Blockdit Logo (Mobile)
เรื่องยาก เล่าง่ายๆ
•
22 ต.ค. 2022 เวลา 13:08 • ธุรกิจ
สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกท่านนน ผมวาวาเองครับ คิดถึงกันไหมเอ่ย ผมคิดถึงทุกๆคนมากเลย (ไม่ได้โม้นะ) เอาล่ะ จากโพสก่อนๆหน้าที่ ผมได้พูดถึงงานสื่อเคลื่อนไหวของทางต่างประเทศกันไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา ญี่ปุ่น หรือเกาหลีใต้ และคุณพี่บีมของเราเองก็ยังนำตัวอย่างของจีนและอินเดียมาช่วยให้เพื่อนๆเห็นภาพชัดเจนขึ้นไปอีกด้วย ทีนี้ เรามาลองดูทางฝั่งของประเทศไทยของเรากันดีบ้างไหมครับ
จริงๆแล้วเรื่องของsoft powerในประเทศไทยนั้น ได้มีการหยิบยกมาพูดถึงโดยคนระดับสูงในรัฐบาลมาสักพักใหญ่แล้วครับ ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐ หรือว่าทางฝั่งพรรคกล้าเองก็เช่นกัน แต่เราขอไม่ลงลึกในด้านของพรรคการเมืองแล้วกันนะครับ ที่อยากจะพูดจริงๆเลยก็คือ มีการระดมกำลังกันที่จะพยายามสร้างและพัฒนาอำนาจอ่อนของประเทศไทยกันอย่างแข็งกัน
ตามรายงานของ the soft power report 2019 ประเทศไทย มีศักยภาพในด้านนี้อยู่ที่ลำดับ6ของเอเชีย จริงๆจากงานวิจัยบางส่วนมีการพูดถึงว่า ถ้าจะทำให้soft powerไทยให้มีกิจลักษณะ ก็ควรจะเป็นในส่วนของ ละครและภาพยนตร์ วางกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนและสร้างความร่วมมือกันแต่ละภาคส่วน แต่ถ้าพูดกันตามตรงแล้ว ภาพยนตร์ในบริบทของsoft powerยังคงขาดทฤษฎีและรายละเอียดอยู่อีกมาก แต่ก็เป็นความต้องการที่จะยกระดับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยให้ยกระดับมัน
เพราะฉะนั้นความเข้าใจทางทฤษฎีและหลักการเป็นสิ่งสำคัญในการก้าวต่อไป เพราะฉะนั้นถ้าพูดกันด้วยความจริง แม้จะมีการนำเสนอแนวคิดและมีการนำมาหารือกับรัฐบาลได้สักพักแล้ว แต่ก็สามารถบอกได้เลยว่าภาพยนตร์และsoft powerไทยของเรายังไม่ได้ไปไหน และต้องการหลักการและทฤษฎีที่แน่นมากกว่านี้ถึงจะไปต่อได้
จากการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญ และการทบทวนตัวอย่างจากประเทศต่างๆ ทำให้ได้ข้อสรุปว่าการจะทำให้สื่อภาพยนตร์กลายเป็นเครื่องมือสำคัญขอsoft powerได้นั้น ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขนี้
1.มันต้องมีเป้าหมายที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นหลัก หวังผลที่ความมั่นคงมากกว่าการสร้างภาพลักษณ์
2.ต้องมีผู้เล่นครบตัว ได้แก่ ภาครัฐ ภาคการผลิต และทุน ร่วมมือกันมากกว่าต่างคนต่างทำ
3.เนื้อหางานต้องเป็นไปตามเป้าหมาย สร้างภาพจำ มีความบันเทิง แฝงด้วยความต้องการของชาติและการสร้างอิทธิพลทางความคิด
4.มีแผนที่ละเอียดและต่อเนื่องในระยะยาว ไม่อาจสร้างsoft powerได้ใน1-2เรื่อง แผนควรครอบคลุมตั้งแต่การผลิตยันส่งออก
5.ต้องมีการลงทุนด้วยเงิน การตลาด เครื่องมือ แผนนโยบาย และกำลังคน
1
ถ้ามี5ข้อนี้ ภาพยนตร์ไทยก็จะกลายเป็นsoft powerได้อย่างสมบูรณ์ แต่ปัจจุบัน ความตื่นตัวของรัฐในเรื่องการวาระอำนาจและเอกภาพของวงการภาพยนตร์ และแผนยุทธศาสตร์นั้นยังไม่เพียงพอ กลายเป็นอุปสรรคหากจะนำเอาสื่อเคลื่อนไหวไปใช้กับกรอบของsoft power แต่ถ้าทำได้ตามที่กล่าวมา อย่างจริงจัง ใช้เวลากับมัน และบูรณาการคุณค่ากับความบันเทิง สื่อพวกนี้จะเข้าถึงใจของผู้บริโภคและได้ผลลัพธ์ที่ทุกคนต้องการ
ครับผม ก็จบกันไปแล้วนะครับกับsoft powerของไทย ผมพยายามย่อความให้มันอ่านง่ายและเข้าใจกนมากที่สุดแล้ว ก็หวังว่าทุกๆจะได้รับข้อมูลกันอย่างเต็มที่นะครับ จริงๆผมก็กะจะจบโพสไว้ตรงนี้แหละครับ แต่ว่ายังก่อน!!! ผมยังมีอีกเรื่องที่อยากจะพูดครับ ทุกท่านจำได้ไหมเอ่ย ที่พวกเราบอกว่า เพจของเรามีงานใหญ่มากๆรออยู่ เป็นงานที่เราเตรียมมาเซอร์ไพร์สทุกคน ผมขอบอกไว้ตรงนี้เลยครับว่างานออกมาดีมากกก ราบรื่นสุดๆ
ถ้าทุกคนอยากรู้วามันคืออะไรล่ะก็ ผมขอเฉลยเลยและกัน เพจเรื่องยาก เล่าง่ายๆ ของเรานั้น ได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์ดร.ท่านหนึ่ง ผู้ซึ่งคร่ำหวอดอยู่ในวงการด้านการพัฒนาภาพยนตร์ สื่อบันเทิง หนึ่งในผู้เขียนบทความ ภาพยนตร์กับยุทธศาสตร์ soft power ซึ่งเขาคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกสะจาก ด็อกเตอร์ ฐณยศ โล่ห์พัฒนานนท์ (ปรบมือๆ)
ซึ่งในครั้งนี้เราจะไม่ยอมปล่อยโอกาสให้สูญเปล่า พวกเราคัดคำถามเด็ดๆ ทุกประเด็นที่เราและคุณผู้อ่านสนใจและอยากรู้ นำไปให้ท่านดร.ได้แถลงไขมันออกมา เพราะฉะนั้น ในวันที่25 ตุลาคมนี้เตรียมตัวอ่านบทความฉบับพิเศษได้ทางเพจเรื่องยาก เล่าง่ายๆ ได้ทุกช่องทางเลยนะครับบบ รักทุกคนมากๆที่ติดตามอ่านกันมาจนถึงตอนนี้ ขอบคุณที่หลงกันเข้ามา ไม่สิ ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะครับ (เลิฟๆ)
อ้างอิง :
โฆษณา