18 ต.ค. 2022 เวลา 09:23 • กีฬา
คาริม เบนเซม่า นักเตะคนล่าสุดที่คว้าบัลลงดอร์ กว่าจะมาถึงเป้าหมายของชีวิต เขาเองก็ผ่านอะไรมาเยอะ วิเคราะห์บอลจริงจัง อธิบายให้ฟังว่าทำไมเขาถึงคว้ารางวัลได้สำเร็จในวัย 34 ปี กับอีก 302 วัน
ในวัย 16 ปี คาริม เบนเซม่า นักเตะทีมเยาวชนของโอลิมปิก ลียง ให้คำสัญญากับคุณแม่ของตัวเอง ไว้ 3 อย่าง
อย่างแรกคือ เขาจะซื้อบ้านที่มีเตาผิงไฟให้คุณแม่ อย่างที่สองคือ เขาจะได้ไปเล่นกับเรอัล มาดริด และ อย่างที่สามคือ เขาจะไปถึงจุดสูงสุดของอาชีพด้วยการคว้าบัลลงดอร์
สองอย่างแรก เบนเซม่าทำได้อย่างรวดเร็วมาก แต่ความฝันอย่างที่สาม มันดูไกลเกินเอื้อมเหลือเกิน เมื่อเขาเกิดมาในยุคสมัยเดียวกับ สองผู้เล่นฟ้าประทานอย่างคริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลีโอเนล เมสซี่
เบนเซม่าเคยตัดพ้อว่า "ผมอยากได้บัลลงดอร์ แต่ผมไม่รู้ต้องทำอย่างไรถึงจะได้มันมา ต้องได้แชมป์มากมายขนาดไหน หรือต้องยิง 80 ลูกในฤดูกาลเดียว?"
2
อย่างไรก็ตาม ความพยายามซ้ำแล้วซ้ำอีก การไม่ท้อถอยแม้จะเจอดราม่า รวมถึงการเปลี่ยนแปลงนิสัยบางอย่าง มันช่วยผลักดันทำให้ความฝันที่สามของเขาเป็นจริง
รางวัลบัลลงดอร์ ความฝันที่รอมานานนับทศวรรษ ในที่สุดเขาก็ไปถึง
--------------------
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในเกมเอล กลาซิโก้ ที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบว คาริม เบนเซม่า ยิงประตูนำ 1-0 ในนาทีที่ 12 ทลายความกดดันทั้งปวงให้เรอัล มาดริด ก่อนจะเอาชนะบาร์เซโลน่าไปอย่างเพอร์เฟ็กต์ด้วยสกอร์ 3-1 นำเป็นจ่าฝูงลาลีกาแบบหายห่วง
ตอนเขายิงได้ แฟนบอลในสนามตะโกนอย่างพร้อมเพรียงว่า "Balon De Oro, Balon De Oro!" แปลว่า บอลทองคำ บอลทองคำ! ซึ่งความหมายก็คือ เบนเซม่าต้องได้บัลลงดอร์ในปีนี้สถานเดียว ไม่มีทางพลิกโผเป็นคนอื่นได้
2
รางวัลบัลลงดอร์ในรอบทศวรรษที่ผ่านมา เสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ลงไปมาก นับตั้งแต่เซ็นสัญญาควบรวมกับฟีฟ่าในปี 2010 แล้วเปลี่ยนชื่อ เป็นฟีฟ่า บัลลงดอร์ เพราะรูปแบบการโหวต ไปเอากัปตันทีมชาติ กับโค้ชทีมชาติ มาร่วมโหวตด้วยจนมั่วไปหมด
ในปี 2015 ฟรองซ์ ฟุตบอล ไม่ต่อสัญญากับฟีฟ่า แล้วกลับมามอบรางวัลเอง แต่ก็ยังคงมีคำถามตามมาอีกเยอะ เช่น การโหวตควรใช้เกณฑ์อะไรตัดสินกันแน่
อย่างในปี 2021 โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยิงได้ 64 ประตูในปีเดียว แต่สุดท้ายลีโอเนล เมสซี่ กลับได้รางวัลไป เพราะมีเครดิตจากการคว้าแชมป์โคปา อเมริกา
ดังนั้นเพื่อความชัดเจนของทุกอย่าง ในการโหวตปี 2022 นิตยสารฟรองซ์ ฟุตบอล จึงกำหนดเงื่อนไขการให้คะแนนที่ชัดเจนไปเลยก็คือ
1) เปลี่ยนปฏิทิน จากเดิมที่เคยวัดผลงานนักเตะ แบบ Calendar Year ในวันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม แต่ในปีนี้ไปบัลลงดอร์จะนับผลงานในวันที่ 1 สิงหาคม 2021 ถึง 31 กรกฎาคม 2022
2) ผู้ชนะ จะวัดจาก "ผลงานส่วนตัว" เป็นอันดับหนึ่ง จะได้ไม่ต้องมาเถียงกันแบบปีก่อน ว่าเลวานดอฟสกี้ หรือ เมสซี่ ควรชนะ
สำหรับในฤดูกาลนี้ การประกาศรางวัลไม่มีดราม่าอะไรทั้งสิ้น เพราะผู้ชนะย่อมมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น คือ คาริม เบนเซม่า กองหน้าจากเรอัล มาดริด เจ้าของรางวัลดับเบิ้ลแชมป์ลาลีกา และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
แต่ที่เหนือกว่าแชมป์กับสโมสร คือผลงานส่วนตัวก็เด่นแบบสุดๆ จริงๆ
- เบนเซม่า ยิงในบอลลีกได้ 27 ประตู เป็นดาวซัลโวลาลีกา และเป็นผู้เล่นที่ยิงสูงสุดอันดับ 3 ในยุโรป รองจากโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (35 ลูก) และ คีลียัน เอ็มบัปเป้ (28 ลูก)
- เบนเซม่า ทำแอสซิสต์ในลาลีกาได้ 12 ครั้ง เป็นรองแค่อุสมาน เดมเบเล่ (13 ครั้ง)
- เบนเซม่า เป็นดาวซัลโวในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก จำนวน 15 ประตู
- ผลงานในเกมใหญ่ ทำได้ยอดเยี่ยมเสมอ ยิงแฮตทริกใส่เปแอสเช และ เชลซี รวมถึงยิงจุดโทษปาเนนก้าใส่แมนฯ ซิตี้ ทั้งหมดเกิดขึ้นในรอบน็อกเอาต์ของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
- ในจำนวน 42 ประตูที่ยิงได้ทั้งซีซั่น มีถึง 17 ประตู ที่เขาทำได้ในนาทีที่ 75 เป็นต้นไป (40%) แสดงให้เห็นถึงความเยือกเย็นในจังหวะชี้เป็นชี้ตายของเกม
ดังนั้นเรื่องฝีเท้า ไม่มีคำถามใดๆ ทั้งสิ้น เบนเซม่าเป็นตัวเต็งแบบนอนมา คู่แข่งของเขามีซาดิโอ มาเน่ ที่เป็น MVP ของแอฟริกันเนชันส์คัพ คือถ้าอ้างอิงผลงานของทีมเป็นหลักเหมือนปีก่อน มาเน่อาจจะสูสี เพราะลิเวอร์พูลได้ 2 รองแชมป์พรีเมียร์ลีก และ แชมเปี้ยนส์ลีก ส่วนเซเนกัลได้แชมป์แอฟริกันเนชันส์คัพ แต่เมื่อกฎปัจจุบัน เน้นผลงานส่วนตัวเป็นหลัก จึงไม่มีความสูสีเกิดขึ้น
เรื่องฝีเท้า เรื่องสถิติต่างๆ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่จุดที่น่าสนใจก็คือ ด้วยระบบที่ใช้มนุษย์เป็นคนโหวต มันก็อาจมีเรื่องความรู้สึกส่วนตัวผสม คนนี้เป็นคนดี คนนั้นเป็น Bad Guy เราควรจะให้รางวัลกับคนนิสัยไม่ดีจริงๆ หรือ อะไรทำนองนั้น
1
ในช่วงเริ่มต้นค้าแข้ง เบนเซม่า เป็นผู้เล่นที่อยู่กับข่าวฉาวมาตลอด และมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีเอาซะเลยในสายตาของแฟนบอลและสื่อมวลชน
เบนเซม่า เคยมีปัญหาเรื่องเพื่อนสนิท เอาเซ็กส์เทปไปแบล็คเมล์มาติเยอ บัลบูเอน่า เพื่อนร่วมทีมชาติฝรั่งเศส แม้เบนเซม่าจะปฏิเสธมาตลอดว่าเขาไม่รู้เรื่องด้วย แต่สังคมก็ประณามเขาไปแล้วว่า ต้องมีส่วนรู้เห็นด้วยแน่ๆ
เบนเซม่า เคยมีเซ็กส์กับ ซาเฮีย เดฮาร์ โสเภณีชาวแอลจีเรีย ตอนที่เธออายุ 15 ปี แต่สุดท้ายรอดพ้นจากการติดคุกโทษฐานพรากผู้เยาว์หวุดหวิด เพราะศาลพิสูจน์ได้ว่า ซาเฮีย เดฮาร์ ไปหลอกเบนเซม่าว่าอายุ 18 แล้ว
เบนเซม่า เคยด่า ดิดิเยร์ เดสช็องส์ว่า "เป็นคนสร้างบรรยากาศการเหยียดผิวให้เกิดขึ้นกับสังคมฝรั่งเศส" สาเหตุเพราะมองว่า เดส์ช็องส์ ไม่ค่อยให้โอกาสผู้เล่นฝรั่งเศสเชื้อสายอาหรับในการติดทีมชาติ
เบนเซม่า เคยไปแซะโอลิวิเยร์ ชิรูด์ ที่ถูกเลือกให้เป็นตัวจริงทีมชาติฝรั่งเศสว่า "คุณอย่าสับสนรถ F1 กับ รถโกคาร์ทเป็นอันขาด กรีซมันน์กับเอ็มบัปเป้เล่นได้ดีเพราะเขาทำงานสกปรกให้ แต่ถามตรงๆ ว่ามีใครชอบสไตล์การเล่นของเขาไหม ผมไม่รู้หรอก"
มีทั้งคดี มีทั้งข่าวแซะคนนี้คนนั้น แถมบุคลิกก็บึ้งตึง ดูเครียด เข้าถึงยาก ภาพลักษณ์เบนเซม่าตอนนั้นไม่ดีเอามากๆ ไม่มีอะไรแปลกใจที่เขาจะโดนตัดชื่อทิ้งจากทีมชาตินานถึง 5 ปีเต็ม
ณ จุดนั้นหลายคนคิดว่า เขาไม่มีวันได้บัลลงดอร์แน่นอน คือบัลลงดอร์นั้น เก่งอย่างเดียวไม่พอ แต่ภาพลักษณ์บวก เพื่อกระตุ้นให้คนโหวต ก็เป็นสิ่งสำคัญเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงของเบนเซม่า มาเกิดขึ้นในช่วงหลัง เนื่องจากเขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก
จุดเริ่มต้นสำคัญ ที่ทำให้เขาเปลี่ยนแปลง เชื่อว่าเกิดจากการมีลูก เขามีลูกสามคน (เกิดกับแฟนสาวสองคน) คือ เมเลีย อิบราฮิม และ นูริ
พอมีลูกแล้ว เบนเซม่าสนใจเรื่องนอกสนามน้อยลง ไม่เที่ยวแซะคนอื่น ตั้งใจเล่นฟุตบอลไป พยายามพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นถึงความสามารถในสนาม ยิ่งเมื่อเรอัล มาดริด ไม่มีคริสเตียโน่ โรนัลโด้แล้ว เขาจำเป็นต้องแบกรับความรับผิดชอบในแนวรุกมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
3
ขณะที่คดีแบล็คเมล์ ที่คาราคาซังมาหลายปีก็ได้ข้อยุติ เมื่อเบนเซม่าโดนโทษรอลงอาญา 1 ปี และปรับเงิน 75,000 ยูโร คือถ้าเบนเซม่าติดคุกล่ะก็ เส้นทางฟุตบอลก็จบแน่ แต่พอโดนรอลงอาญา เขาก็เลยยังสามารถเล่นฟุตบอลได้อยู่
1
ซึ่งเมื่อคดีสิ้นสุด มาติเยอ บัลบูเอน่า คนที่โดนแบล็คเมล์ ก็ออกมากล่าวว่า เมื่อศาลตัดสินแบบนี้ เขาก็มูฟออนได้ ไม่โกรธเบนเซม่าอีกแล้ว และเชื่อว่าเบนเซม่าจะเปลี่ยนไปกลายเป็นคนใหม่
1
ภาพลักษณ์ของเบนเซม่าค่อยๆ เปลี่ยนไป จากเดิมดูเป็นคนเก็บตัว บึ้งตึงเข้าถึงยาก เขากลายเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ยิ้มแย้มบ่อยขึ้น ดูอบอุ่นขึ้น ยิ่งบวกกับการเล่นได้อย่างคงเส้นคงวากับเรอัล มาดริด ทำให้ได้โอกาสกลับมาติดทีมชาติฝรั่งเศสในที่สุด
กับเรอัล มาดริด ตอนนี้ หลังจากมาร์เซโล่ย้ายออกไป เขากลายเป็นกัปตันทีม เป็นคนที่รุ่นน้องในทีมจะหันมาเสมอ เวลามีปัญหา จริงๆ คาแรคเตอร์นี้ เราเห็นได้ตั้งแต่ปีก่อนแล้ว ตั้งแต่ตอนจะมอบให้โรดริโก้ยิงจุดโทษชี้เป็นชี้ตายในเกมกับแมนฯ ซิตี้ รวมถึง การสอนเทคนิคต่างๆ ให้วินิซิอุส จูเนียร์ เพื่อเอาไปพัฒนาตัวเอง
เขาไม่ได้คิดถึงตัวเองคนเดียวอีกต่อไป เบนเซม่าคิดถึงทีมมากขึ้น และดูจับต้องได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก
1
ฌอง ปิแอร์-ปาแปง เจ้าของบัลลงดอร์ปี 1991 อธิบายว่า "เรารู้สึกได้เลยว่าคาริมเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เขาเยือกเย็น และเป็นผู้นำในสนาม กริยาท่าทางของเขาดูถูกต้อง เหมาะสม"
สำนักโพล Odoxa ทำการโหวตความรู้สึกที่ชาวฝรั่งเศสมีต่อเบนเซม่า ปรากฎว่า เกินกว่าครึ่ง มี "ทัศนคติบวก" กับเขา ซึ่งไม่น่าเชื่อ ถ้าหากเทียบกับช่วง 5-6 ปีก่อน
เท่ากับว่า ณ เวลานี้ เบนเซม่ามีทุกอย่างพร้อม ทั้งผลงานที่จับต้องได้ในสนาม และ ภาพลักษณ์ที่ดูดีขึ้น นั่นส่งผลให้การโหวตบัลลงดอร์ครั้งนี้ ไม่มีอะไรพลิกโผแน่นอน เบนเซม่าชนะ 100%
เวลา 20.00 น. ของวันที่ 17 ตุลาคม ที่เธียเตอร์ ดู ชาเตเลต์ สถานที่ประกาศรางวัลบัลลงดอร์ เบนเซม่าเดินทางมาถึงในงาน เขาเป็นจุดสนใจของสื่อมวลชนอย่างมาก มีคนรุมถ่ายรูปและขอลายเซ็นเยอะไปหมด
จากนั้นเบนเซม่าเดินเข้างานมานั่งที่แถวหน้าสุด ด้านข้างของเขาประกบด้วย เควิน เดอ บรอยน์ และ ซาดิโอ มาเน่ อีกสองผู้เล่นที่เป็นท็อปทรี ในการประกาศบัลลงดอร์ครั้งนี้
ส่วน 2 คน ที่นั่งเก้าอี้ด้านหลังเบนเซม่า คือฌอง-มิเชล โอลาส ประธานสโมสรโอลิมปิก ลียง และ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรเรอัล มาดริด สองบุคคลที่อยู่เคียงข้างกับเบนเซม่ามาตลอดชีวิตนักเตะ
เวลา 22.00 น. คนที่ขึ้นมาประกาศรางวัลผู้ชนะ คือซีเนอดีน ซีดาน ตำนานชาวฝรั่งเศส และเขาประกาศชื่อเบนเซม่าออกไมค์ วินาทีนั้นฌอง-มิเชล โอลาส มีสีหน้าที่ตื้นตันอย่างเห็นได้ชัด เพราะนี่เป็นนักเตะบัลลงดอร์คนแรก ที่เคยเล่นกับสโมสรลียง การได้เห็นผู้เล่นที่เติบโตจากอะคาเดมี่ ก้าวไปเป็นนักเตะเบอร์หนึ่งของโลก ไม่มีอะไรจะภูมิใจเท่านี้แล้ว
1
ขณะที่ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ยกโทรศัพท์มาอัดคลิปเบนเซม่ารับรางวัลทันที ทุกคนทราบดีว่าเบนเซม่าเป็นนักเตะที่เปเรซภูมิใจเสมอมา เขากล่าวสดุดีว่า "นี่คือหนึ่งในกองหน้าที่เก่งที่สุดตลอดกาลของเรอัล มาดริด เทียบเคียงกับราอูล กอนซาเลส และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้"
เบนเซม่าเดินขึ้นไปรับรางวัลอย่างสุขใจ เขากลายเป็นนักเตะฝรั่งเศสคนที่ 5 ในประวัติศาสตร์ที่ได้รางวัลนี้ ต่อจาก เรย์มงด์ โกปา (1958), มิเชล พลาตินี่ (1983-1984-1985), ฌอง-ปิแอร์ ปาแป็ง (1991) และ ซีเนอดีน ซีดาน (1998)
นอกจากนั้น เบนเซม่ายังคว้ารางวัลในวัย 34 ปี ทำให้เขาเป็นนักเตะอายุมากที่สุดอันดับ 2 ที่ได้รางวัลบัลลงดอร์ เป็นรองเพียงแค่เซอร์ สแตนลีย์ แมทธิวส์ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ ที่เคยได้รางวัลในปี 1956 ตอนอายุ 41 ปี
3
เมื่อเดินขึ้นไปบนเวทีเบนเซม่ากล่าวว่า "ผมมีความสุขจริงๆ และตื้นตันใจมาก ความฝันในวัยเด็กกลายเป็นจริงแล้ว ช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมเจอความซับซ้อนหลายอย่าง โดยเฉพาะช่วงที่ผมไม่ถูกเรียกตัวติดทีมชาติ ทุกอย่างมันยากสำหรับผมจริงๆ แต่ผมก็ทำงานหนัก ผมซ้อมมากกว่าคนอื่น เพื่อที่จะเก่งขึ้นกว่าเดิม ผมไม่คิดแค่การทำประตูเท่านั้น แต่ผมอยากจะช่วยเพื่อนร่วมทีมให้มากที่สุดด้วย และที่สำคัญผมอยากเล่นฟุตบอลอย่างสนุกในสนาม"
3
"รางวัลนี้ ทำให้ผมรู้สึกภูมิใจ เพราะผมฝันว่าอยากจะไปให้ถึงจุดสูงสุดเช่นเดียวกับ ไอดอลสองคนของผมอย่างซีดาน ตำนานทีมชาติฝรั่งเศส และ โรนัลโด้ กองหน้าทีมชาติบราซิล และวันนี้ความฝันนั้น มันก็เกิดขึ้นแล้ว"
1
หลังจากพูดบนเวทีเสร็จ เบนเซม่าเดินขึ้นไปชั้นบนสุดของ เธียเตอร์ ดู ชาเตเลต์ เพื่อตอบคำถามทุกอย่างกับสื่อมวลชน นักข่าวถามว่า คำสัญญา 3 อย่างของคุณ ซื้อบ้านแบบมีเตาผิงให้แม่ ,ได้เล่นกับเรอัล มาดริด และ ได้บัลลงดอร์ ตอนนี้ได้ครบแล้ว เป้าหมายต่อไปของคุณคืออะไร"
2
เบนเซม่าตอบว่า "ผมทำได้แล้ว ผมรักษาสัญญาที่ให้กับแม่ได้แล้ว แต่ผมก็ยังมีความทะเยอทะยานอยู่นะ ผมอยากได้แชมป์ฟุตบอลโลก ซึ่งผมคิดว่าตัวเองทำได้นะ ผมมั่นใจในตัวเองมากๆ ว่าจะไปเวิลด์คัพและเอาชนะทุกสิ่งทุกอย่างได้"
นักข่าวถามต่อว่า ด้วยวัย 34 ปีแล้ว เบนเซม่าคิดว่าตัวเองจะเล่นบอลไปได้อีกนานแค่ไหน เบนเซม่าตอบว่า "ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าตื่นเช้าขึ้นมาวันไหน ผมรู้สึกว่าไม่อยากไปซ้อมอีกแล้ว วันนั้นผมคงจะหยุดเล่น แต่ในเมื่อผมยังมีความสุขกับการได้ไปซ้อมอยู่ทุกวัน ผมก็จะยังคงเล่นฟุตบอลต่อไปนะ"
1
ความฝันตลอดกาลแห่งชีวิตของเบนเซม่า ในที่สุดก็ไปถึง เป็นบทพิสูจน์ว่า ต่อให้ชีวิตเจอมรสุมเท่าไหร่ และมีคู่แข่งที่น่ากลัวขนาดไหน คุณก็ยังสามารถก้าวไปเป็นอันดับหนึ่งได้
เบนเซม่า กล่าวทิ้งท้ายว่า "ถ้าคุณต้องการจะถูกจดจำไปตลอดกาลในวงการฟุตบอล คุณต้องได้รางวัลบัลลงดอร์สักครั้ง และสำหรับผม มันคือสิ่งที่อยู่ในใจมาตลอด และสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมในวันนี้ มันเป็นความฝันที่ผมปรารถนามาทั้งชีวิต"
ปกติแล้ว บัลลงดอร์ช่วงหลังๆ จะเต็มไปด้วยดราม่า แต่สำหรับปีนี้ ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น ทุกคนยอมรับตรงกันว่า KB9 คาริม เบนเซม่า คู่ควรแล้วทุกประการจริงๆ
2
#DREAMSCOMETRUE
โฆษณา