19 ต.ค. 2022 เวลา 13:00 • การศึกษา
Soft power กับ สื่อเคลื่อนไหว ตัวอย่างบิ๊กใหญ่จาก3ประเทศ!!!🔥🔥🔥
สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่านนน วาวาผู้น่ารัก กลับมาแล้วครับผม คิดถึงกันไหมเอ่ย (ถึงเอาจริงๆจะหายไปไม่กี่วันก็เถอะ😅) ช่วงสองวันที่ผ่านมาทุกท่านคงจะมีโอกาสได้อ่านเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับsoft powerของทั้งคุณอั้มและคุณบีมกันไปแล้ว ผมหวังว่าผู้อ่านทุกๆคนจะชอบมันกันนะครับ เอาล่ะ ทีนี้มาเรื่องของฝั่งผมกันบ้างดีกว่า หลังจากที่ผมหาข้อมูลและนำมาสรุปจนปวดหลัง ในที่สุดโพสนี้ก็สำเร็จออกมา
หัวข้อที่เราจะพูดกันในวันนี้ เป็นอะไรที่มีประโยชน์และน่าสนใจมากๆ ซึ่งนั่นก็คือ สื่อเคลื่อนไหวกับsoft power!!! โดยที่เราจะเน้นที่ตัวอย่างจากต่างประเทศเป็นหลักนะครับ โดยแหล่งอ้างอิงเกือบทั้งหมดเนี่ย ผมได้นำมาจาก บทความ “ภาพยนตร์กับยุทธศาสตร์ Soft power” นะครับ ถ้าใครสนใจอ่านเพิ่มเติม เดี๋ยวผมทิ้งLinkไว้ด้านล่าง ซึ่งงานเขียนในรอบนี้คือการที่ผมอ่านงานวิชาการแล้วนำมาสรุปให้ทุกคนได้อ่านกันนะครับ ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย (กราบๆ🙇🏻‍♀️)
โดยก่อนจะเริ่มเนี่ย ผมจะต้องพูดก่อนว่าตัวสื่อเคลื่อนไหวที่เราจะพูดถึงจะเป็นจำพวก ภาพยนตร์ tv series หรือพวกงาน animation เป็นหลักนะครับ โดยที่บางคนก็อาจจะสงสัยว่าภาพยนตร์เนี่ยนับเป็นsoft powerด้วยเหรอ จริงๆแล้วงานประเภทภาพยนตร์นั้นนับได้ว่า หนึ่งในเครื่องมือของsoft powerครับ เพราะมันทรงพลังมากๆในเรื่องของการสื่อสารทางด้านวัฒนธรรมรวมไปถึงแนวคิดทางการเมืองอีกด้วย ซึ่งที่ผมกำลังจะเขียนต่อไปนี้ คือตัวอย่างจากผู้เล่นรายใหญ่ยักษ์ของโลก ซึ่งก็คือเหล่าประเทศมหาอำนาจต่างๆครับ
ยกตัวอย่างจากที่แรกที่ชัดเจนสุดๆกับประเทศสหรัฐอเมริกา 🇺🇸 กันครับ ฮอลลีวูด (Hollywood) คือสิ่งที่ทำให้อเมริกาก้าวหน้าขึ้นมาเป็นมหาอำนาจด้านภาพยนตร์ของsoft powerเบอร์ต้นๆ จริงๆแล้วsoft powerของพวกเขานั้นเกิดจากวาระทางการเมืองที่ต้องการคงสถานะผู้นำประชาคมโลกในทุกมิติ
ซึ่งการจะทำอย่างนั้นได้ก็ต้องอาศัยแผนและความเชื่อมั่นของสากลโลก และนั่นคือการเข้ามาของภาพยนตร์Hollywoodที่เข้ามาปลูกฝังศรัทธาให้โลกยอมรับการกระทำของอเมริกามากกว่าจะตั้งคำถาม เชื่อว่าอเมริกามีหน้าที่อุ้มชูประชาธิปไตยของโลก ดังนั้นการใช้ภาพยนตร์ในลักษณะsoft powerของอเมริกาก็เป็นไปเพื่อโน้มน้าวให้ชาวโลกเชื่อว่าสหรัฐอเมริกาเหมาะสมกับบทบาทผู้นำที่โลกต้องการ
การจัดอันดับ Soft power ที่ทรงพลังที่สุด แชมป์ในปีล่าสุด(2022) ตกเป็นของอเมริกา
โดยที่มีงานศึกษาจำนวนนึงเผยให้เห็นว่า สหรัฐอเมริกาพยายามทำให้ฮอลลีวู้ดเป็นเครื่องมือในการสร้างภาพ เช่น CIA กับความช่วยเหลือการผลิตภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ราว 60 เรื่องตั้งแต่ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1947 หรือบทบาทของกระทรวงกลาโหม กับการสนับสนุนภาพยนตร์บันเทิงมากกว่า 800 เรื่อง
รวมทั้งการป้อนความคิดในมิติทางสังคมด้วยประเด็นความเท่าเทียมทางเพศ สิทธิสตรี หรือพยายามชักจูงให้ผู้คนเห็นพ้องกับสหรัฐฯ ในมิติการเมือง ให้วายร้ายของเรื่องมักมาจากตะวันออกกลาง (American sniper) หรือ ถ้าเป็นในยุคสงครามเย็นก็ต้องเป็นตัวร้ายที่มาจากฝั่งคอมมิวนิสต์ (Rocky IV) จนมีคำกล่าวว่า Hollywood กับ Washington คือหุ้นส่วนทางการเมืองเลยทีเดียว (เรียกได้ว่าเหนียวแน่นกันสุดๆ🤝)
ทีนี้ตัวอย่างถัดไป เรามาดูประเทศที่ใกล้ตัวกว่านั้นหน่อยดีว่าครับ ซึ่งนั่นก็คือประเทศอย่างญี่ปุ่น 🇯🇵 เรียกได้ว่าเป็นประเทศที่เจอวิกฤตอย่างหนักทั้งช่วงหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 และช่วงเหตุการณ์ต่อต้านสินค้าญี่ปุ่นในปี พ.ศ. 2515 ญี่ปุ่นต้องการใช้การทูตสยบแรงต่อต้าน จนกลายมาเป็นSoft powerในแบบญี่ปุ่น นั่นก็คือ การแลกเปลี่ยนบุคลากรหรือการให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน
ซึ่ง...สิ่งที่ผมมองว่ามันน่าสนใจจริงๆของญี่ปุ่นคือการที่ Soft powerของเขานั้น ดูจะเป็นรูปเป็นร่างก่อนที่คุณJoseph Nye จะนำเสนอออกมาเป็นทฤษฎีเสียอีก โดยที่ถ้าหากผู้ถึงญี่ปุ่น ทุกคนก็คงนึกถึงอาหารและสินค้าต่างๆ แต่งานการศึกษาหลากหลายที่พบว่า ความสำเร็จด้านความสัมพันธ์ภาคประชาชนนั้น แท้จริงแล้วมาจาก สื่อบันเทิงประเภทกลุ่มการ์ตูน ที่ประกอบไปด้วย มังงะ อะนิเมะ และ ซูเปอร์ฮีโร่ซีรีส์ (แน่นอนว่าผมเป็นหนึ่งในนั้น ฮ่าๆ😍😍)
1
อนิเมะและมังงะ ความภูมิใจของญี่ปุ่น Soft power ที่มีบทบาทได้ไปไกลถึงการเป็นทูตวัฒนธรรมของงานแข่งขันกีฬาโอลิมปิก2020
มังงะ อะนิเมะ และ ซูเปอร์ฮีโร่ซีรีส์ นั้นได้เปรียบในการเข้าถึงผู้บริโภค และประเทศส่วนใหญ่เองก็เลือกที่จะนำเข้าของญี่ปุ่นมากกว่าจะสร้างเอง อีกทั้งเนื้อหางานก็โดดเด่นและแฝงด้วยโครงเรื่องที่แสดงความเป็นญี่ปุ่นผ่านมุมสร้างสรรค์และเต็มไปด้วยจินตนาการ รัฐบาลญี่ปุ่นเองก็สนับสนุนมันอย่างเต็มที่ ซึ่งถือว่าโชคดีที่อุตสาหกรรมการ์ตูนในกลุ่มภาพยนตร์ รวมทั้งหนังสือนั้นเป็นทรัพยากร soft power ด้วยตัวมันเอง เนื้อหาส่วนใหญ่เองสอดรับกับอุดมการณ์ชาติโดยที่ภาครัฐแทบไม่ต้องแทรกแซง แค่คอยผลักดันมันต่อไปก็พอ
และตัวอย่างสุดท้ายก่อนที่มันจะเยอะไปกว่านี้ (จริงๆมันมีอีก2-3ตัวอย่าง แต่กลัวว่ามันจะเยอะไป ผมไม่ได้ขี้เกียจเขียนเลยจริงๆนะครับ🤥) นั่นก็คือประเทศเกาหลีใต้ 🇰🇷 แน่นอนว่าถ้าพูดถึงเกาหลีใต้ทุกคนก็ต้องนึกถึง อาหารเกาหลี ศิลปินเกาหลี และแน่นอนครับ ซีรีส์เกาหลีเองก็เช่นกัน โดยที่จะแตกต่างไปจากสองตัวอย่างแรก เกาหลีใต้ประสบความสำเร็จในด้านซีรีส์โทรทัศน์มากกว่างานภาพยนตร์หรือแอนิเมชั่น
โดยเริ่มที่ winter sonata (เพลงรักในสายลมหนาว) ที่เป็นซีรีส์รักโรแมนติกในยุคแรกๆที่จุดกระแสความนิยมในหมู่แฟนละคนญี่ปุ่นก่อนที่จะกระจายไปทั่วเอเชีย และต่อมากับ Dae Jang-geum (แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง) ที่กลายเป็นหัวหอกสำคัญของการบุกเบิกให้ซีรีส์เกาหลีเป็นที่นิยมไปทั่วโลก ซึ่งก็สำเร็จจริงๆครับ โดยมันได้ออกอากาศมากถึง91ประเทศทั่งโลก และยังมีผลงานอื่นๆที่หลายชิ้นที่เป็นใบเบิกทางให้เกาหลีใต้กลายเป็นผู้เล่นรายใหม่เทียบเคียงกับอเมริกาและญี่ปุ่น
ก่อนหน้านี้เกาหลีใต้แทบไม่ได้อยู่ในความทรงจำของผู้คนเลย ซึ่งก็จะปล่อยให้เป็นอย่างนั้นต่อไปก็ได้ ถ้าหากเกาหลีใต้ไม่ได้ต้องการที่จะทัดเทียมกับคู่แข่งอย่างญี่ปุ่นเกาหลีเหนือ ซึ่งนั่นทำให้รัฐบาลเกาหลีใต้วางโครงสร้างด้านการผลิตและส่งเสริมการตลาดไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนปรนกฎหมายควบคุมเนื้อหา การให้ความช่วยเหลือด้านเครื่องมือการถ่ายทำ เป็นต้น ซึ่งทำให้เกาหลีใต้มีทั้งคุณภาพและได้แรงส่งในการผลิตและการขาย จนSoft powerของเกาหลีใต้ประสบความสำเร็จในที่สุด
อีกหนึ่งกระแสSoft powerทีมาแรงสุดๆในช่วงที่ผ่านมากับ ซีรีส์ Squid Game
ครับ ก็จบกันไปแล้วนะครับกับตัวอย่างสื่อเคลื่อนไหวกับSoft powerจากทั้งสามประเทศ จริงๆมันก็มีอีกแหละครับ แต่ว่าผมกลัวว่ามันจะยาวไปจนน่าเบื่อ(ย้ำอีกครั้งนะครับว่าไม่ได้ขี้เกียจ🤔) ผมเองก็หวังว่าผู้อ่านทุกๆท่านจะได้อะไรเพิ่มเติมไปจากงานเขียนชิ้นนี้ ครั้งหน้าผมจะขอพูดถึงฝั่งของประเทศไทยกันบ้างว่าเป็นยังไง แล้วก็นะครับ วันศุกร์ที่21ที่กำลังจะถึงนี้ ทางเพจ เรื่องยาก เล่าง่ายๆ ของเรากำลังจะต้องไปทำภารกิจบางอย่างที่มันสำคัญมากๆเลยล่ะครับ ซึ่งแน่นอนว่าเกี่ยวกับเพจนี้(และแน่นอนว่าจะเกี่ยวกับคะแนนด้วย)
ยังไงก็ขอฝากเป็นกำลังใจให้กับพวกเราทั้งสามคนด้วยนะครับ และเดี๋ยวเราจะมีเรื่องเซอร์ไพรส์มาให้อ่านในเพจด้วย แต่ไม่ต้องกลัวจะเหงานะครับเพราะก่อนจะถึงโพสใหญ่อีกครั้ง ทางเราก็จะมีเรื่องคั่นเวลาให้อ่านอยู่เช่นเคยนะครับ(สู้เขานะคุณอั้มคุณบีม) อย่าลืมกดติดตามและกดlike เพื่อเป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะครับ (ชีวิตพวกผมแขวนอยู่กับมันเลยนะครับ ฮ่าๆ🙇🏻) ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านกันนะครับ!!!
อ้างอิง :
โฆษณา