Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ฐปะนีย์ บุราไกร
•
ติดตาม
16 ต.ค. 2022 เวลา 06:29 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องสั้นที่ 4 วันพระ
+++++++++++++++
1….
ณ หมู่บ้านของฉัน เมื่อ 30 ปีก่อน จะมีชาวบ้านหลายคนบางบ้านให้ลูกชาย ลูกสาว บางบ้านแม่มาเองพร้อมขันดอกไม้ ซึ่งในขันดอกไม้มีฝ้ายผูกแขนจำนวนเท่ากับสมาชิกในครอบครัว ดอกพุดทั้งดอกและใบรวม5คู่ เทียน5คู่ บางจานจะมีขันเล็กๆฝานขมิ้นเป็นแว่นๆมาด้วย6-9ชิ้นผสมกับน้ำเพื่อจะได้น้ำมนต์กลับบ้านไปปัดเป่าสิ่งร้ายๆออกจากครอบครัว
ฉันมีหน้าที่รอรับขันดอกไม้ บางคนใช้จาน บางคนใช้ขันน้ำสแตนเลสก็มี จัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อย แต่เราเรียกรวมกันว่า “ขันดอกไม้” รอพ่อกลับมาจากนาตอนเย็นๆ
ทุกวันพระขึ้น หรือแรม 8ค่ำ และ 15ค่ำ จะมีชาวบ้านมาบูชาดอกไม้ พร้อมขันดอกไม้ มาจากต่างหมู่บ้านก็มี ในหมู่บ้านเดียวกันก็มี เสียงชาวบ้านทักทายกันบางคนกำลังเดินทางกลับ บางคนกำลังเดินทางมาถึงวางจานดอกไม้ที่บ้านของฉัน
ลูกผึ้งลูกเทียนของพ่อ จะมาบูชาดอกไม้กระจายเต็มชานบ้าน ประมาณ 20-40 จานในแต่ละวันพระ ฉันจึงจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่ออำนวยความสะดวกให้พ่อ ในการสวดมนตร์แล้วเป่าคาถา ใส่จานให้ได้อย่างทั่วถึง วันนี้ฉันก็ทำหน้าที่ไม่ได้ขาดตกบกพร่องเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
[5] พ่อกลับถึงบ้านประมาณหนึ่งทุ่มกว่า เพื่อมาสวดมนตร์ เป่า เสกคาถาใส่ขันดอกไม้ให้ทั่วถ้วนทุกขัน ทุกจาน แม่กับฉันหลังรับขันดอกไม้ของทุกๆคนแล้วต้องมาผูกฝ้ายที่อยู่ในจานดอกไม้ของทุกคนให้เป็น9ปมกว่าจะเสร็จก็พอดีพ่อกลับจากท้องนา ครอบครัวของเราต่างช่วยกันในการดูแล ปัดเป่า สิ่งที่มองไม่เห็นตัวที่จะมาทำให้ลูกผึ้งลูกเทียนของพ่อไม่ให้พวกเขาเดือดร้อน
พ่อมักจะอาบน้ำก่อนเสกเป่าคาถา เพราะร่างกายไม่สะอาดพ่อบอกว่าคาถาไม่ขลัง ฉะนั้นพ่อมาถึงบ้าน ต้องอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยจึงมาทำพิธี เสร็จทุกอย่างครอบครัวของเราจึงจะได้รับประทานอาหารเย็น
พ่อสวดมนตร์ พึมพำๆ ดังบ้าง เบาบ้างสลับกันไปมาซึ่งฉันไม่รู้ว่าเป็นภาษาอะไร แล้วเสก เป่าคาถา 3 ครั้งให้ถูกทุกๆจาน หากไม่ถึงพ่อต้องสวดมนตร์ เป่าเสกคาถาใหม่ จนครบทุกๆจาน หรือขันดอกไม้ถือว่าแล้วเสร็จ ฉันเคยถามพ่อว่าพ่อสวดมนตร์เป็นภาษาอะไร พ่อบอกว่าภาษาบาลีและภาษาเขมรโบราณ แต่ทุกครั้งที่พ่อสวดมนตร์ ฉันจะกลัวขนพองสยองเกล้าทุกที มันวังเวงยังไงไม่รู้ และฉันก็ไม่เคยชินกับคาถาของพ่อสักที
หมู่บ้านของฉันไม่มีไฟฟ้าต้องจุดตะเกียงน้ำมัน บางบ้านไม่มีเงินซื้อน้ำมันก๊าด ก็จะจุดกะบอง หรือขี้ไต้แทน แม่ให้ฉันจุดตะเกียงน้ำมันก๊าด เพื่อให้แสงสว่าง เวลาโพล้เพล้ แม่กับฉันต้องเตรียมทุกอย่างรอพ่อ แม่บอกฉันว่า เราต้องแบ่งเบาภาระของพ่อไหนจะงานในท้องนา ไหนจะงานวันพระทุกเย็น ที่ต้องสวดมนตร์เสกเป่าคาถา คุ้มครองลูกผึ้งลูกเทียนทั้งในหมู่บ้านของเราและต่างหมู่บ้านที่เขามาบูชาดอกไม้
ขณะที่ฉันกำลังเคลิ้มหลับ ต้องสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ เสียงของพ่อพูดเป็นภาษาเขมรโบราณพร้อมกระทืบเท้า เสียงของพ่อทรงพลังแหวกความเงียบกริบของคืนวันนี้ ของหมู่บ้านที่ทุกคนกำลังนอนหลับสนิท เสียงของพ่อดังกึกก้องกังวาน ทั้งหมู่บ้าน เดี๋ยวพูดเสียงสูง เดี๋ยวพูดเสียงต่ำๆ เดี๋ยวพูดเป็นภาษาไทย คล้ายกับพ่อกำลังคุยกับใครสักคน แต่ไม่เห็นตัวคนที่กำลังสนทนาด้วย
[9] ฉันรีบดึงผ้าห่มคลุมโปง กระแซะเข้าหายาย เพราะอย่างนี้แม่จึงให้ฉันมานอนกับยาย ฉันรู้สึกกลัวเอามากๆ อากาศเย็นยะเยือก เสียงน้ำค้างหยดกระทบสังกะสีดังเปาะแปะ เปาะแปะ ยิ่งทำให้บรรยากาศชวนขนหัวลุก ขนพองสยองเกล้า จับความได้เหมือนกับพ่อคุยกับปีศาจที่ตามมาจากนาคำ แล้วไม่ยอมกลับ อยากให้พ่อช่วยอะไรบางอย่าง
สักพัก เสียงพ่อกำลังเดินลงจากเรือน ท่ามกลางความมืด เสียงของพ่อพร่ำบ่นเป็นภาษาเขมรโบราณ ค่อยๆห่างออกไป ห่างออกไป ฉันรู้สึกเป็นห่วงพ่อมาก กลัวปีศาจที่ตามพ่อมาจากนาคำจะทำร้ายพ่อ
สักพักใหญ่ๆ ฉันได้ยินเสียงพ่อขึ้นบันได แม่กับพ่อคุยกันเบาๆ เสียงแม่ถามพ่อว่า มันกลับไปแล้วใช่ไหม? เสียงพ่อตอบพึมพำเบาๆ จับความได้ว่ามันอยากกินของเซ่นไหว้ พร้อมบอกแม่ให้เตรียมไว้ไปเซ่นไหว้ปีศาจที่นาคำด้วยพรุ่งนี้ เสียงแม่รับปากเบาๆ พ่อล้างเท้า เข้านอนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่ฉันกลับตาแข็งนอนไม่หลับ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่พ่อ “ปั่นธรรม สวดมนตร์ ท่องคาถา ไล่ผี” พ่อเป็นหมอธรรม ที่ดูแลจิตวิญญาณของคนทั้งตำบล เมื่อเกิดเหตุ เพศภัย ผีเข้า หรือ เกิดการตาย ผิดปกติในหมู่บ้าน พ่อต้องไปดูแล “ปั่นธรรม สวดมนตร์ ท่องคาถา ไล่ผี” เพื่อช่วยเหลือทุกๆคนให้มีชีวิตที่ปกติ
ทุกๆวันพระ มักจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เป็นประจำ แต่ฉันก็ไม่เคยชินกับมันเอาเสียเลย แม้ว่าฉันจะพบว่าพ่อ “ปั่นธรรม สวดมนตร์ ท่องคาถา ไล่ผี” ทุกวันพระ แต่ก็ยังคงกลัว จนหัวหดตดหาย คลุมโปงทุกครั้งที่ได้ยิน
เช้าๆหลังวันพระ ชาวบ้านลูกผึ้งลูกเทียนของพ่อ จะมารับเอาขันหรือจานดอกไม้กลับไป พร้อมๆกับนำฝ้ายที่พ่อเป่าคาถาให้ ไปแจกจ่ายให้ทุกคนในครอบครัวผูกแขนไว้ เพื่อกันผีสางคางเหลืองจะมาดลบันดาลให้เดือดร้อน
1
ฉันเคยถามคนที่มาบูชาดอกไม้ ว่าทำไมต้องมาทั้งๆที่อยู่ต่างหมู่บ้าน ต้องเดินทางมาตั้งไกล พวกเขาเล่าว่า หากใครที่ลืมมาบูชาดอกไม้ ก็มักจะมีเหตุการณ์ ประหลาด ที่ไม่คาดฝัน และครอบครัวจะเดือดร้อนทุกครั้ง เช่น เจ็บป่วย ไม่มีสาเหตุ ผีเชื้อ ผีปู่ จะมาดลบันดาลให้เกิดขึ้น
ฉะนั้นแม้จะอยู่ต่างหมู่บ้าน ห่างไกลกัน 3-4 กิโลเมตร พวกเขาก็ต้องมาบูชาดอกไม้ มาเอาน้ำมนตร์และฝ้ายไปผูกแขนไว้ไม่ให้ผีเชื้อ ผีปู่โมโห และจะมาทำร้ายเอาได้ เพราะผีเชื้อ ผีปู่ จะกลัวหมอธรรม คือพ่อมาก ปู่ย่า ตายาย ผีหัวไร่ปลายนา ก่อนตายมักนับถือพ่อมาก่อน หากไม่ทำและไม่มอบเข้าเป็นลูกผึ้งลูกเทียนของพ่อ ผีเหล่านั้นจะโมโหและมาดลบันดาลให้เกิดเหตุ อาเพทต่างๆ ตามความเชื่อของพวกเขา
2…..
คืนนี้เป็นวันพระที่พิเศษอีกวัน แม่กับฉันต้องเตรียมน้ำมนตร์โอ่งใหญ่ พร้อมขมิ้น 3-4 แง่งใหญ่ ฝานเป็นแว่นๆบาง พร้อม ‘ว่านหอม’ ใส่ลงไปทำให้น้ำมนตร์หอมกรุ่น ชื่นใจ พ่อสวดมนตร์ ท่องคาถา เสกเป่าใส่โองน้ำมนตร์ เตรียมพร้อมที่จะใช้งาน พ่อหาสามี แม่ตา ซึ่งครอบครัวนี้ เป็นสาเหตุให้ชาวบ้าน มารวมตัวกัน พ่อหาจึงมีหน้าที่ช่วยพ่อจุดตะเกียงเจ้าพายุ เพื่อให้แสงสว่าง ทุกๆคนจะได้มองเห็นเป็นพยานว่าจะไม่มีเหตุร้ายใดๆเกิดขึ้น
แม่กับฉันเตรียม ฝ้ายขาวตัดเป็นฝ้ายผูกแขน ถูกมัดรวมกัน 9 เส้น แล้วถักฝ้ายให้เป็นเส้นเดียวกันผูกปม 9 ครั้งให้เป็นปมเดียวกัน ขนาดยาวประมาณ 20 เซนติเมตร บางเส้นยาวประมาณ 50 เซนติเมตร พ่อกำฝ้ายเหล่านั้นสวดมนตร์ ท่องคาถา เสกเป่า คาถา ถูกจัดวางใส่พานเป็นระเบียบเรียบร้อยเตรียมพร้อมใช้งาน
ฉันเคยถามพ่อว่าทำไมทุกอย่างต้อง ฝ้าย 9เส้นมัดเป็นเส้นเดียว หรือแม้แต่มัดปมฝ้ายก็ 9 ปม พ่อบอกว่า 9 คือก้าวหน้า เพื่อคาถาของพ่อจะได้สิงสถิตในฝ้ายก้าวตามไปปกป้องลูกผึ้ง ลูกเทียน ของพ่อ และยังเป็นเลขมงคลอีกด้วย
ชาวบ้านเริ่มทยอยมาทีละคนสองคน ทั้งชาย หญิงที่เป็นผู้ใหญ่ เด็กที่สุดคือฉัน 9 ขวบ คนมาถึงก่อนต่างหยิบฝ้ายในพานที่ฉันกับแม่ทำไว้ มาผูกแขนให้กันและกัน แล้วหาที่นั่งเป็นวงกลม เว้นที่ตรงกลางลานบ้านกว้างพอสมควร อย่างเป็นระเบียบ ในที่สุด ลานบ้านฉันหนาแน่นขนัดเต็มไปด้วยชาวบ้าน
สักพักแม่ตาถูกพ่อจับไพล่หลัง มัดด้วยฝ้ายขาวเส้นยาวในพานที่เตรียมไว้ มานั่งลงท่ามกลางสายตาชาวบ้าน หลายร้อยคู่ พ่อใช้ฝ้ายในพานอีกเส้นหนึ่งมัดเป็นปมวงกลมคล้องที่คอของแม่ตาไว้ ขณะที่แม่ตาพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการคือมือที่แข็งแกร่งของพ่อ
แม่ตากรีดร้องโหยหวน ด่าทอพ่อด้วยถ้อยคำหยาบคาย ดิ้นพล่านๆเท้าทั้งสองข้างพยายามจะถีบพ่อ และถีบพื้นดิน เป็นพัลวัน สลับกันไปมา แต่ถีบไม่ถูกพ่อแม้แต่ครั้งเดียว พ่อจับแขนแม่ตา พร้อมท่องคาถาภาษาเขมรโบราณเสียงสูงต่ำสลับกันไปมา เป่าเสกใส่กระหม่อมแม่ตาไม่ขาด
พ่อไม่สนใจเท้าของแม่ตาที่พยายามจะถีบพ่อ มือของพ่อเลื่อนมาจับที่ศีรษะของแม่ตาขณะเดียวกันแม่ตาก็ถ่มน้ำลายขากเสลดใส่พ่อ เสื้อสีขาวพ่อเต็มไปด้วยน้ำลายและเสลดของแม่ตา เสียงชาวพึมพำ วิพากษ์วิจารณ์ ไม่ได้ศัพท์ บางคนกลัวลนลานต้องไปนั่งบังคนอื่นแต่ก็อยากดูพิธีไล่ผีของพ่อว่าจะจบอย่างไร เพราะบางคนเชื่อบางคนไม่เชื่อว่าผีมีจริง
พ่อถามแม่ตาเสียงสูง อย่างหนักแน่น ทรงพลัง ดังกังวานกึกก้องทั้งลานบ้าน แม้คนไม่ใช่ผีเข้าอย่างฉันหรือชาวบ้านคนอื่นๆ ยังต้องหัวหด ตดหาย ด้วยความกลัว พ่อจุ่มทางมะพร้าวที่มัดรวมกันลงในโอ่งน้ำมนตร์ ฟาดไปที่ศีรษะของแม่ตา 2-3 ครั้งเบาๆ “มึงจะออกได้หรือยัง มึงเป็นใคร บอกมาเดี๋ยวนี้” แต่แม่ตายิ่งด่า มากขึ้นถ่มน้ำลาย ใส่พ่อมากขึ้น เหงื่อแม่ตาท่วมตัว ตาแดงเถือกแทบถลนออกมาด้วยความโกรธ พร้อมตะโกนสวนกับพ่อ “กูไม่บอก กูจะไม่ไปไหน จนกว่ากูจะกินพุงอีตาให้มันตาย”
เสียงชาวบ้านอื้ออึง ด้วยความกลัวมากยิ่งขึ้น แต่พ่อไม่กลัวคุยกับผีที่สิงในร่างแม่ตาด้วยท่าทีสงบ ซึ่งตรงข้ามกับแม่ตาที่ร้องกรีดๆ ทุกครั้งที่พ่อสลัดน้ำมนตร์ใส่นาง “แกจะมาทำร้ายเขาไม่ได้ ลูกเขายังไม่ถึงเดือน ถ้าแกมากินพุงมัน มันตายแล้วใครจะเลี้ยงลูกมัน หือ ออกไปเถอะ เดี๋ยวกูจะให้อีตาหาของเซ่นไหว้ให้พรุ่งนี้เช้าเลย”
พ่อต่อรองกับผีที่สิงแม่ตาด้วยท่าทีสงบ พ่อหาซึ่งเป็นสามีแม่ตา พูดแทรกพ่อรับปากว่าจะหาของเซ่นไหว้ให้กินทุกวันพระใหญ่ แลกกับการออกจากร่างแม่ตาไป แม่ตาหันขวับมามองพ่อหา ดวงตาเขียวปัด ด้วยความโกรธจัด ชี้หน้าด่าทอว่าเป็นเพราะพ่อหา ที่ไม่ให้แม่ตาทำของเซ่นไหว้ และพ่อหาไม่รักษาสัญญา มันจึงตามมาทำร้าย มาสิงจะกินพุงแม่ตา
พ่อหาร้องไห้ ก้มกราบแม่ตา มือผงกๆ 3-4ครั้ง ขอโทษขอโพย รับปากว่าขอให้ออกจากร่างแม่ตาจะหาของเซ่นไหว้ และจะทำตามสัญญา ผีที่สิงแม่ตาชี้หน้าพ่อหาด่า ด้วยถ้อยคำที่หยาบคายไม่หยุดปาก
พ่อสลัดน้ำมนตร์ พร้อมตีหัวแม่ตาเบาๆ 3-4ครั้ง แม่ตากรีดร้องโหยหวน ด่าพ่อหยาบๆคายๆ อีก พ่อถามย้ำอีกให้บอกชื่อ และออกไป พ่อตีด้วยมัดทางมะพร้าวที่จุ่มน้ำมนตร์อีก 3-4ครั้งๆเบาๆ ผีที่ส่งแม่ตายิ่งร้องโหยหวนเยือกเย็น ยาวนาน เหมือนจะขาดใจ
ผีที่สิงแม่ตายอมบอกพ่อว่า เป็นผีที่อยู่ในที่นา อยู่มานานหลายร้อยปี ทุกปีแม่ตาพ่อหาจะเซ่นไหว้ก่อนลงดำนา แต่ปีนี้พ่อหาบอกไม่ให้แม่ตาทำ เลยมาสิงจะกินพุงแม่ตาแทน และนางจะยอมออกจากร่างแม่ตา แต่มีเงื่อนไขพรุ่งนี้พ่อหากับแม่ตาต้องเอาของเซ่นไหว้ไปถวายที่ปลายนา และทุกวันพระใหญ่ ผีสิ่งแม่ตาย้ำแล้วย้ำอีกว่า ให้ทำทุกปีก่อนลงดำนาด้วย
พ่อกับพ่อหา รับปาก แต่ผีที่สิงแม่ตาก็ไม่ยอมออก เวลายิ่งดึกมากขึ้น อากาศหนาวเย็นยะเยือก เสียงหมาเห่า หอนรับกันเป็นทอดๆ ยาวนาน ชาวบ้านขยับเข้าใกล้ชิดกันด้วยความกลัว บางคนรีบกลับเพราะดึกมากแล้วและกลัวผีที่สิงแม่ตาจะออกมาสิงตัวเอง
พ่อเอาทางมะพร้าวมัดจุ่มโอ่งน้ำมนตร์ สลัดใส่แม่ตาพร้อมตีศีรษะเบาๆ คราวนี้แม่ตากรีดร้องแต่เบาลง นางแลบลิ้นปลิ้นตา ด่าพ่ออีก พ่อจุ่มน้ำมนตร์ตีที่ศีรษะ แรงกว่าเดิม 2-3ครั้ง แม่ตากรีดร้องโหยหวน ยาวนาน พร้อมกับเสียงหมาหอนรับกันเป็นทอดๆ ชวนขนหัวลุก หายไปพร้อมกับความมืด
สักพักแม่ตาก็คออ่อนคอพับ ท่าทางเหนื่อยล้า ขอน้ำดื่ม พ่อหารีบเอาน้ำให้ดื่ม พร้อมหยิบผ้ามาซับเหงื่อที่ท่วมตัวแม่ตา จัดเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยให้เข้าที่เข้าทาง
เสียงถอนหายใจของพ่อ เหมือนว่าโล่งอก “ผีมันออกไปแล้วหละ” พ่อหาและแม่ตาไหว้พ่อ พร้อมขอบคุณ ในความปรานีที่ทำให้ผีไร่ผีนา ออกจากร่างแม่ตาเสียที เสียงถอนหายใจของชาวบ้านโล่งอกพร้อมกัน เสียงคุยกันพึมพำ วิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นๆ
“แยกย้ายพากันไปนอนได้แล้ว ผีมันออกแล้ว” พ่อบอกทุกคนพร้อมกับหันไปบอกพ่อหากับแม่ตาที่นั่งอยู่กลางลานบ้าน “มึงอย่าลืมเอาเครื่องเซ่นไหว้ ไปให้เขาที่ปลายนาแต่เช้าหละ” สองผัวเมียพยักหน้างึกๆรับปาก พ่อหาค่อยๆพยุงแม่ตา พร้อมจุดไต้พากันเดินกลับบ้าน
ชาวบ้านคนอื่นๆเริ่มจุดไต้ จุดกะบอง เดินกลับบ้าน สักพักลานบ้านของฉันเงียบสงบ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม่กับฉันเก็บโอ่งน้ำมนตร์ที่เหลือเล็กน้อย พร้อมกับพานฝ้ายผูกแขนที่หมดเกลี้ยง เข้าบ้านไปไว้ห้องพระของพ่อ แล้วตะเกียงน้ำมันก๊าดแทน หลังจากพ่อดับตะเกียงเจ้าพายุ ความมืดเริ่มเข้ามาแทน คงส่องสว่างแค่ตะเกียงน้ำมันเท่านั้น
3………
พ่ออาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า เข้าห้องพระสวดมนตร์ ประมาณ20นาที พ่อก็เข้านอน เป็นคืนที่ฉันกลัวมากๆ เพราะผีที่สิงแมตา เป็นผีไร่ผีนาซึ่งปกติชาวนาในหมู่บ้านทุกคนก่อนลงนา จะทำการเซ่นไหว้ตรงหัวนา คือท้ายที่นาที่ติดกับคนอื่น
เครื่องเซ่นไหว้ มีพาหวาน คือข้าวเหนียวคลุกน้ำตาล ประมาณ 5 กอง จีบหมากพลู 5คำ พร้อมไก่ต้มทั้งตัว 1 ตัว ไปถวายพร้อมเมล็ดข้าว ใช้ไม้ไผ่ทำคอกไว้ ไม่ให้หมามากิน ทิ้งไว้ 5-7วัน จะทำพร้อมกับวันแรกนาขวัญที่ทางราชพิธีในหลวง จะทำให้ข้าวงาม ผีปู่ผีย่าชื่นชม มาดูแลคุ้มครอง หากไม่ทำก็มักจะเกิดเหตุการณ์ เหมือนแม่ตากับพ่อหาเป็นตัวอย่าง
รุ่งเช้าลูกแม่ตามาจากกรุงเทพ เพราะได้ข่าวว่าแม่ไม่สบาย มาหาพ่อแต่เช้า พร้อมกับตำรวจ แจ้งความว่าพ่อ ตีทำร้ายแม่เขา โอ! แม่เจ้า พ่อทำบุญบูชาโทษแท้ๆ ตำรวจบอกว่าพ่อตีแม่ตา จนแม่ตาเจ็บไข้ พ่ออธิบายให้ตำรวจฟัง ชาวบ้านทยอยมาเต็มลานบ้านของฉันอีกครา แต่คราวนี้เป็นกลางวัน ทุกคนมาเป็นพยานให้พ่อ
ชาวบ้านรวมตัวกัน อธิบายว่าพ่อช่วยแม่ตา ให้ปลอดภัยจากผีที่นา มาสิง ตำรวจบอกว่าลูกแม่ตาไม่ยอม พ่อนิ่งเงียบ สงบสยบความเคลื่อนไหว แต่ลูกผึ้งลูกเทียนที่เป็นชาวบ้านอธิบายให้ตำรวจฟัง ลูกแม่ตาชี้หน้าด่าพ่อว่าหลอกลวงชาวบ้าน หาว่าพ่อเป็น 18 มงกุฎ
ความเชื่อเป็นเรื่องที่เปราะบาง เพราะพ่อเป็นหมอธรรมเป็นผู้นำจิตวิญญาณ ของทุกคนที่ป่วยแล้วหมอโรงพยาบาลช่วยพวกเขาไม่ได้ และแม่ตาไม่ใช่คนแรกที่มีอาการแบบนี้ พ่อช่วยลูกเขาที่ร้องไห้ไม่หยุดทั้งคืน เพราะเขาเชื่อว่าผีแม่เก่าแม่หลังจะมาเอา
ลูกเขาหายเพราะฝ้ายผูกแขนมัด 9 ปม เพราะคาถาที่พ่อท่องเสกเป่าใส่หัวเด็กที่แม่เขาอุ้มมาหา ไม่สามารถอธิบายในทางวิทยาศาสตร์ได้ พ่อนิ่งเงียบอย่างสงบฟังชาวบ้านอธิบาย ปกป้องพ่อ ไม่ให้ตำรวจมาจับเอาพ่อไป ตำรวจหาว่าพ่อหลอกลวงชาวบ้าน
สักพักแม่ตากับพ่อหาเดินมาถึงลานบ้านของฉัน ตบหน้าลูกชายสุดแรงด่าลูกชายของพวกเขา “มึงไม่ต้องมาหวังดีกับกู ถ้าไม่ได้พ่อใหญ่มุย กูจะมีชีวิตรอดเมื่อคืนไหม? มึงกลับบ้าน เอาตำรวจหนีออกจากหมู่บ้านพวกกูเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นพวกกูจะรุมตีเดี๋ยวนี้” พร้อมๆกับชาวบ้านตาถมึงทึง พร้อมจะจัดการกับตำรวจทั้ง2-3คนได้ทุกเมื่อ
ลูกแม่ตา พร้อมตำรวจรีบกุลีกุจอขึ้นรถตำรวจ ออกจากหมู่บ้านอย่างรวดเร็วเหมือนหมาโดนสาดน้ำร้อนไล่ยังไงยังงั้นเลย เพราะท่าทางชาวบ้านพร้อมจะรุมกระทืบ ทั้ง4คน โดยไม่รีรอ แม่ตากับพ่อหารีบไหว้ปะหลกๆ กราบลงที่เท้าของพ่อ ขอโทษขอโพยพ่อ บอกพ่อว่าอย่าถือสาหาความ เพราะลูกไม่ประสีประสา พ่อนิ่งสักพัก บอกไม่เป็นไรหรอก ลูกมึงไม่ได้อยู่กับพวกเรามันไม่รู้เรื่อง
ความเชื่อความศรัทธา เกิดจากจิตใจและพ่อแก้ปัญหา ความเดือดร้อนให้เขาได้ พ่อจึงเป็นที่นับหน้าถือตาของหมู่บ้านและตำบลนี้ โดยเฉพาะทุกวันพระมักจะมีเรื่องให้ฉันตื่นเต้นบ่อยๆ แต่ฉันก็ไม่เคยชินแม้แต่ครั้งเดียว เพราะผีสางคางเหลือง ผีปู่ผีย่า ผีเก่าผีหลัง ผีหัวไร่ปลายนายังอยู่ในความเชื่อของพวกเขาและฉันตลอดมาและตลอดไป
แม้เวลาจะผ่านไป 20-30ปี หมู่บ้านฉันมีไฟฟ้า ความทันสมัย อินเตอร์เน็ต5จี มีโทรศัพท์เกือบทุกคน ความเชื่อเรื่อง #วันพระ ยังคงอยู่ ไม่เหือดหายจากใจของพวกเขาเลย
แม้ว่าพ่อกับแม่ จะจากไปนานแล้ว พี่ชายฉันกลับมาอยู่บ้าน แต่ไม่ได้ทำพิธี #วันพระ เหมือนเมื่อก่อน แต่เพราะพี่เป็น “ลูกของพ่อ” ความนับหน้าถือตาเปลี่ยนจาก ความเชื่อ #วันพระ มาเป็นผู้นำชุมชนเป็น กำนันจนเกษียณอายุ
ธีม: ความเชื่อ ความศรัทธา เป็นเรื่องเปราะบาง และเป็น ความเชื่อเฉพาะบุคคล เราไม่เชื่อแต่ไม่ได้หมายความว่าสิ่งนั้นไม่มีจริง และไม่ควรจะไปดูถูกดูแคลนความเชื่อนั้นๆ
#ชอบกด like 👍 ถูกใจกด love ❤️ โดนใจสุดๆกด Share
#วันพระ
#ฐปะนีย์ บุราไกร
#คุณยายเล่าว่า
#จอมยุทธโกร่งกร่าง
#นักเขียนพันธุ์ X_P2 รุ่น 7 : เรื่องสั้น
#สัปดาห์ที่ 4/10
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย