ยุโรป อาการหนัก! ประชาชนโวย ไม่อยากอดตายและทนหนาวเพื่อผู้นำยูเครนอีกแล้ว
ขณะนี้ทวีปยุโรปได้เกิดปรากฎการณ์ยุโรปสปริงส์ไปเรียบร้อยแล้วจาก "กองทัพประชาชนปลดแอก" ในประเทศต่างๆ คือ อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ มอลโดวา ฯลฯ
โดย Radio Geneva ใช้คำขวัญว่าประท้วงว่า "Europeans don't want to starve and freeze for Zelensky” หมายถึง ชาวยุโรปไม่อยากอดตายและทนหนาวเพื่อเซเลนสกี้ (ผู้นำยูเครน)
ชาวยุโรปไม่ได้ประท้วงชาวยูเครนทุกคน แต่ประท้วงตัวประธานาธิบดียูเครนคนเดียว ที่ลากรัฐบาลพวกเขาไปสู่หลุมดำหายนะอัตราเงินเฟ้อสูง ค่าครองชีพแพง ราคาพลังงานแพง วิกฤติเศรษฐกิจถดถอย อุตสาหกรรมปิดตัว ท่ามกลางภัยคุกคามจากฤดูหนาวใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
องค์กรผู้บริโภค เผยผลสำรวจความคิดเห็นชาวอังกฤษ 3,000 คน ซึ่งพบว่าครัวเรือนในสหราชอาณาจักรราว 50% ลดจำนวนมื้ออาหารในแต่ละวันลง
รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพได้ยากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนคว่ำบาตรรัสเซียจนเกิดวิกฤติ อีกราว 80% ประสบปัญหาทางการเงิน
นอกจากจะทำให้รัฐบาลในยุโรป ทะยอยล้มคว่ำระเนระนาดไปเรื่อยๆ และสังคมเดือดร้อนวุ่นวายแล้ว บรรดาประเทศในสหภาพยุโรป ก็มีความขัดแย้งแตกแยกกันไม่ลงรอยกันมากขึ้นเรื่อยๆ
ล่าสุดมีการประชุมสุดยอดผู้นำประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) จำนวน 27 ชาติ ที่กรุงบรัสเซลส์ เบลเยียม ใช้เวลานานมาราธอนถึง 11 ชม. เรื่องแผนกำหนดเพดานราคาพลังงาน จบลงด้วยความล้มเหลวตกลงกันไม่ได้ กลับบ้านมือเปล่า
โดยแบ่งเป็น 2 ฝ่าย นำโดยฝรั่งเศส เบลเยียม และราว 15 ประเทศ เพ้อฝันว่าจะกำหนดเพดานราคาพลังงาน บิดเบือนกลไกราคาตลาด ที่กำลังกระทบค่าครองชีพ เงินเฟ้อสูงขึ้น
แต่ที่เหลือนำโดยเยอรมนี ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่สุดใน EU คัดค้านการกำหนดเพดานราคาพลังงาน โดยให้เหตุผลว่า "จะแช่แข็งยุโรป และเสี่ยงถูกตัดออกจากตลาดก๊าซ"
เพราะถ้ากำหนดเพดานราคาให้ต่ำ สหรัฐ นอร์เวย์ ตะวันออกกลาง ก็จะไม่ส่งพลังงานมาขายให้ยุโรป เพราะขายให้ที่อื่นได้ราคาที่ดีกว่า ปล่อยเกาะยุโรปไป
ประเทศอุตสาหกรรมอย่างเยอรมนี จึงไม่กล้ากำหนดเพดานราคาพลังงาน ในเยอรมนี เพราะขณะนี้
- ก๊าซโรงไฟฟ้าแพงขึ้น 233.1%
- ราคาไฟฟ้าแพงขึ้น 259.8%
- ถ่านอัดแท่งจากขี้เลื่อยแพงขึ้น 144.3%
- เศษไม้ แพงขึ้น 144.5%
- ปุ๋ยและสารประกอบไนโตรเจนแพงขึ้น 113.5%
- สารตั้งต้นแอมโมเนียแพงขึ้น 208.7%
ราคาพลังงาน และสารเคมีหัวใจหลักอุตสาหกรรมเยอรมนี แพงขึ้นขนาดนี้ จะไม่มีธุรกิจใดยื้อต่อไปได้นานนัก อุตสาหกรรม ที่ขาดแคลนพลังงานราคาถูกระยะยาว ย่อมไม่สามารถยืนอยู่ได้และต้องล้มลงไป
ต่อให้ผู้นำประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ประชุมกันทั้งวันทั้งคืน ก็ไม่อาจหนีความจริงว่า "ยุโรปคือหลุมดำแห่งพลังงาน"
ลำพังพลังงานสะอาดจากกังหันลม แสงแดด จะ Supply ได้แค่ภาคครัวเรือน แต่ไม่สามารถ Supply ให้ภาคอุตสาหกรรม และธุรกิจที่ใช้พลังงานสูงได้แน่นอน แม้เยอรมนี จะกัดฟันกลับมาเปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เก่า 3 แห่งก็ตาม
เพราะยุโรปไม่มีแหล่งแร่ยูเรเนียม ปัจจุบันยังคงซื้อเชื้อเพลิง และเทคโนโลยีนิวเคลียร์จากบริษัท Rosatom รัสเซีย เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทั้ง 18 เครื่อง เช่น ในฝรั่งเศส , ฟินแลนด์, สโลวาเกีย, ฮังการี, บัลแกเรีย, เช็ก ล้วนต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงนิวเคลียร์จากรัสเซีย
ที่เป็นผู้เล่นหลักในตลาดเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ทั่วโลกกว่า 50% แม้แต่บริษัทลูกในสหรัฐ ออสเตรเลีย คาซัคสถาน ก็เป็นของรัสเซียทั้งนั้น
แม้เยอรมนีจะกลับมาเปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหม่ ถ้าไม่พึ่งพาแร่ยูเรเนียมจากรัสเซีย ก็เปิดแต่โรงงานที่ไร้พลังงาน
ทวีปยุโรปถูกออกแบบภูมิรัฐศาสตร์มาให้ต้องพึ่งพาพลังงานรัสเซีย ตลอดที่ยังมีมนุษย์อาศัยในยุโรป ก็ไม่อาจหลีกหนีธรรมชาติและความจริงได้ การคว่ำบาตรรัสเซีย คือ การดันหลังประชาชนตกลงเหวหายนะของจริง
และพิสูจน์แล้วในวันนี้ว่าชาวยุโรป "ไม่อยากอดตายและทนหนาวเพื่อผู้นำยูเครนอีกแล้ว"
ยิ่งอุณหภูมิใกล้ศูนย์องศา หรือติดลบมากเท่าใด ยุโรปก็จมลงหลุมดำลึกเท่านั้น
ส่วนรัสเซีย ไม่กระทบอะไรเลย ได้ดินแดนใหม่เพิ่มมา 4 เขตพื้นที่ขนาดเท่าโปรตุเกส ประชากรเพิ่มมาอีก 8.8 ล้านคน พร้อมขุมทรัพย์พลังงาน แร่ธาตุอีก 14 ล้านล้านดอลลาร์
และกำลังนับเงินชาวเอเซีย และตะวันออกกลางที่ล้นทะลักคลังอย่างเพลิดเพลิน..คว่ำบาตรรัสเซียต่อไป พลังงานราคาแพงขึ้นอีกแน่นอน 😭🤭😂
ที่มา : CNBC , destatis ,
Wall Street Journal , Reuters
#WorldUpdate
ช่องทางติดตามบทวิเคราะห์ข่าวเชื่อมโยงกัน
😋 Telegram : https://t.me/worldupdatethai
- 47
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
