❗Lean Canvas แคนวาสที่รวมทุกเรื่องที่ธุรกิจใหม่ต้องทำในช่วงตั้งต้น ไว้ในแผ่นเดียว
เพราะฉะนั้น เจ้าแผ่นแคนวาสนี้ จึงเป็นประโยชน์กับเจ้าของธุรกิจ และนักลงทุนในการมองภาพรวมของธุรกิจมากๆ 👍🏻
📌 อธิบายเพิ่มเติมสำหรับการทำ Lean Canvas
Lean Canvas ประกอบไปด้วย 9 ข้อสำหรับการวิเคราะห์ธุรกิจ คือ
1. Problem หรือปัญหาที่ต้องการแก้ไข อาจจะเป็นสิ่งที่ลูกค้ากำลังเจออยู่ และยังไม่มีใครแก้ปัญหานั้นได้
2. Solution วิธีในการแก้ไขปัญหาของธุรกิจ
3. Unique Value Proposition จุดเด่นเฉพาะของเรา
4. Unfair Advantage จุดเด่นที่ทำให้เราเหนือคู่แข่ง
5. Channels ช่องทางในการเข้าถึงลูกค้า
6. Customer Segments ตัวตนของลูกค้าที่เจอปัญหานี้
7. Revenue Streams ที่มาของรายได้
8. Cost Structure ต้นทุน ค่าใช้จ่ายต่างๆ
9. Key Metric ตัวชี้วัดความสำเร็จ
วันนี้ เรามี 5 ตัวอย่าง Lean Canvas ของบริษัทระดับโลกมาให้ดูกัน
ว่าช่วงตั้งไข่ของแต่ละบริษัท มีปัญหาอะไรที่ต้องการแก้ และมีวิธีแก้ไขปัญหากันอย่างไร
เรามาดูกันเลยครับ 😊
1. Google
ปีที่ก่อตั้ง ค.ศ.1998
โดย Larry Page และ Sergey Brin
ในแง่ของความนิยม และการถูกยอมรับไปทั่วโลก Google เป็นเสิร์ชเอนจิ้นอันดับ 1 ที่ใช้ค้นหาสิ่งที่ต้องการได้ง่ายที่สุด จนก้าวขึ้นมาเป็น Google Ads, ทำระบบ Cloud Computing และผลิตภัณฑ์ต่างๆ อีกมากมาย แต่หลายคนอาจจะไม่เชื่อว่า Google นั้นถูกเริ่มต้นขึ้นมาในโรงจอดรถ โดย 2 คู่เพื่อนซี้จากมหาวิทยาลัย Stanford เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว
โดยผู้ก่อตั้ง Google อย่าง Larry Page และ Sergey Brin มองเห็นจุดอ่อนของเสิร์ชเอนจิ้นคู่แข่งอย่าง Yahoo และ Excite จนพัฒนา Google ขึ้นมาเพื่อเป็นเสิร์ชเอนจิ้นที่น่าเชื่อถือ ค้นหาได้รวดเร็ว บวกกับนวัตกรรม PageRank Algorithm ซึ่งกลายมาเป็น Unfair Advantage ของ Google
📌 Lean Canvas ของ Google
1. Problem: Search engines เก่าๆ มักจะรวมผลการค้นหาที่ไม่เกี่ยวข้องมาด้วย, ค้นหาแล้วไม่เจอสิ่งที่ต้องการ
- คู่แข่งได้แก่ Yahoo, AltaVista, Excite
2. Solution: พัฒนาเทคโนโลยีให้คนสามารถค้นหาคำที่ต้องการ
3. Unique Value Proposition: ผู้ใช้สามารถเจอสิ่งที่ต้องการอย่างแท้จริง, ใช้ค้นหาได้อย่างรวดเร็ว
4. Unfair Advantage: นวัตกรรม Google PageRank
5. Channels: User References
6. Customer Segments: ผู้ใช้งานเว็บไซต์ทุกคน
7. Revenue Streams: การลงทุน, รายได้จากการโฆษณา
8. Cost Structure: ค่า Hosting, ค่าใช้จ่ายพัฒนาระบบ
9. Key Metric: จำนวนครั้งการค้นหา, % ของคนที่จบการค้นหาภายในหน้าแรก
2. Facebook
ปีที่ก่อตั้ง ค.ศ.2004
โดย Mark Zuckerberg, Dustin Moskovitz, Eduardo Saverin, Andrew McCollum และ Chris Hughes
Facebook เป็นโปรเจ็กต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาหลังจากเหตุการณ์ฟองสบู่ Dot com แตก โดยเริ่มขึ้นภายในหอพักนักศึกษามหาวิทยาลัย Harvard ที่ Mark Zuckerberg และเพื่อนของเขาพยายามสร้างเว็บไซต์ที่เป็นเหมือนสมุดรายชื่อของนักศึกษา มีภาพและรายละเอียดส่วนตัวของแต่ละคนอยู่ในนั้น จึงได้เป็น Facemash เวอร์ชั่นแรกออกมา และมีการปรับปรุงจนกลายเป็น Facebook.com ในปัจจุบัน
📌 Lean Canvas ของ Facebook
1. Problem: เครือข่ายออนไลน์ของ Harvard มีข้อจำกัดในการใช้งาน และไม่สนุก, นักศึกษาอยากติดต่อกันทางออนไลน์
- คู่แข่งได้แก่ MySpace, Hi5, Friendster
2. Solution: ออกแบบเครือข่ายออนไลน์สำหรับนักศึกษา Harvard และสามารถแชร์รูป ความสนใจ รวมถึงคุยเรื่องอื่นๆ ได้
3. Unique Value Proposition: ช่องทางที่นักศึกษา Harvard สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างสะดวก
4. Unfair Advantage: การสื่อสารแบบ Person-to-Person, มีฟีเจอร์รองรับมากมาย
5. Channels: การแนะนำกันในหมู่นักศึกษา
6. Customer Segments: นักศึกษา Harvard และมหาวิทยาลัยอื่นๆ
7. Revenue Streams: การลงทุน, รายได้จากการโฆษณา
8. Cost Structure: ค่า Hosting, ค่าใช้จ่ายพัฒนาระบบ, เงินเดือนพนักงาน
9. Key Metric: DAU/MAU, North Star Metric
3. YouTube
ปีที่ก่อตั้ง ค.ศ.2005
โดย Jawed Karim, Steve Chen และ Chad Hurley
YouTube เริ่มต้นมาจากอพาร์ตเมนต์เหนือร้านพิซซ่า โดยเหล่าพนักงานบริษัท Paypal เพื่อสร้างเว็บไซต์ Video Hosting หลังจากที่ ShareYourWorld ปิดตัวลงในปี 2001
หลังจากเปิดตัวเพียง 1 ปี Google ก็เข้าซื้อธุรกิจไปในราคา 1,650 ล้านเหรียญ จนกลายมาเป็นบริการ Video Hosting ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน
📌 Lean Canvas ของ YouTube
1. Problem: ไม่มีบริการแพลตฟอร์ม Video Hosting ในช่วงนั้น
- คู่แข่งได้แก่ ShareYourWorld, Vimeo, Google Video
2. Solution: สร้างแพลตฟอร์มวิดีโอสำหรับมือสมัครเล่นโดยเฉพาะ
3. Unique Value Proposition: ผู้ใช้สามารถเจอสิ่งที่ต้องการอย่างแท้จริง, ค้นหาได้อย่างรวดเร็ว
4. Unfair Advantage: ความยากในการสร้างแพลตฟอร์มวิดีโอขนาดใหญ่เทียบเท่า
5. Channels: เพื่อนผู้ก่อตั้ง, นิตยสารเทคโนโลยี, Email, Referrals
6. Customer Segments: ผู้ใช้งานทั่วไป, Video Bloggers มือสมัครเล่น, นักโฆษณา
7. Revenue Streams: การลงทุน, รายได้จากการโฆษณา
8. Cost Structure: ค่า Hosting, ค่าใช้จ่ายพัฒนาระบบ, เงินเดือนพนักงาน
9. Key Metric: ยอดวิวต่อวิดีโอ, DAU, เวลาที่ใช้ในการดูแต่ละคลิป
4. Amazon
ปีที่ก่อตั้ง ค.ศ.1994
โดย Jeff Bezos
ถ้าพูดถึง Amazon หลายคนคงนึกถึงเว็บไซต์ E-commerce ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่เมื่อหลายปีก่อน Amazon นั้นเป็นแค่ร้านหนังสือออนไลน์ที่โด่งดัง
Amazon ถูกก่อตั้งขึ้นท่ามกลางวิกฤติฟองสบู่ดอทคอม และรอดพ้นจากวิกฤติได้ โดยทุนเริ่มต้นมาจากพ่อแม่ของ Jeff Bezos เอง
อย่างไรก็ตาม ความต้องการของ Jeff Bezos คือทำให้ Amazon เป็นร้านค้าที่ขายทุกอย่าง Amazon จึงประสบความสำเร็จในฐานะเว็บไซต์ E-commerce ในปัจจุบัน
📌 Lean Canvas ของ Amazon
1. Problem: การขาดแคลนของร้านหนังสือออนไลน์, ร้านหนังสือออฟไลน์ หาหนังสือได้ยาก
- คู่แข่งได้แก่ Interloc, ร้านหนังสือทั่วไป
2. Solution: สร้างร้านหนังสือออนไลน์ที่มีหนังสือจำนวนมาก
3. Unique Value Proposition: ผู้ซื้อสามารถซื้อหนังสือจากที่บ้าน ไม่ต้องไปเลือกที่ร้านเอง
4. Unfair Advantage: ตัดต้นทุนค่าใช้จ่ายเยอะ ทำให้หนังสือราคาถูกกว่าร้านหนังสือทั่วไป
5. Channels: Affiliates Resellers
6. Customer Segments: ผู้อ่านหนังสือ
7. Revenue Streams: รายได้จากยอดขาย
8. Cost Structure: ค่า Hosting, ค่าใช้จ่ายพัฒนาระบบ, เงินเดือนพนักงาน, ค่าใช้จ่ายดำเนินกิจการ (ค่าเช่าโกดัง, ค่าส่งของ ฯลฯ)
9. Key Metric: ยอดเข้าชมเว็บไซต์, CAC, ROI
5. Airbnb
ปีที่ก่อตั้ง ค.ศ.2008
โดย Brian Chesky, Joe Gebbia และ Nathan Blecharczyk
จุดเริ่มต้นของ Airbnb หรือ Airbed & Breakfast นั้นเบสิคมาก! เพราะมันเริ่มมาจากการที่ผู้ก่อตั้งรู้สึกหมดเงินที่จะจ่ายค่าเช่าที่พักในจำนวนมาก และโรงแรมเหล่านี้ มักจะไม่ตอบโจทย์ในการใช้ชีวิตแบบคนท้องถิ่น Airbed & Breakfast จึงออกมาพร้อมกับข้อเสนอของที่พักเตียงลม พร้อมอาหารเช้าในราคา 80 ดอลลาร์ต่อคืน (หรือประมาณ 3,000 กว่าบาทเท่านั้นเอง)
หลังจากนั้น Airbed & Breakfast ก็พบกับปัญหามากมายของแพลตฟอร์ม จนได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อ Airbnb พร้อมกับฟีเจอร์มากมายในเว็บไซต์ ทำให้ Airbnb ได้รับการลงทุนครั้งแรกจาก Sequoia Capital ในจำนวน 600,000 ดอลลาร์
📌 Lean Canvas ของ Airbnb
1. Problem: นักท่องเที่ยวหาที่พักราคาถูกได้ยาก, โรงแรมไม่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบ Local
- คู่แข่งได้แก่ Booking.com, Hotels.com
2. Solution: บริการออนไลน์ที่นักท่องเที่ยวหาที่พักแบบ Local และเจ้าของบ้านได้รายได้จากการแบ่งพื้นที่ให้เช่า
3. Unique Value Proposition: นักท่องเที่ยวได้บรรยากาศ Local ของแต่ละเมือง, สามารถสร้างรายได้เสริมกับเจ้าของบ้าน
4. Unfair Advantage: เจ้าของบ้านคนไหนก็แบ่งพื้นที่ให้เช่าได้, ความเชื่อมั่นของบริการ, เงินประกันความเสียหาย
5. Channels: Referrals, การแนะนำจากผู้ใช้งาน, การโฆษณา
6. Customer Segments: นักท่องเที่ยวที่มองหาที่พักราคาถูก ได้บรรยากาศของคนในพื้นที่จริง, เจ้าของบ้านที่ต้องการให้เช่าพื้นที่ในบ้านกับนักท่องเที่ยว
7. Revenue Streams: ส่วนแบ่งจากค่าเช่าห้อง
8. Cost Structure: ค่า Hosting, ค่าใช้จ่ายพัฒนาระบบ, เงินเดือนพนักงาน, ค่าใช้จ่ายการตลาด, เงินประกันความเสียหาย, ค่าถ่ายรูปบ้าน
9. Key Metric: Views-to-booking, จำนวนเจ้าของบ้านในระบบ, NPS, DAU/MAU
#SkillLane #เรียนออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา
#เรียนออนไลน์ #ธุรกิจ #LeanCanvas
#Google #Youtube #Facebook #Amazon #Airbnb
- 8
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
