20 ต.ค. 2022 เวลา 14:41 • ธุรกิจ
วัดผลการทำงานลูกจ้างยังไง
ให้ธุรกิจเติบโตแบบที่ใจหวัง
.
หากคุณพยายามที่จะตั้ง
เป้าหมายเพื่อให้ธุรกิจเติบโต
แต่ยังไม่รู้ว่าจะวัดผลการทำงาน
ยังไง ให้สำเร็จตามแผนที่วางไว้
คุณอาจจะลองนำการวัดผล
แบบ OKR
แล้วการวัดผลแบบ OKR ต่างจาก
KPI ยังไงแล้วช่วยวัดผลแบบไหน
วันนี้ผมจะเล่าให้ฟัง
.
โดยปกติแล้วธุรกิจจะมีวิธีการวัดผล
ในการทำงานของแต่ละคน ซึ่งจริง ๆ
แล้วมีหลากหลายวิธีมาก โดยวิธีที่นิยม
ใช้กันจะเรียกว่า KPI (Key Performance Indicator)
และ OKR (Objective Key Result)
สองวิธีนี้ต่างกัน อธิบายให้เห็นภาพคือ
ในอดีตแทบจะทุกองค์กรใช้วิธีการวัดผล
ในการทำงานแบบ KPI (Key Performance Indicator)
เป็นการตั้งเป้าหมาย เพื่อใช้เป้าหมายนั้น
ขับเคลื่อนธุรกิจ
เช่น จะเพิ่มยอดขายให้ได้ 20 เปอร์เซ็นต์
หัวหน้าแผนกก็จะไปแจกแจงให้พนักงานขาย
แต่ละคนโทร.หาลูกค้ามาก ขึ้น เช่น KPI
คือโทร.หาลูกค้าวันละ 20 ราย ใครโทร.ไม่ครบ
แสดงว่าทําตาม KPI ไม่สำเร็จ
และอาจจะมี KPI อีกตัวคือจํานวนลูกค้า
ที่ปิดการขายได้ ถ้าทำได้ตาม KPI ก็จะได้โบนัส
หรือถ้าใคร ทำไม่ถึงตาม KPI จะถูกตัดโบนัส
หรือไม่ได้ขึ้นเงินเดือน ฯลฯ
.
ข้อดีของ KPI คือ องค์กรสามารถตั้งเป้า
แล้วแตกแยกย่อยลงมาได้เลย เช่น อยากมี
ยอดขายเท่าไร แล้วแตกแยกย่อยลงมา
ตั้งเป็น KPI ให้แต่ละแผนก และ KPI ให้
พนักงานแต่ละคนได้เลย
ถ้าทุกคนทำได้ตาม KPI องค์กรก็จะทำได้
ตามเป้าแน่นอน
.
แต่ในยุคใหม่มีการนำเสนอการวัดผล
ที่แตกต่างออกไป โดยหนึ่งในการวัดผล
แบบใหม่ที่มีชื่อเสียงคือ OKR (Objective Key Result)
ซึ่งมีไอเดียคือ KPI แบบเดิมไม่ได้ลงรายละเอียด
ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้น
ในขณะที่ OKR จะมีการลงรายละเอียด
ในเป้าหมายที่ตั้งไว้ (โดยต้องตั้งเป้าเป็นตัวเลข
หรือ เป้าที่วัดผลได้) เช่น ตั้งเป้าว่าจะทำยอดขาย
ให้ได้ 100 ล้านบาท เพื่อเป็น Top 10 ในตลาด
เท่านั้นยังไม่พอ เรายังต้องลงลึกไปว่า
ยอดขายจะมาจากส่วนไหนบ้าง
และต้องทำอะไรบ้างเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้นด้วย
.
จะเห็นได้ว่าหากเรามีการตั้งเป้าหมาย
และลงรายละเอียดอย่างชัดเจนว่าเรา
อยากได้อะไร และตั้งตัววัดผลที่สามารถ
วัดผลได้ชัดเจน ก็จะให้คนในองค์กร
รู้ว่าเรากำลังจะเติบโตไปทิศทางไหน
และพยายามทำเพื่อเป้าหมายเดียวกัน
.
#NopPongsatorn #อายุน้อยร้อยล้าน
#ธุรกิจ #นักธุรกิจ #SME #StartUp
#OKR #KPI #วัดผลธุรกิจ
โฆษณา