว่าอะไรมีความสำคัญมากกว่า
อย่าลืมว่าเมสซี่ กับ เนย์มาร์ อีกไม่นานก็จะอำลาทีมแล้ว ถ้าไม่มีเอ็มบัปเป้ล่ะก็ เปแอสเชก็ต้องสร้างตัวตนบางอย่างขึ้นมาใหม่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่จะหาสตาร์ในเกรดเดียวกับเอ็มบัปเป้ในตลาดตอนนี้
2
อัตราต่อรอง ของสำนักพนันถูกกฎหมาย ว่าเอ็มบัปเป้จะย้ายไปทีมไหน ในเดือนมกราคมนี้ เต็งหนึ่งยังคงเป็นเรอัล มาดริด (แทง 1 ได้ 3) คือแม้ฟลอเรนติโน่ เปเรซ จะโกรธอย่างไร แต่ความเป็นซูเปอร์สตาร์ของเอ็มบัปเป้ มันก็น่าดึงดูดอยู่ดี ถ้ามีเบนเซม่า กับ วินิซิอุส วิ่งทะลวงซ้าย-ขวา เรอัล มาดริด คงครองความยิ่งใหญ่ไปอีกนานหลายปี
1
ส่วนเต็งสอง ที่พุ่งพรวดขึ้นมาคือลิเวอร์พูล (แทง 1 ได้ 6) สาเหตุเพราะ ทีมหงส์แดงคือสโมสรที่คุณแม่ของเขาเชียร์ และด้วยไลน์อัพ พวกเขามีกองหน้าตัวเป้าอยู่แล้ว (ดาร์วิน นูนเยซ - โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่) แปลว่าเอ็มบัปเป้จะได้เล่นในตำแหน่งที่ตัวเองต้องการแน่นอน แต่ปัญหาของลิเวอร์พูลคือ พวกเขาจะเอาเงินค่าเหนื่อยจากไหนมาให้เอ็มบัปเป้ ขนาดซาลาห์ต่อสัญญา 350,000 ปอนด์ ยังคิดแล้วคิดอีก ถ้าหากจ้างเอ็มบัปเป้แพงกว่าซาลาห์สองเท่าล่ะก็ เพดานค่าเหนื่อยคงล่มสลาย
3
วันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา เอ็มบัปเป้ ไปงานการกุศลที่เมืองนีมส์ มีนักข่าวถามไปเล่นๆ ว่า ถ้าเลือกได้ เขาจะย้ายไปทีมไหน ระหว่างลิเวอร์พูล หรือ เรอัล มาดริด
2
พิธีกรต้องรีบเตือนนักข่าวว่า เอ็มบัปเป้วันนี้จะไม่คุยเรื่องข่าวการย้ายทีมเด็ดขาด ดังนั้นนักข่าวจึงเปลี่ยนคำถามใหม่ โดยถามว่า "แล้วเป้าหมายระยะสั้นในอาชีพของคุณล่ะ คืออะไร?"
เอ็มบัปเป้ตอบว่า "ในเวลานี้ คือการได้แชมป์โลกสมัยที่สองกับฝรั่งเศส แต่หลังจากนั้น ผมไม่รู้"
1
เอ็มบัปเป้ทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นปริศนา และเราไม่สามารถเดาใจกองหน้าอัจฉริยะคนนี้ได้เลย ว่าจะอยู่เปแอสเชต่อไป หรือ จะเลือกความท้าทายใหม่กับสโมสรอื่น
แต่สิ่งที่ทุกคนคงเห็นตรงกันก็คือ คนอย่างเอ็มบัปเป้ ปรารถนาถึงการเป็นคนสำคัญอันดับหนึ่งเท่านั้น และ สโมสรที่จะได้ตัวเขาไป ก็ต้องยอมรับในเรื่องนี้ด้วย
#DRAMAINPARIS
โฆษณา