19 ต.ค. 2022 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #คนที่ทำให้ป๋าโคตรเสียดาย ]
ทวนเข็มนาฬิกากลับไปเมื่อกุมภาพันธ์ 2008 แมนฯยูไนเต็ดยกพลบุกโอลิมปิก ลียงในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกรอบ 16 ทีมสุดท้ายเลกแรก
ด้วยฟอร์มที่กำลังพีกสุดขีดของปีศาจแดง บวกด้วยคุณภาพผู้เล่นที่เหนือกว่าเจ้าถิ่น จึงได้รับการคาดหมายว่า คงคว้าชัยชนะได้ไม่ยากเย็นอะไรนัก ต่อให้ต้องมาเล่นเกมเยือนก็ตาม
แต่ลียงสร้างความลำบากใจให้ผู้มาเยือนจากอังกฤษ นักเตะทุกคนยินดีทำงานหนัก เพื่อหักปากกาเซียนผ่านเข้ารอบควอเตอร์ไฟนั่ลให้สำเร็จ จึงสู้กันอย่างเต็มสูบ ราวกับว่าเป็นเกมนัดชิง
หลังจากจบครึ่งแรกเสมอกันแบบโนสกอร์ ยังไม่มีฝั่งไหนเพลี่ยงพล้ำ เปิดฉากครึ่งหลังได้เกือบ 10 นาที ลียงเซ็ตเกมกันมาอย่างแม่นยำ กระทั่ง คาริม เบนเซม่า ได้บอลแล้วบังไว้ ก่อนจะพลิกซัลโวด้วยซ้ายอย่างรวดเร็ว พุ่งเรียดเสียบมุมหมดจดชนิดที่ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ หมดโอกาสป้องกัน
กว่าแมนฯยูไนเต็ดจะมาตีเสมอ 1-1 เอาตัวรอดกลับออกไปได้ ก็ต้องจนกระทั่ง 3 นาทีสุดท้าย จากทีเด็ด คาร์ลอส เตเวซ
จากนั้นเมื่อเปลี่ยนวิกไปเล่นเลกสองที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ปีศาจแดงเชือด 1-0 กรุยทางสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนโชว์ฟอร์มเยี่ยมเข้าป้ายผงาดแชมป์สมัย 3 ในที่สุด
แต่ตอนจบเกมที่ลียง มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นและมันน่าสนใจอย่างมาก ริโอ เฟอร์ดินานด์ ซึ่งเห็นแทบทุกอย่าง เล่าไว้เป็นฉากๆเลย
ริโอ ซึ่งเป็นเซ็นเตอร์แบ็กของแมนฯยูไนเต็ดในเกมดังกล่าว ต้องเผชิญหน้ากับ เบนเซม่า อยู่เกือบตลอด จนสัมผัสได้ถึงความเก่งกาจ เรียกว่าคลาดสายตาหรือเหม่อลอยเมื่อไร โดนลงโทษอย่างแน่นอน
พอสิ้นเสียงนกหวีดสุดท้าย เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็เดินไปรอดักเพื่อจะได้ทักทาย เบนเซม่า บริเวณทางเข้าห้องแต่งตัว พอได้สนทนากันสั้นๆ ก็มีเจ้าหน้าที่ของลียง ซึ่งคงสังเกตอยู่แล้วมาขัดจังหวะ เหมือนเดาออกว่ากุนซือแมนฯยูไนเต็ด เตรียมทาบทามให้ไปอยู่ด้วยกัน
ริโอ ยังบอกอีกว่า เฟอร์กี้ ยืนยันเป็นมั่นเหมาะเลย ต้องคว้าดาวยิงฝรั่งเศสมาร่วมทัพให้ได้ จะพยายามทำทุกอย่าง
แต่การเกลี้ยกล่อมไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต่อให้แมนฯยูไนเต็ดกำลังพีกสุดขีด ครองเจ้ายุโรปในปีนั้น แต่นักเตะก็ตัดสินใจเลือกเรอัล มาดริดมากกว่า
เชื่อกันว่า เบนเซม่า ซึ่งมีเชื้อสายแอลจีเรีย เคารพนับถือตามแนวทางความสัมพันธ์ของชาวแอฟริกัน พวกเขามีความใกล้ชิดกับประเทศอย่างสเปนมากกว่า ไม่ใช่อังกฤษแน่นอน
1
นอกจากนี้อิทธิพลของราชันชุดขาว ที่แผ่ขยายเป็นวงกว้างด้วยโปรเจคต์อันยิ่งใหญ่อย่างกาลาคติกอส ย่อมดึงดูดผู้เล่นทุกคนเข้าหาอย่างไม่ยากเลย
ริโอ ยังให้ข้อมูลเพิ่มว่า นี่คือหนึ่งในเรื่องที่ เฟอร์กี้ เสียใจอย่างมาก ไม่คิดว่า เบนเซม่า จะเลือกย้ายสู่มาดริดในปี 2009 แม้ในช่วงเวลาดังกล่าว แมนฯยูไนเต็ดจะเปรี้ยงปร้าง เข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 ปีติดต่อกัน
ส่วน ไมเคิ่ล โอเว่น ซึ่งย้ายมาแมนฯยูไนเต็ดในปี 2009 ก็ให้ข้อมูลอย่างสอดคล้องกันว่า เบนเซม่า นี่แหล่ะ ที่มีส่วนทำให้เกิดดีลดังกล่าวขึ้น
ช่วงนั้นแมนฯยูไนเต็ดติดต่อมาหา โอเว่น มีการพูดคุยเรื่องรายละเอียดต่างๆ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจทำสิ่งคาดไม่ถึง รวมทั้งทำให้แฟนบอลลิเวอร์พูลจำนวนมากเสียความรู้สึก
แต่สาเหตุมาจากปีศาจแดงพลาดตัว เบนเซม่า เลยต้องเบนหัวเรือมายังตน ยังไงก็ต้องหาหัวหอกมาเพิ่มศักยภาพให้ได้
มาดริดยอมลงทุน 35 ล้านยูโร ลียงเองใช่ว่าอยากจะขายสักเท่าไร แต่ยากที่จะขวางไว้ เบนเซม่า ในวัยเพียงแค่ 20 ปี จึงกลายเป็นสมาชิกใหม่ของราชันชุดขาว
แน่นอนว่ามันมีความเสี่ยงไม่น้อยเลย เพราะในปีเดียวกันนั้นเอง มาดริดก็ลงทุนสร้างสถิติโลกมูลค่า 80 ล้านปอนด์ ด้วยการกระชาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มาเป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์สำหรับอภิมหาโปรเจคต์
ในขณะเดียวกัน เบนซ์ ยังต้องอดทนในการเป็นสำรองส่วนใหญ่ เพราะมาดริดเองมี กอนซาโล อิกวาอิน เป็นหน้าเป้าอยู่แล้ว
เขาอาจได้ลงอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ต้องสลับระหว่างออกสตาร์ตกับนั่งสำรองรอโอกาสอย่างอดทนที่ข้างสนาม โดยไม่รู้ว่าจะถูกส่งลงเมื่อไร
ในลีกฤดูกาลนั้น เบนเซม่า ลงครบ 90 นาทีแค่ 4 นัดเท่านั้นเอง ตัวเลขนี้พอจะสะท้อนได้ว่าเขาเป็นได้แค่อะไหล่
อย่างไรก็ตาม เบนเซม่า ไม่ได้รู้สึกว่าถูกด้อยค่าเลย ด้วยความที่อายุยังน้อย เขาเชื่อว่ามีเวลาพัฒนาและเรียนรู้อีกมาก จำเป็นต้องตื่นตัวกระตือรือร้นตลอดเวลา ก่อนย้ายมาก็ประเมินไว้หมดต้องเจอสถานการณ์แบบไหน มันไม่ได้ผิดไปจากคาดไว้หรอก
ทัศนคติอันดีเลิศเช่นนี้ ช่วยผลักดันให้ เบนเซม่า ค่อยๆก้าวอย่างมั่นคง จนได้เป็นหนึ่งในแกนหลักแนวรุก ซึ่งเรารู้จักกันในนามอุโฆษอย่าง BBC ที่ไม่ใช่สถานีข่าวชื่อดังแต่เป็นสามประสานสุดอันตรายของเรอัล มาดริด
1
คริสเตียโน่ , เบล และ เบนซ์ เป็นที่ครั่นคร้ามของกองหลังทุกคนที่ต้องเผชิญด้วย แม้ตัวเขาจะดูไม่โดดเด่นเท่ากับเพื่อนสองคน ซึ่งย้ายมาด้วยค่าตัวแพงหูฉี่ ทำลายสถิติโลกกันสนุก แต่ก็ไม่ได้แคร์อะไรเลย
น่าสนใจกว่านั้นคือ เมื่อทั้ง โรนัลโด้ และ เบล ค่อยๆทะยอยย้ายออกไปตามวิถี กลายเป็นเชิดชูให้ เบนเซม่า เจิดจ้ากว่าเดิมอีก เป็นตัวแบกในแดนหน้าอย่างแท้จริง แถมยิงประตูได้เป็นกระบุง
ฤดูกาลที่เพิ่งจบไป จัดให้หนักๆเน้นๆ 44 ประตู 15 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 46 เกมทุกรายการ ช่างเป็นตัวเลขที่อลังการงานสร้างเลยจริง แถมยังพาทีมครองทั้งยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกและลาลีกาด้วย
ด้วยวัย 34 ปี เบนเซม่า ควรจะโรยราถึงช่วงขาลง เตรียมวางแผนรีไทร์ได้แล้ว อนาคตจะเอายังไงต่อ แต่นั่นกลับตรงกันข้าม ฟอร์มยังพีกต่อเนื่อง จนนำไปสู่เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์คนล่าสุด ชนิดไร้คู่แข่ง
โชเซ่ มูรินโญ่ ที่เคยร่วมงานกับ เบนเซม่า 3 ปีเต็ม แถมเป็นช่วงแรกๆกับเรอัล มาดริด ให้คำจำกัดความไว้อย่างน่าสนใจ
"คาริม เบนเซม่า เป็นนักเตะที่เกิดมาทำเพื่อทีม เขาไม่เคยสนใจหรอกว่าจะต้องยิงประตู แต่ขอให้แค่ได้ชัยชนะเท่านั้นเป็นพอ"
1
"ผมเป็นโค้ชเขา ได้เห็นความกระตือรือร้น ได้เห็นแพสชั่นอันน่าทึ่ง พรสวรรค์ที่ติดตัวมา ล้วนแต่มีส่วนทั้งสิ้น เขาหมกมุ่นกับชัยชนะ แล้วบัลลงดอร์ก็คือสิ่งที่ตามมาภายหลัง"
สิ่งที่ มูรินโญ่ อธิบายมันทำให้เราเห็นภาพชัดเจนเลยทีเดียว พร้อมทั้งช่วยตอกย้ำว่า ทำไม เบนเซม่า จึงไม่ยอมผ่าตัดมือ ใส่เฝือกอ่อนไว้ที่มือขวาตลอดมาหลายปี เพราะกลัวพลาดลงช่วยมาดริด
มันก็สมควรหรอกที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะเสียดายและเชื่อว่าเมื่อเห็นผลงานในวันนี้ ความเสียดายอาจทวีกว่าเดิมหลายเท่า
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา