22 ต.ค. 2022 เวลา 08:10 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องสั้นที่ 5 ดีที่ได้ทำความดี
+++++++++++++++
1....
[1] วันนี้เป็นวันที่ 29 แล้วที่กฤษ ไม่ได้เข้ากรม ต้องนอนเวนกับเพื่อนที่ศูนย์พักพิง คืนละ 5 คน ร่วมกับหน่วยดับเพลิง หน่วยกรมเจ้าท่า เจ้าหน้าที่เทศบาล หน่วยพลาธิการและหน่วยงานอื่นๆ เพื่อร่วมกันดูแล ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม
[2] เข้ากรมแค่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า อาหารการกินพึ่งพาโรงครัวพระราชทาน หลายคนได้กลับบ้านเพราะมีบ้านพักในเมือง หรือใกล้เคียง ทหารอย่างกฤษและเพื่อนๆสลับสับเปลี่ยนกันระหว่างค่ายทหารและศูนย์พักพิง กลับบ้านตนเองสะกดไม่เป็นช่วงนี้
[3] กฤษชอบภารกิจนี้ค่อนข้างมาก เพราะได้ช่วยเหลือชาวบ้านในการข้ามเรือ จัดคิวชาวบ้านร้านตลาด เพื่อเตรียมตัวลงเรือ หลายคนเป็นแม่ค้าซื้อผัก ผลไม้ไปส่งข้ามฝั่งไปขาย หรือไม่ก็รับเอาสินค้าจากอีกฝั่งไป
[4] เรือท้องแบนที่จอดไว้ในฤดูแล้ง ดูไม่มีคุณค่าอะไร ฝุ่นเกาะและเก่าเก็บของหน่วยงานต่างๆ เช่น เทศบาลเมือง กรมทหารของกฤษ กรมทางหลวง กรมเจ้าท่า ร่วม20 กว่าลำ รวมทั้งจิตอาสา ได้ออกปฏิบัติการ อย่างภาคภูมิใจและมีคุณค่าอย่างนับไม่ถ้วน
[5] ถนนสายหลักเชื่อมต่อระหว่างฝั่งวารินชำราบกับฝั่งเมืองอุบลราชธานี ที่คราคร่ำไปด้วยรถวิ่งกันขวักไขว่ แต่ตอนนี้เต็มไปด้วยสายน้ำที่มองไม่เห็นแม้ฝั่งของสองข้างถนน ร้านค้าทั้งสองฝั่งถนนถูกน้ำเข้าไปแทนที่จับจอง พื้นที่แล้วเรียบร้อย สินค้าของแต่ละร้านถูกขนออกไปไว้แหล่งอื่นที่สูงกว่า
[6] พนักงานของร้านขายสินค้าวัสดุก่อสร้าง ร้านขายของสินค้าส่ง ต่างจัดพนักงานออกมาขนกระสอบทรายมากั้นทางน้ำแต่ก็ไม่สามารถกั้นได้ เพราะน้ำได้ทะลุทลวง เข้าสู่ภายในเรียบร้อยแล้ว จึงได้แค่ช่วยกันอยู่เวร เพื่อกันหัวขโมย หรือมิจฉาชีพที่ฉวยโอกาสมาหยิบฉวยสินค้าที่ขนออกจากร้านไม่ทัน
[7] กฤษ รู้สึกสงสารและเห็นใจ ชาวบ้าน ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งนี้เหลือเกิน พวกเขาอพยพจากริมฝั่งแม่น้ำขึ้นมาอยู่ริมถนน แต่น้ำยังไม่วายเอ่อล้นท่วมถนน ต้องอพยพอีกครั้งขึ้นบนสะพาน บ้านช่องเรือนชาน ห้องน้ำห้องท่า ผิวจราจรเป็นที่พักพิงชั่วคราวอย่างทุลักทุเล ดีหน่อยที่ฝนได้ทิ้งช่วงไปจึงไม่ลำบากเรื่องอันตรายของไฟฟ้ามากนัก
[8] หน่วยบรรเทาสาธารณภัยร่วมกับมูลนิธิต่างๆ น้ำใจของผู้คนหลั่งไหลมาในรูปการบริจาคข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม และโรงครัวพระราชทานพร้อมจิตอาสาร่วมทำโรงครัวเพื่อบริการชาวบ้านที่เดือดร้อน พร้อมตะโกนให้กฤษกับพรรคพวกที่กำลังบริการ ช่วยเหลือชาวบ้านให้มารับข้าวกล่องเป็นระยะๆ
2….
[9] กฤษนอกจากจะจัดคิวชาวบ้านให้ลงเรือท้องแบนคราวละไม่เกิน 8-10 คนแล้วเขายังต้องกำชับให้ทุกคนใส่ชูชีพเพื่อความปลอดภัย เพราะห้วงน้ำค่อนข้างลึก สายลมหนาวเริ่มพัดพาคลื่นให้สายน้ำเชี่ยวเป็นระยะๆ ฉะนั้นความปลอดภัยของทุกคน เป็นสิ่งสำคัญ
[10] กฤษกับเพื่อนๆหลายคน ได้ผลัดเปลี่ยนกัน ทำหน้าที่ขับเรือ เป็นต้นหนส่งสัญญาณให้พลขับไปในสายน้ำที่มั่นใจว่าปลอดภัยที่สุด บางครั้งเขาต้องทำหน้าที่ขับเรือลาดตะเวนตรวจตราความเรียบร้อย ความปลอดภัยหากเกิดอุบัติเหตุจะได้ช่วยเหลือได้ทันท่วงที
[11] วันนี้กฤษทำหน้าที่ในเรือลาดตะเวน ดูแลความปลอดภัยของเรือที่รับส่งผู้โดยสารอย่างระแวดระวัง เขามองเห็นเรือโดยสารลำนั้นวิ่งมาค่อนข้างเร็ว ผู้โดยสารเกินกำหนด ประมาณ 15 คน เขาได้บอกกับเพื่อนๆบนเรือ ให้ระมัดระวังด้วยเพราะ มองไกลๆแล้วรู้สึกเรือโคลงเคลงผิดปกติ
[12] เขาจึงสั่งให้เรือชะลอความเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดคลื่นกระแทกเรือโดยสารลำนั้นแรงเกินไป พร้อมกับร่องน้ำช่วงนี้เชี่ยวมาก เขารู้สึกไม่สบายใจที่เห็นเรือวิ่งมาเร็วผิดปกติ จึงสั่งให้ทุกคนในเรือเตรียมพร้อม
[13] ทันทีที่เรือโดยสารลำนั้น ถูกเรือของกฤษกระแทกคลื่นใส่อย่างจัง และห้วงน้ำเชี่ยวมาก เรือได้พลิกคว่ำ ผู้โดยสารร้องขอความช่วยเหลือระงม ความโกลาหลก็บังเกิดทันที
[14] ทีมช่วยเหลือของกฤษ รีบกระโดดลงจากเรือ เพื่อช่วยเหลือผู้โดยสาร บางคนโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากเรือลาดตะเวนลำอื่นๆ และจากฝั่ง
[15] ทุกคนบนเรือลาดตะเวน ยกเว้นพลขับเพราะต้องคุมเรือ ไม่ให้เสียหลักคว่ำอีกลำ กระโดดลงว่ายน้ำช่วยเหลือผู้โดยสาร ที่ตกใจขวัญหนีดีฝ่อ บางคนร้องไห้ เพราะมีเด็กนั่งมาด้วย บางคนปากคอสั่น กฤษรีบว่ายน้ำเข้าไปช่วยเด็กผู้หญิงที่ร้องไห้ เรียกหาแม่ไม่ขาดปาก
[16] เขารีบคว้ามือที่กำลังไขว่คว้าหาที่เกาะไว้แน่น เพื่อป้องกันเด็กกดคอเขาลงไปในน้ำ เขาทั้งปลอบโยน ให้เชื่อมั่นในตัวเขา พร้อมทั้งพยุงเด็กขึ้นเรือชูชีพอีกลำ แต่เด็กขวัญเสีย ร้องไห้ ปากพร่ำร้องให้ช่วยเหลือแม่ของแก
[17] กฤษ รีบว่ายเข้าไปช่วยแม่ของเด็กหลังจากที่ส่งเด็กขึ้นเรือแล้วอย่างปลอดภัย เขาตะโกนบอกเพื่อนให้จับมือแม่ของเด็กไว้ให้แน่น เพราะกลัวเธอจะกดหัวเพื่อนลงใต้น้ำ กฤษจึงรีบเข้าไปช่วยเพื่อนเขาไว้ กฤษเข้าไปใกล้ๆ ปรากฎว่าร่างนั้นอ่อนระทวย ช่วยตัวเองไม่ได้ เขาจึงตะโกนบอกเพื่อนว่า นางเป็นลมไปแล้ว ยิ่งทำให้การพยุงร่างของเธอลำบากยิ่งขึ้น
[18] เรือลาดตะเวนทุกลำ มารวมตัวเพื่อช่วยเหลือผู้โดยสาร เสียงร้องไห้ เสียงร้องขอความช่วยเหลือ เสียงโทรโข่งบอกให้ทุกคนตั้งสติ จะพาทุกคนปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ดังเป็นระยะๆ ผู้โดยสารเรื่มทยอยขึ้นเรือลาดตะเวน คงเหลือแต่แม่ของเด็กที่เป็นลม กฤษจึงช้อนร่างพยุงใบหน้าหงายขึ้น ไม่ให้จมน้ำ เพื่อนคนอื่นๆ ช่วยกันพยุงร่างที่เปียกโชกไม่ได้สติ ขึ้นเรือลาดตะเวนอย่างทุลักทุเล
[19] เสียงสะอึกสะอื้นร้องไห้ด้วยความตกใจ เสียงบ่นความเสียหายของโทรศัพท์ตกน้ำดังอื้ออึง บางครั้งฟังไม่ได้ศัพท์ เด็กคนนั้นกอดแม่แน่น พยายามเรียกชื่อให้แม่ตื่น แต่นางยังนอนแน่นิ่งในท้องเรือที่วิ่งฝ่าสายน้ำที่ไหลเชี่ยว นำพาทุกคนเข้าฝั่งเพื่อให้ปลอดภัยให้เร็วที่สุด
3…..
[20] ผู้โดยสารทยอยขึ้นรถ GMC เพื่อไปส่งที่บ้าน รวมทั้งเด็กหญิงพร้อมแม่ที่ฟื้นหลังจากขึ้นฝั่งเรียบร้อย นางร้องห่มร้องไห้เป็นห่วงลูก แม่ลูกร้องไห้กอดกันกลมดิก เป็นที่สะทือนใจของกฤษยิ่งนัก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? เขาพร่ำถามตนเองตลอดคืนนั้นทั้งคืน
[21] วันรุ่งขึ้นทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประชุม สอบถามหาสาเหตุ จึงได้ความว่า เรือที่เกิดเหตุเป็นเที่ยวสุดท้าย ฟ้าปิดมองไม่เห็น ผู้โดยสารก็รีบอยากกลับบ้าน ทำให้บรรทุกเกินอัตรา เพราะปกติห้ามเกิน 10 คน นี่เป็นความประมาทเลินเล่อที่ไม่น่าให้อภัยจริงๆ
[22]คนขับเรือเป็นคนของมูลนิธิ และเป็นวัยรุ่น จึงขาดความระมัดระวัง หากเรือลาดตะเวนของกฤษ จอดห่าง ไม่เตรียมพร้อมช่วยเหลือไม่ทันอาจจะเกิดการเสียชีวิตก็เป็นได้
[23] กฤษ จึงกำชับทุกคนในหน่วยงานที่เขารับผิดชอบให้คำนึงเรื่องกฎเกณฑ์ จำนวนผู้โดยสาร ความคะนองในการขับเรือ การปฏิบัติตนขณะนั่งบนเรือ เพราะทุกคนไม่อยากให้เกิดโศกนาฏกรรมเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอีก
[24] กฤษรู้ดีว่าทุกคนมีจิตที่ปรารถนาอยากทำคุณงามความดี มีจิตเมตตาอยากช่วยเหลือ เพราะเห็นความทุกข์ยากของเพื่อนมนุษย์ แต่การทำคุณงามความดี ก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยสำคัญที่สุด ต่างคนต่างอยาก #ดีที่ได้ทำความดี ไม่ประมาท การประสานงานของแต่ละหน่วยงานก็สำคัญเช่นกัน
ธีม: ดีที่ได้ทำความดี คือการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ทำได้โดยไม่ต้องรีบร้อน ไม่ประมาท ยึดมั่นในกฎเกณฑ์และความปลอดภัยสำคัญที่สุด
#ชอบกด like ถูกใจกด love โดนใจสุดๆกด share
#ดีที่ได้ทำความดี
#ฐปะนีย์ บุราไกร
#คุณยายเล่าว่า
#จอมยุทธโกร่งกร่าง
#ขอบคุณมิตรภาพผ่านตัวอักษร
โฆษณา