24 ต.ค. 2022 เวลา 08:00 • ข่าวรอบโลก
“สี จิ้นผิง” พญามังกรที่ทรงอำนาจมากที่สุดหลังยุคสมัยของเหมา เจ๋อตุง
"สี จิ้นผิง" รับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีและเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนสมัยที่ 3 อย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม 2565 ซึ่งการเป็นผู้นำติดต่อกันถึง 3 สมัยนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน กล่าวกันว่านี่คือการปูทางสู่การเป็น "ผู้นำตลอดชีพ" ของสี จิ้นผิง
1
หลังเสร็จสิ้น การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 ที่จัดขึ้นเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ระหว่างวันที่ 16-22 ต.ค.2565 ถัดมา 1 วัน (อาทิตย์ที่ 23 ต.ค.) ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนวัย 69 ปี ก็เปิดตัวคณะกรรมการกลางประจำกรมการเมือง หรือ Politburo Standing Committee ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดใหม่ต่อสาธารณชน พร้อมรับการมอบตำแหน่งประธานาธิบดีจีนและเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สมัยที่ 3 อย่างเป็นทางการ
1
เหตุการณ์สำคัญนี้เกิดขึ้นที่มหาศาลาประชาชน ในกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาชนจีน การได้เป็นประธานาธิบดีและเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ สมัยที่ 3 อย่างเป็นทางการ ทำให้ “สี จิ้นผิง” กลายเป็นผู้นำที่ทรงอิทธิพลที่สุดของจีนในรอบหลายทศวรรษ และเป็นผู้นำคนแรกของจีนที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเกิน 2 สมัย ท่ามกลางการคาดการณ์ของบรรดานักวิเคราะห์ว่า ประธานาธิบดีสีพยายามที่จะครองตำแหน่งผู้นำจีนไปจนตลอดชีวิต
2
สำหรับ คณะกรรมการกลางประจำกรมการเมืองชุดใหม่ ซึ่งมีจำนวน 7 คน รวมทั้งปธน.สี จิ้นผิงด้วย ที่เหลืออีก 6 คนล้วนเป็น “กลุ่มพันธมิตร” ของเขาที่ร่วมงานกันมายาวนานและเป็นที่ไว้วางใจ ประกอบด้วย
1
* นายหลี่ เฉียง (Li Qiang) วัย 63 ปี เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำนครเซี่ยงไฮ้ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แทนที่ นายหลี่ เค่อ เฉียง (Li Keqiang) ที่กำลังจะลงจากตำแหน่งในเดือนมีนาคมปีหน้า (2566)
1
* นายจ้าว เล่อจี้ (Zhao Leiji) วัย 65 ปี ผู้นำมณฑลชิงไห่ ได้ชื่อว่าเป็นหัวหอกในการต่อต้านการรับสินบนและปราบปรามการทุจริต ที่ช่วยกวาดล้างคู่แข่งทางการเมืองของสี จิ้นผิงในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
* นายหวัง ฮู่หนิง (Wang Huning) วัย 67 ปี อดีตคณบดีมหาวิทยาลัยฟูตัน หนึ่งในผู้มีอุดมการณ์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดของพรรค สร้างคติพจน์ที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับผู้นำมาแล้ว 3 คน ล่าสุดเขาเป็นผู้นำสำนักเลขาธิการกลาง ช่วยขับเคลื่อนโยบายต่าง ๆ ของพรรค
1
* นายไช่ ฉี (Cai Qi) วัย 66 ปี อดีตรองเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำจังหวัดฟูเจี้ยน เขานับเป็นหนึ่งในขุนพลของสี จิ้นผิง ที่ทำงานด้วยกันมาร่วม 20 ปี ตั้งแต่สมัยที่พวกเขาเป็นผู้บริหารระดับมณฑล ไช่ ฉีได้รับการโปรโมทให้เข้ามาทำงานส่วนกลางด้านความมั่นคงในกรุงปักกิ่ง ต่อมาก็ได้เป็นผู้ว่าราชการกรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นตำแหน่งในระดับเลขาธิการพรรคประจำมณฑล ได้รับผิดชอบเป็นแม่งานในการจัดกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2022 และยังเป็นหัวหน้าคณะทำงานควบคุมการระบาดของโควิด-19 ของกรุงปักกิ่งด้วย
1
* นายติง เซวียเสียง (Ding Xuexiang) วัย 60 ปี เป็นหัวหน้าคณะทำงานโดยพฤตินัยของสี จิ้นผิง เขามักจะอยู่เคียงข้างปธน.สีในการเดินทางไปเยือนสถานที่ต่างๆ บุคลิกเงียบ ๆของเขา ช่วยให้ติงเป็นพันธมิตรที่น่าไว้ใจสำหรับสี จิ้นผิง ที่ผ่านมาติงได้เลื่อนตำแหน่งอย่างก้าวกระโดด จากสมาชิกสำรองของคณะกรรมการกลางพรรคอมมิวนิสต์ สู่สมาชิกโปลิตบูโรครั้งล่าสุด
1
* นายหลี่ ซี (Li Xi) วัย 66 ปี เจ้าหน้าที่สูงสุดของมณฑลเหลียวหนิงทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้รับความไว้วางใจในการปฏิรูปมลฑลแห่งนี้จากที่เคยเป็นมณฑลที่รุมเร้าด้วยเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับข้อมูลทางเศรษฐกิจและการซื้อเสียง
ในวันรับตำแหน่งสมัยที่ 3 อย่างเป็นทางการวานนี้ (23 ต.ค.) ปธน.สี จิ้นผิง ได้กล่าวขอบคุณพรรคคอมมิวนิสต์ที่ให้ความไว้วางใจต่อเขา พร้อมสัญญาว่าจะทำงานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยเพื่อประชาชนจีน และเขาจะผลักดันการสร้างให้จีนเป็นสังคมนิยมสมัยใหม่ นอกจากนี้ ยังกล่าวว่า นานาชาติได้ติดตามการประชุมครั้งนี้ด้วยผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ และผู้นำของชาติต่าง ๆ ได้ส่งข้อความแสดงความยินดี ซึ่งเขาเองก็ได้กล่าวขอบคุณผู้นำชาติต่าง ๆ บนเวทีนี้ด้วย
1
นักวิชาการด้านการเมืองในปักกิ่งรายหนึ่งซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อเพราะไม่ได้รับอนุญาตให้พูดกับสื่อ กล่าวว่า ดูจากรูปการณ์แล้ว สี จิ้นผิง มีอิสระที่จะทำทุกอย่างที่ต้องการ หมายความว่าเขาจะไม่ต้องเผชิญกับการต่อต้านหรือการตรวจสอบและถ่วงดุลในคณะกรรมการประจำอีกต่อไป นโยบายในอนาคตทั้งหมดจะดำเนินการตามความประสงค์ของเขา
1
ทั้งนี้ การอนุมัติแก้ไขธรรมนูญของพรรคในการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 20 นี้ มีเป้าหมายเพื่อเสริมสถานะหลักของสี จิ้นผิง และบทบาทชี้นำความคิดทางการเมืองของเขาภายในพรรค ซึ่งมีสมาชิกประมาณ 96 ล้านคน มติสำคัญในการแก้ไขธรรมนูญมี 2 ข้อกำหนดคือ 1) กำหนดให้สี จิ้นผิง เป็นผู้นำ “แกนกลาง” ของพรรค และ 2) อุดมการณ์ของสี จิ้นผิง คือหลักการพื้นฐานสำหรับการพัฒนาในอนาคตของจีน ทั้ง 2 ข้อนี้นับเป็นการรับรองสถานะ “แกนกลาง” ของสี จิ้นผิง ภายในพรรคคอมมิวนิสต์ฯ และอำนาจรวมศูนย์ของพรรคต่อประเทศจีน
1
ในปี 2018 หลักการว่าด้วย "แนวคิดของสี จิ้นผิง ว่าด้วยสังคมนิยมและอัตลักษณ์ความเป็นจีนในยุคสมัยใหม่" ได้ถูกบรรจุในรัฐธรรมนูญของจีน แม้จะฟังดูเป็นหลักการที่ยืดยาว จับต้องได้ยาก แต่การมีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญที่ตั้งตามชื่อนายสี เสมือนเป็นการจารึกคุณูปการของเขาในหน้าประวัติศาสตร์ของจีนด้วย ซึ่งก่อนหน้าสี จิ้นผิง มีเพียงบุคคลเดียวที่แนวคิดของเขาได้ถูกบรรจุในรัฐธรรมนูญของจีน นั่นคือ ประธานเหมา เจ๋อตุง
แม้แต่นายเติ้ง เสี่ยวผิง ผู้ได้ชื่อว่าสถาปนิกผู้นำจีนสู่เศรษฐกิจสมัยใหม่ ก็ทำได้เพียงแค่การตั้งชื่อ "ทฤษฎี" ด้วยชื่อตนเองเท่านั้น และถ้าจะให้เห็นชัดขึ้น ผู้นำจีนคนก่อนหน้าสี คือ เจียง เจ๋อหมิน และหู จินเทา ก็ไม่มีทฤษฎีใด ๆ ที่ยึดโยงหรือตั้งตามชื่อของพวกเขาเลย
"แนวคิดของสี มีเป้าหมายเพื่อเสริมความชอบธรรมและอำนาจของเขาเหนือทุกคนในพรรคและประเทศ มันเป็นลัทธิบูชาบุคคลที่ยึดโยงกับสี ไม่ใช่แค่เหมา และเหล่าจักรพรรดิที่เกรียงไกรของจีนในยุคก่อนๆ อีกต่อไปแล้ว" ฌอง-ปิแอร์ คาเบสแตน ศาสตราจารย์เกียรติคุณ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแบบติสต์ในฮ่องกง ได้กล่าวเอาไว้
เมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการของจีนได้เผยแผนที่จะส่งเสริมให้ "แนวคิดของสี จิ้นผิง" เป็นหลักสูตรการศึกษาระดับประเทศ และก่อนหน้านั้น เมื่อปี 2019 มีการเปิดใช้งานแอปพลิเคชันชื่อ Xuexi Qiangguo ซึ่งแปลได้ว่า "เรียนรู้จากสี เสริมสร้างชาติ" ซึ่งทำเป็นลักษณะเกมตอบคำถามที่เกี่ยวกับแนวคิดของสี จิ้นผิง
1
นายแอนดรูว์ นาธาน ศาสตราจารย์ด้านรัฐประศาสตร์ มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า สี จิ้นผิง เชื่อว่า เขามีหลักการที่ถูกต้องแล้ว และทุกคนต้องยอมรับ "เมื่อใดก็ตามที่ประธานเหมาบัญญัตินโยบาย ทุกคนต้องปฏิบัติตาม ในยุคของสี ก็เช่นกัน"
1
ขอบคุณภาพจาก สำนักข่าวซินหัว
โฆษณา