18 ต.ค. 2022 เวลา 07:03 • ข่าว
นักวิชาการเตือน “หมูเถื่อน” ปนเปื้อนเชื้อดื้อยา หวั่นกระทบสุขภาพผู้บริโภคไทย
ศาสตราจารย์ สัตวแพทย์หญิง ดร. รุ่งทิพย์ ชวนชื่น หัวหน้าศูนย์ติดตามการดื้อยาของเชื้อโรคอาหารเป็นพิษ โดยความร่วมมือกับองค์การอนามัยโลก คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า สถานการณ์การลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนเข้าสู่ประเทศไทยที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ต้นปี จนกระทั่งถึงปัจจุบันว่ากำลังส่งผลให้มีปริมาณหมูที่ไม่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพที่รวมถึงเเบคทีเรียก่อโรค สารตกค้างหรือสารปนเปื้อนต่างๆ เข้ามากระจายสู่ผู้บริโภคชาวไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพอนามัยของผู้บริโภคไทย
“นอกเหนือจากอันตรายจากสารเร่งเนื้อแดงที่หลายประเทศต้นทางหมูเถื่อนอาจยังมีการอนุญาตให้ใช้ได้ ปัญหาการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่สมเหตุสมผล นับเป็นอีกปัจจัยอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม ทั้งนี้เนื่องจากประเทศ
โดนต้นทางหมูเถื่อน เช่น บางประเทศในแถบอเมริกาใต้ ยังคงมีการนำโคลิสตินซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะทางเลือกสุดท้ายสำหรับมนุษย์ มาใช้ในการเลี้ยงสัตว์เพื่อควบคุมและป้องกันโรค และอาจทำให้เชื้อดื้อยาโคลิสตินปะปนมาในเนื้อสัตว์ ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องมาถึงผู้บริโภคได้” ศ.สพ.ญ.ดร.รุ่งทิพย์ กล่าว
สำหรับเชื้อดื้อยาคือ แบคทีเรียที่สามารถต่อต้านยาปฏิชีวนะ ทำให้การรักษาผู้ป่วยติดเชื้อเหล่านี้ไม่ได้ผลดีดังเดิม อาจต้องใช้เวลารักษานานขึ้น เสียค่าใช้จ่ายในการรักษาแพงขึ้น หรือผู้ป่วยอาจเสี่ยงเสียชีวิตมากขึ้น แม้สาเหตุหลักประการหนึ่งของเชื้อดื้อยาจะมาจากพฤติกรรมการใช้ยาปฏิชีวนะของผู้ป่วยเอง
เช่น การซื้อยาปฏิชีวนะใช้เอง หรือการกินยาไม่ครบตามที่แพทย์สั่ง แต่ผู้บริโภคอาจได้รับเชื้อดื้อยาจากการบริโภคเนื้อสัตว์ได้เช่นกัน ดังนั้นการเลือกบริโภคเนื้อหมูที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพอย่างถูกต้อง จะลดโอกาสติดเชื้อดื้อยาและป้องกันการสะสมสารตกค้างในร่างกายได้อีกด้วย
โดยที่ผ่านมา ประเทศไทยให้ความสำคัญกับกระบวนการเลี้ยงสัตว์ภายใต้ความปลอดภัยทางอาหาร ควบคู่การจัดการตามมาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) และการเฝ้าระวังการดื้อยาต้านจุลชีพภายใต้แนวคิด “สุขภาพหนึ่งเดียว” (One Health) ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ระดับชาติ เพื่อให้สัตว์ที่เลี้ยงเพื่อการบริโภคมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง ผู้บริโภคได้รับอาหารที่ดี ปลอดภัย รวมถึงสิ่งแวดล้อมปลอดภัยด้วย
ดังเช่น ผู้ผลิตอาหารของไทยที่ได้มาตรฐานและคำนึงถึงการลดปัญหาเชื้อดื้อยาทั้งในคนและในสัตว์ จะยกเลิกรายการยารักษาสัตว์ที่อยู่ในกลุ่มยาต้านจุลชีพที่ใช้ได้ทั้งในคนและในสัตว์ (share-class antimicrobials) โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาปฏิชีวนะที่เป็นทางเลือกสุดท้ายที่ใช้รักษาโรคในคน เช่น โคลิสติน ออกจากระบบ และหันไปมุ่งเน้นวิธี “ป้องกันโรค” ให้สัตว์เลี้ยงในฟาร์มแทน ซึ่งสามารถช่วยลดปัญหาเชื้อดื้อยาได้ทั้งในสัตว์และในคนไปพร้อมกัน
โฆษณา