17 ต.ค. 2022 เวลา 10:26 • กีฬา
เปาล่า อีโกนู นักวอลเลย์บอลสาวชาวอิตาเลียน โดนคนชาติตัวเองแซะเรื่องผิวดำ จนเธอน้อยใจ ประกาศว่าจะเลิกเล่น เรื่องราวเป็นอย่างไร แล้วเธอจะเลิกเล่นจริงๆ หรือ วิเคราะห์บอลจริงจังจะเล่าให้ฟัง
อิตาลี เป็นหนึ่งในประเทศ ที่มีทัศนคติต่อคนผิวดำ ที่แข็งกร้าวมาก ต่อให้คุณถือสัญชาติอิตาเลียน แต่ถ้ามีผิวสีดำ สายตาที่ถูกมองก็จะเป็นอีกแบบทันที
1
เคสที่ทุกคนน่าจะจำกันได้ดี คือ มาริโอ บาโลเตลลี่ กองหน้าที่เคยพาอิตาลีเข้าชิงยูโร 2012 ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างบาโลเตลลี่ก็ยังโดนเหยียดผิวเป็นประจำ ตอนเขาเล่นให้เบรสชา โดนแฟนบอลเวโรน่าด่าว่าเป็นลิง จนเดินร้องไห้ออกจากสนามมาแล้ว
1
ล่าสุด เรื่องของเปาล่า อีโกนู นักวอลเลย์บอลหญิงตัวท็อปของโลกชาวอิตาเลียน ก็กำลังโดนกระทำในลักษณะคล้ายๆ กัน คือ โดนคนในประเทศตัวเองตั้งคำถามว่า "เธอไม่รู้สึกแปลกๆ หรอ ที่มารับใช้ทีมชาติอิตาลี ทั้งๆ ที่ตัวเองผิวดำ"
เปาล่า อีโกนู เป็นลูกสาวของผู้อพยพชาวไนจีเรีย ที่ย้ายมาตั้งรกราก ที่เมืองซิตาเดลล่า ทางตอนเหนือของอิตาลี แน่นอนเธอเป็นคนอิตาเลียนเต็มตัว เพราะเธอเกิดที่นี่ เธอพูดภาษาอิตาเลียนด้วยสำเนียงแบบเวเนเซีย
อย่างไรก็ตาม ในเชิงกีฬานั้น ด้วยโครงสร้างร่างกายของคนแอฟริกัน เธอจึงมีกล้ามเนื้อที่ทรงพลัง กระโดดได้สูงมาก เธอมีส่วนสูงถึง 193 ซม. และมีระยะตบสูงถึง 3.44 เมตร ส่งผลให้เธอคือตัวทำแต้มที่ร้ายกาจที่สุด
1
จะหน้าเน็ต หรือจะเส้นสามเมตร ถ้าเธอได้กระโดดล่ะก็ แทบจะการันตีแต้ม เพราะทั้งแรง ทั้งเร็ว
ในวัย 17 ปี ตอนอยู่สโมสรคลับ อิตาเลีย เธอเคยทำแต้ม "46 แต้ม" ในเกมเดียว เป็นสถิติสูงสุดของวอลเลย์บอลลีกอิตาลีตลอดกาล และไม่แปลกที่จะถูกเรียกมาติดทีมชาติอย่างรวดเร็วมาก
2
และกับทีมชาติ เธอยึดตัวจริงอย่างง่ายดาย ตอนเธออายุ 19 สร้างสถิติทำแต้ม "45 คะแนน" ในเกมที่อิตาลีชนะจีน ในวอลเลย์บอลชิงแชมป์โลก ปี 2018 รอบรองชนะเลิศ จนเป็นสถิติสูงสุดตลอดกาลของรายการชิงแชมป์โลก
1
การที่อิตาลี มีความแข็งแกร่งอย่างมาก จนลุ้นแชมป์โลกได้ตลอด เราพอจะบอกได้เลยว่า อิโกนู นี่ล่ะคือคีย์แมนคนสำคัญจริงๆ
1
แต่สิ่งที่เธอต้องเผชิญมาตลอด คือเรื่องการเหยียดผิว เธอเคยให้สัมภาษณ์ตอนติดทีมชาติใหม่ๆ ว่า "บางครั้งฉันก็โดนเหยียดผิวตอนเดินอยู่บนถนนเลยนะ แต่ก็พยายามปล่อยให้มันผ่านไป คือฉันไม่อยากจะไปโทษคนที่พูด แต่อยากมองลึกลงไปถึงระบบการศึกษาที่สอนให้เรามองอีกฝ่ายแตกต่างจากตัวเอง ฉันเป็นคนอิตาเลียน ฉันโตมากับวัฒนธรรมอิตาลี แต่ฉันก็ยังชอบการเต้น และเสื้อผ้าของไนจีเรียอยู่นะ"
5
อีโกนู โดนเหยียดมาเรื่อยๆ แต่เธอก็พยายามเข้มแข็งเสมอ ไม่ตีโพยตีพายอะไร ครั้งหนึ่งใน เดือนกันยายน 2022 เธอเคยถูก คริสเตียน่า บูโอนามาโน่ พิธีกรจากช่องสกายอิตาเลีย พูดถึงโดยใช้คำว่า "Scimmie" ที่แปลว่าลิง เป็นดราม่าไปพักหนึ่งเลยทีเดียว แต่ เว็บไซต์ Il Giorno อธิบายว่า Scimmie นอกจากแปลตรงๆ ว่าลิงแล้ว ในภาษาอิตาเลีย ยังเป็นแสลง แปลว่า คนที่มีจิตใจอ่อนไหวได้ด้วย ดังนั้นในกรณีนี้ นักข่าวอาจจะสื่อไปในมุมนั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่มีใครรู้หรอก นักข่าวจากสกายอิตาเลีย จะสื่อถึงอะไรกันแน่
6
ชีวิตของคนผิวดำ ต่อให้เป็นสตาร์ ก็ยังต้องเผชิญกับเรื่องลักษณะนี้ คือถ้าในอังกฤษ หรือสหรัฐฯ อาจจะไม่ได้มีเรื่องแบบนี้ แต่กับอิตาลี มันเกิดขึ้นบ่อยมาก แทบทุกชนิดกีฬา
สำหรับเหตุการณ์ล่าสุดของอีโกนู ที่เป็นข่าวใหญ่ เกิดขึ้นในวันที่ 15 ตุลาคม เมื่ออิตาลี ลงเล่นกับสหรัฐอเมริกา ในนัดชิงอันดับ 3 ของวอลเลย์บอลชิงแชมป์โลก โดยเกมนั้นอิตาลีเอาชนะไปได้สบายๆ 3-0 เซ็ต ซึ่งคนเด่นสุดในเกม ก็แน่นอนว่าต้องเป็นอีโกนูอยู่ที่แล้ว ที่ทำแต้มสูงสุด 25 คะแนน
2
หลังจบเกม มีคนจับภาพอีโกนู คุยอยู่กับมาร์โก รากัซโซนี่ เอเยนต์ส่วนตัวของเธอข้างสนาม โดยพูดขึ้นมาว่า "คุณไม่เข้าใจ คุณไม่เข้าใจหรอก นี่คือเกมสุดท้ายของฉันในทีมชาติแล้ว เพราะพวกเขาเอาแต่ถามตลอด ว่าฉันใช่คนอิตาเลียนแน่หรอ? ฉันเหนื่อยแล้ว" พร้อมกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเสียใจ
1
ทำไมเธอถึงดูเจ็บปวดขนาดนั้น? จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ เกิดขึ้นในรอบรองชนะเลิศของศึกชิงแชมป์โลก ที่อิตาลีแพ้บราซิล อีโกนูเล่นไม่ดีพอ จนมีส่วนทำให้ทีมตกรอบ พอจบเกมปั๊บ ความเห็นในโซเชียลมีเดียระดมด่าเธอเละเทะ บางคนคอมเมนต์ว่า "นี่แก ใช่คนอิตาเลียนจริงๆ หรือเปล่าวะ" คือถ้าวันไหนเล่นดี กระแสด่าจะไม่ค่อยมี แต่เมื่อไหร่ทีมแพ้ขึ้นมา เธอจะเป็นเป้าหมายแรก และเรื่องสีผิวจะโดนหยิบเอามาด่าทอเสมอ
3
ถ้าเป็นประเทศที่มีการผสมผสานทางวัฒนธรรม คงไม่มีการหยิบเรื่องสีผิวมาด่าทอ แต่ในโลกนี้ ก็ยังมีหลายประเทศ ที่เป็นแบบอิตาลี คือผูก"เชื้อชาติ" กับ "สัญชาติ" เอาไว้ด้วยกันอยู่
เรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจ เพราะขนาดเธอทุ่มเทเพื่อทีมชาติมาตลอด แต่บางคนนึกถึงเรื่องสีผิวก่อนความสามารถ เรื่องนี้เป็นปมในใจของเธอมาโดยตลอด ครั้งหนึ่งเธอเคยกล่าวว่า "ไม่มีใครเกิดมาเกลียดกันเพราะสีผิวหรอก แต่ว่าเด็กๆ แต่ละคนมาเรียนรู้เรื่องความแตกต่าง จากโรงเรียน จากคุณครู ที่คอยบอกว่า คนนั้นผิวดำ คนนี้ผิวเหลือง"
1
"การถูกบอกว่าฉันไม่คู่ควรกับทีมชาติ มันทำให้ฉันเจ็บปวดมากจริงๆ ฉันรักการเล่นให้อิตาลี และหวังว่าจะได้เล่นในรายการชิงแชมป์ยุโรป หรือในโอลิมปิก แต่ถ้าถอยหลังกลับมาหนึ่งก้าว แล้วจะเป็นการส่งข้อความที่ชัดเจน ถึงสังคมได้ ฉันก็จะทำ"
3
นั่นทำให้หลังเกมชนะสหรัฐฯ เธอจึงระบายความรู้สึกออกมากับเอเยนต์ส่วนตัว ด้วยความน้อยอกน้อยใจว่าเธอจะเลิกเล่นวอลเลย์บอลให้ทีมชาติแล้วดีกว่า ถ้าโดนเหยียดผิวแบบนี้อีก
1
อย่างไรก็ตาม หลังจากเวลาผ่านไปสักระยะ อีโกนู ก็ใจเย็นลง เธอให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ช่อง Rai ว่า "ฉันอยากจะขอพักกับทีมชาติก่อน แต่มันไม่ใช่การอำลาหรอกนะ เราจะพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ในเดือนมกราคม อยากบอกว่า ฉันเป็นคนอิตาเลียน และ รู้สึกได้ถึงความเป็นอิตาเลียน ดังนั้นฉันเจ็บปวดกับเสียงด่าทอแบบนั้น ตอนนี้ฉันเพียงแค่ต้องค้นหาว่าตัวเองอยากทำอะไรต่อไป อย่าลืมว่าฉันเป็นแค่เด็กผู้หญิงอายุ 23 ปีเท่านั้นเอง"
3
จากนั้นมีนักข่าวถามเธอว่า คิดยังไงกับคำพูดเหยียดผิวที่เธอโดน อีโกนู ตอบกลับว่า "คุณต้องไปถามคนที่เขาพูดสิ ว่าเขาคิดอะไรอยู่ถึงพูดแบบนั้น"
5
บทสรุปของอีโกนู คือเธอน้อยใจที่เวลาทีมแพ้ เธอจะโดนหยิบเรื่องสีผิวมาตำหนิก่อนเสมอ ซึ่งครั้งนี้ เธอน็อตหลุดในแว้บแรก จึงประกาศว่าจะเลิกเล่นทีมชาติ แต่พอเวลาผ่านไปแว้บเดียว เธอก็ได้สติ แล้วบอกว่าจะพิจารณาดูก่อนว่าจะเล่นต่อไหม ยังไม่ได้ฟันธงขนาดนั้นว่าเลิกชัวร์
1
สำหรับประเด็นของอีโกนูนั้น แบ่งความเห็นของชาวอิตาเลียนเป็นสองฝ่าย คนบางกลุ่มก็ยังเชื่อจริงๆ ว่า ทีมชาติในกีฬาต่างๆ ก็ควรเป็นคนเชื้อชาติอิตาเลียนแท้ๆ หรือผสมได้นิดหน่อย แต่ควรจะยังอยู่ในโทนผิวขาว ไม่ใช่กระโดดมาเป็นคนผิวดำ หรือคนเอเชียเลย มีคอมเมนต์หนึ่งเขียนว่า "ถ้ามีคนผิวขาวเป็นหัวใจสำคัญของทีมชาติแคเมอรูน คุณว่ามันไม่แปลกหรือ?"
4
แต่กับคนอีกกลุ่ม จะมองว่าโลกนี้มันไปถึงไหนแล้ว กำแพงเรื่องเชื้อชาติควรจะถูกทำลายได้แล้ว ในเมื่อเขาถือสัญชาติอิตาเลียน ก็ควรถูกยอมรับ และได้รับเกียรติ เช่นเดียวกับคนผิวขาวไม่ใช่หรือ
10
ตัวอย่างเช่น กัซเซตต้า เดลโล่ สปอร์ต สื่อกีฬาของอิตาลี กล่าวว่า "ทีมวอลเลย์บอลหญิงอิตาเลียน เป็นหนึ่งใน Pink Movement ที่สำคัญที่สุดในประเทศของเรา และเปาล่า อีโกนู คือสายเลือดใหม่ของวงการกีฬาอิตาเลียน ดังนั้น เราต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเธอ"
4
เรื่องนี้ เราต้องติดตามกันต่อไปว่า อีโกนู จะแค่น้อยใจชั่วคราว หรือว่าจะรู้สึกว่าพอแล้ว เลิกเล่นมันซะเลยดีกว่า เราไม่อาจหยั่งรู้จิตใจของเธอได้จริงๆ ว่าเจ็บปวดมากแค่ไหน
และจริงๆ แล้ว เรื่องของอีโกนู มันซับซ้อนกว่าเคสอื่นๆ เพราะปกติการเหยียดผิว หรือเหยียดเชื้อชาติ นักกีฬาจะโดนแฟนๆ ของทีมคู่แข่งโจมตีใส่
แต่ในกรณีของเธอ กลับเป็นกองเชียร์ชาติตัวเอง โจมตีกันเอง ถ้าเราเป็นอีโกนูก็คงอึดอัดใจจริงๆ เพราะ กองเชียร์ที่ควรซัพพอร์ท ควรปกป้อง กลับมาด่าเธอซะเอง แล้วแบบนี้จะให้เธอหันหน้าไปทางไหนดีล่ะ
1
โฆษณา