15 ต.ค. 2022 เวลา 17:07 • หนังสือ
รีวิวหนังสือ Better Simpler Strategy
เป็นหนังสือที่ผมอ่านจบรวดเดียวด้วยความเมามันส์ อ่านแล้วยกให้เป็น Top10 ของปีนี้ได้เลย
หนังสือจะพูดถึงแนวทางการวางกลยุทธ์ครับ … ซึ่งปรกติ การวางแผนกลยุทธ์เนี่ย เรามักจะคิดว่าเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก ซับซ้อน แต่หนังสือเล่มนี้บอกว่าจริงแล้วเราสามารถสรุปกลยุทธ์เหลือได้แค่ 2 มิติหลัก ๆ แค่นั้นเอง
โดยด้านแรกคือฝั่งขาย เราต้องทำอย่างไรก็ได้ให้ลูกค้าเต็มใจที่จะจ่ายแพงที่สุด หนังสือเรียกว่า Willingness-to-pay (WTP) และอีกฝั่งคือต้นทุน ที่เราต้องทำอย่างไรก็ได้ให้ทุนเราต่ำที่สุด โดยหนังสือเรียกว่า Willingness-to-sell (WTS)
อยากให้นึกถึงตัว I โดย WTP อยู่ข้างบน และ WTS อยู่ด้านล่าง เราต้องการที่จะยืดตัว I นี้ให้ยาวที่สุด หรือคือ ขายให้แพงโดยมีต้นทุนต่ำ หนังสือบอกที่เราวางแผนกลยุทธ์ทั้งหมดก็วนเวียนอยู่กับตรงนี้หล่ะครับ
.
วิธีการเพิ่ม Willingness-to-pay (WTP)
1) ทำให้สินค้า/บริการของเรา ตอบโจทย์ costumer journey โดยหนังสือยกตัวอย่าง Kindle ของ Amazon ที่ชนะตลาด e-reader ได้ด้วยสามารถในการเชื่อมต่อ internet ทำให้ซื้อและโหลดหนังสืออ่านได้ทันที ในขณะที่ e-reader เจ้าอื่นนั้น ต้องเอาไปเสียบคอมพิวเตอร์เพื่อโหลดหนังสือก่อน
2) Complement คือ การที่มีสินค้าหรือบริการบางอย่างที่สนับสนุนกัน เช่น iPhone มี apps store เป็นต้น สองอันนี้ไม่เกี่ยวกัน แต่ส่งเสริมกันทำให value ของสินค้ามันเพิ่มขึ้น
3) สร้าง Network Effect คือ การหาโมเดลที่จะดึงลูกค้าให้มากับเรามากขึ้น คำนี้มีรายละเอียดเยอะ ขออนุญาตไม่เล่านะครับ แต่ตัวอย่างคือ Grab ที่พอมีลูกค้าเยอะ ก็จะมีคนขับเยอะ และพอยิ่งมีคนขับเยอะ ก็จะยิ่งมีลูกค้าเยอะขึ้น วนเป็นลูปไปเรื่อย ๆ network effect นี้บางทีก็เรียกว่า flywheel ครับ
.
วิธีการลด Willingness-to-sell (Sell)
1) พนักงาน – พนักงานคือต้นทุนหลัก เราต้องทำให้พนักงาน มี satisfaction ในการมากที่สุด เช่น ปรับปรุงสภาพการทำงาน มีโอกาสในการเติบโต เป็นต้น ทั้งนี้หนังสือไม่แนะนำให้กดเงินเดือนนะ เราต้องจ่ายให้สมเหตุสมผล แต่เราต้องเน้นด้านอื่นด้วย แล้วพนักงานจะยินดีทำงานกับเราเต็มความสามารถ
2) supplier – ผู้รับเหมาก็เป็นอีกต้นทุนที่สำคัญของเรา แต่การไปกดราคาผู้รับเหมาก็ไม่ได้เป็นการสร้าง value ในระยะยาว เราควรมอง supplier เป็น partner ที่มาหาโมเดลที่ win-win ร่วมกัน เช่น พัฒนาร่วมกัน หรือ ไปช่วย supplier ปรับปรุงการทำงาน แบบนี้จะยั่งยืนกว่า
.
Productivity improvement นั้นสำคัญมากเพราะคือการเพิ่ม WTP และ ลด WTS ได้ในทีเดียว
นอกจากนี้หนังสือบอกว่า ทฤษฏีการบริหารสมัยก่อนอาจจะบอกว่า best practice นั้นไม่ยั่งยืนเพราะสามารถเลียนแบบกันได้ แต่การศึกษาพบว่ามันไม่ได้ลอกกันได้ง่ายขนาดนั้น บริษัทที่มีการจัดการไม่ดี เช่น goal setting, performance tracking หรือ frequent feedback จะไม่สามารถสร้างความได้เปรียบได้ในระยะยาวครับ
.
เป็นหนังสือเกี่ยวกับกลยุทธ์ที่อ่านแล้วรู้สึกได้เลยว่า คนเขียนเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังเขียน เขียนง่ายเหมือนกำลังเล่าให้เพื่อนฟัง ส่วนตัวเชื่อเลยว่าเล่มนี้ต่อไปจะกลายเป็นหนังสือคลาสสิคอีกเล่มที่ทุกคนควรอ่านครับ
เหมาะสำหรับคนที่ทำธุรกิจ นักวางแผนกลยุทธ์ หรือคนทั่วไปที่สนใจว่าการวางแผนกลยุทธ์ครับ
.
เล่มที่ 47/2565
อ่านบทความย้อนหลังทั้งหมด
โฆษณา