22 ต.ค. 2022 เวลา 14:49 • การศึกษา
Golang คืออะไร ทำไมต้อง GO
ภาษา Go หรือ Golang ถูกคิดค้นด้วยบริษัท Google ในปี 2007
ซึ่งภาษา Go นั้นมีประสิทธิภาพสูงเพราะเป็นภาษาที่ต้องการ Compile กล่าวคือ การแปลง Source code เป็น Executable file หรือ ภาษาเครื่องคอมพิวเตอร์ นั้นเอง
ภาษา Go เป็นภาษาแบบ Static type นั้นหมายความว่าคือทุกครั้งที่กำหนดตัวแปรต้องกำหนดชนิดของตัวแปรทุกครั้ง ซึ่งก็จะช่วยลดข้อผิดพลาดของตัวแปรไปได้
และภาษา Go ยังสามารถทำ Concurrency และ Parallelism ได้ง่ายกล่าวคือ เมื่อเราเขียนโปรแกรมออกมา ไม่ว่า CPU จะมีกี่ core แต่ การทำงานของโปรแกรมก็จะประมวลผลอยู่แค่ core เดียว ซึ่งหลักการ Concurrency และ Parallelism จะทำให้เราใช้ประสิทธิภาพของ CPU ได้สูงสุด
ทดลองเขียนภาษา Go กันเลย
ก่อนอื่นติดตั้งภาษา Go กันก่อน
ติดตั้งเรียบร้อยก็มาเริ่มกันเลย
สร้าง File main.go และพิมพ์คำสั่งดังนี้
package main
import "fmt"
func main() {
fmt.Println("Hello world.")
}
ขั้นตอนต่อไปเราจะมาลองรันกันดู ซึ่งอย่างที่ได้กล่าวไว้ภาษา Go ต้องการ การ compile เราจะมาทดสอบกันด้วยการพิมพ์คำสั่ง
go build main.go
ซึ่งผลลัพท์ที่ได้เราจะได้ File main บน Mac OS ถ้า Windows จะได้ File main.exe ขึ้นมา
ขั้นตอนต่อไปเราจะมาลองรัน file กันดู ก็จะได้ผลลัพท์ เป็น Hello world. ขึ้นมา
ซึ่งจากที่ทำสังเกตว่าเราต้องทำสองขั้นตอนถึงจะได้ผลลัพท์ออกมา ซึ่งเราสามารถใช้คำสั่ง
go run main.go
ซึ่ง Go จะทำการ compile และรัน File ทันที ตามรูปด้านล่าง
การใช้คำสั่ง go build และ go run
ที่นี้จะอธิบาย Code ในส่วนที่เราได้เขียนกันไปนะครับ
ซึ่งธรรมชาติของภาษา Go จะต้องมี File หลักหนึ่ง File จะตั้งชื่ออะไรก็ได้ .go แต่ตามธรรมเนียมก็ตั้งชื่อ main.go แหละ
ซึ่ง File หลักนี้จะต้องเริ่มด้วย package main ในบรรทัดแรก
และ File หลักนี้จะต้องมี Function ที่ชื่อว่า main
func main() {
}
ซึ่งใน บรรทัดที่ 6 เรามีการใช้ fmt ก็คือ package ซึ่งการที่เราจะใช้ package ได้เราจะต้องทำการ import เข้ามาก่อน นั้นก็คือ Code ในบรรทัดที่ 3 นั้นเอง
และใน package fmt มี Function Println เราจะแสดงข้อความ Hello word. ออกมาได้ ซึ่งถ้าอยากรู้ว่า Package fmt มีอะไรบ้างก็เข้าไปดูได้ที่
เอาละครับในบทความนี้ผมก็จะจบไว้เท่านี้ก่อน และในบทความต่อไปเราไปพูดถึง ชนิดตัวแปรของภาษา Go กันว่ามีอะไรและใช้งานกันอย่างไร
แล้วพบกันใหม่ในบทความต่อไปนะครับ
โฆษณา