Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
MONEY LAB
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
25 ต.ค. 2022 เวลา 03:30 • ธุรกิจ
ดูไบ จากเมืองทะเลทราย สู่ศูนย์กลางการบินโลก
1
เคยสงสัยไหมว่าทำไมเวลาเราตีตั๋วไปเที่ยวยุโรป
หลายเที่ยวบินมักจะต้องแวะต่อเครื่องที่ดูไบ
วันนี้ เรามาดูกันว่าทำไมดูไบ กลายเป็นเมืองสำคัญ สำหรับผู้ที่เดินทางด้วยเครื่องบิน
BillionMoney จะมาเล่าให้ฟัง ในแบบที่เข้าใจง่าย ๆ
มหานครดูไบ เป็น 1 ใน 7 รัฐของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
โดยในแต่ละรัฐก็จะมีผู้ครองนครรัฐ ที่เรียกว่า ชีค ซึ่งมาจากตระกูลผู้ปกครองเก่าของแต่ละรัฐ
ถึงแม้ว่าอาบูดาบี จะเป็นเมืองหลวงของประเทศแห่งนี้
แต่ดูไบ กลับเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
โดยมีประชากรทั้งหมด 3.3 ล้านคน คิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมด
หากย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 70 ปีก่อน เมืองดูไบยังเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ที่มีประชากรอาศัยอยู่เพียง 20,000 คน
จุดเริ่มต้นของมหานครดูไบ มาจากวิสัยทัศน์ของเจ้าผู้ครองนครรัฐที่ชื่อ ชีครอชิด บิน ซาอิด อัล มักตูม
ที่มองว่าดูไบ มีปริมาณน้ำมันดิบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน ดังนั้นจึงต้องมองหารายได้อื่น ที่ไม่ใช่การพึ่งพาน้ำมันเพียงอย่างเดียว
ด้วยที่ตั้งของเมืองดูไบที่เป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย โดยระยะเวลาในการเดินทางทางอากาศ จากทวีปเอเชียมาถึงดูไบ จะใช้เวลาไม่เกิน 8 ชั่วโมงเท่านั้น จึงเหมาะที่จะสร้างสนามบิน เพื่อเป็นจุดแวะพักระหว่างการเดินทางด้วยเครื่องบิน
1
รู้หรือไม่ว่า หากออกเดินทางจากสนามบินในภูมิภาคตะวันออกกลาง
ไม่ว่าจุดหมายจะเป็นที่ไหนในโลก ก็ไม่จำเป็นต้องจอดแวะพักเครื่อง
พอมองเห็นแบบนี้แล้ว สนามบินแห่งแรกของดูไบ จึงถูกสร้างขึ้นในปี 1959 แล้วเปิดให้บริการในปี 1960
การก่อสร้างในช่วงแรกยังไม่ได้สร้างอย่างประณีตเท่าไรนัก รันเวย์สนามบินก็ยังคงเป็นพื้นทรายอยู่
ก่อนที่จะมีการพัฒนาให้เป็นรันเวย์แบบลาดยางในปัจจุบัน
1
รัฐบาลดูไบเล็งเห็นถึงความได้เปรียบด้านทำเล จึงใช้นโยบายเปิดเสรีน่านฟ้า เปิดทางให้สายการบินต่างชาติมาสร้างเส้นทางบินได้อย่างอิสระ ทำให้สนามบินดูไบ เป็นจุดศูนย์รวมของสายการบินทั่วโลก
1
เบื้องหลังความสำเร็จของดูไบ ไม่ได้มีเพียงแค่การสร้างสนามบินเท่านั้น แต่ยังมีการถอดโมเดลความสำเร็จมาจากสิงคโปร์อีกด้วย นั่นก็คือ “ความร่วมมือระหว่างสนามบินและสายการบิน”
ในปี 1985 รัฐบาลดูไบ ตัดสินใจก่อตั้งสายการบินเอมิเรตส์ (Emirates) ขึ้นมา เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และเป็นสายการบินประจำภูมิภาค
สายการบินเอมิเรตส์เติบโตขึ้นมาจากข้อได้เปรียบด้านต้นทุน เพราะสนามบินดูไบมีการสร้างอาคารผู้โดยสาร เพื่อรองรับเครื่องบินของสายการบินเอมิเรตส์โดยเฉพาะ และมีการเก็บค่าธรรมเนียมการขึ้นและลงของเครื่องบินที่ถูกกว่าสนามบินอื่น
นอกจากนี้การเป็นประเทศที่มีแหล่งน้ำมัน ทำให้สายการบินเอมิเรตส์ไม่ได้รับความเดือดร้อน เมื่อราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น เหมือนสายการบินอื่น
ข้อได้เปรียบด้านทำเล และการเป็นจุดศูนย์รวมของสายการบินทั่วโลกของดูไบ ทำให้สายการบินเอมิเรตส์ เลือกที่จะสร้างเส้นทางการบิน โดยให้สนามบินดูไบเป็นจุดศูนย์กลาง ในการต่อเครื่องบิน โดยการใช้กลยุทธ์ “Code Sharing” ทำให้สายการบินเอมิเรตส์สามารถขายตั๋วเครื่องบินของสายการบินอื่นได้ด้วย
ข้อดีของการทำแบบนี้คือ สายการบินเอมิเรตส์สามารถให้บริการผู้โดยสารได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องลงทุนขยายเส้นทางการบินเอง และยังได้รับส่วนแบ่งรายได้อีกด้วย
สิ่งที่สายการบินเอมิเรตส์ทำก็คือ การสร้างเส้นทางการบินให้มีจุดหมาย คือ สนามบินดูไบ
จากนั้นก็ให้สายการบินอื่นส่งต่อผู้โดยสารไปยังประเทศปลายทาง
เมื่อพูดถึงการสร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้โดยสารแล้ว รู้หรือไม่ว่า สายการบินเอมิเรตส์ เป็นสายการบินแรกที่ยกระดับการให้บริการลูกค้าชั้นประหยัด ด้วยการติดตั้งหน้าจอส่วนตัวให้กับทุกที่นั่ง เพื่อเพิ่มความบันเทิงให้กับผู้โดยสาร สายการบินเอมิเรตส์จึงได้รับการยอมรับจากลูกค้าทุกระดับ
จากแผนการทั้งหมดที่กล่าวไปข้างต้น ทำให้จำนวนผู้โดยสารต่อปีของสนามบินดูไบ เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา
ปี 1998 มีผู้โดยสาร 12.3 ล้านราย
ปี 2013 มีผู้โดยสาร 66.4 ล้านราย
ปี 2019 มีผู้โดยสาร 86.4 ล้านราย
จนถึงยุคปัจจุบัน ก็เป็นจริงตามวิสัยทัศน์ของท่านชีครอชิด บิน ซาอิด อัล มักตูม
เพราะปริมาณน้ำมันสำรองของดูไบ ลดลงเป็นอย่างมาก จากในปี 1991
ดูไบมีกำลังการผลิตน้ำมันต่อวันสูงสุด 400,000 บาร์เรล
ทุกวันนี้มีกำลังการผลิตเพียง 50,000 บาร์เรลเท่านั้น
แต่ด้วยความที่เขามองขาดว่าจะมีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้น
และปรับตัวเข้าสู่การเป็นศูนย์กลางทางการบินโลกมาโดยตลอด
ปัจจุบัน ดูไบ ก็ได้พึ่งพาน้ำมันเพียง 1% ของ GDP เท่านั้น
และอุตสาหกรรมการบิน มีมูลค่ามากถึง 27% ของ GDP เมืองดูไบ
จนกลายมาเป็นจุดไข่แดงของการโดยสารด้วยเครื่องบินของโลก ไปแล้ว นั่นเอง..
2
1
References:
-
https://www.cnbc.com/2022/05/12/dubai-airports-traffic-may-reach-pre-covid-levels-in-early-2024-ceo.html
-
https://www.forbes.com/sites/natalierobehmed/2014/06/04/how-dubai-became-one-of-the-most-important-aviation-hubs-in-the-world/?sh=5f079bf84a8b
-
https://gulfnews.com/special-reports/how-dubai-became-one-of-the-worlds-largest-aviation-hubs-1.1636642554849
-
https://www.geminipropertydevelopers.com/rise-of-dubai-as-a-global-aviation-hub/
-
https://thaipublica.org/2017/04/pridi42/
-
https://www.dubaiairports.ae/corporate/about-us/history/
-
http://www.airport-business.com/2007/10/dubais-strategy-to-become-the-worlds-aviation-hub/
-
https://www.thefirstgroup.com/en/news/emirates-takes-dubai-s-aviation-achievements-to-new-heights/
ธุรกิจ
7 บันทึก
14
2
4
7
14
2
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย