26 ต.ค. 2022 เวลา 11:12 • กีฬา
#SSColumn | #SSบอลโลก
พรีวิวฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม : กลุ่ม D
โดย : เบียร์ หลังหนาม
และแล้วสัปดาห์นี้เราก็พาทุกท่านมาถึงกลุ่ม D ซึ่งในกลุ่มนี้มีแชมป์เก่าอย่าง ‘ฝรั่งเศส’ ยืนพื้นอยู่ ความสนุกของกลุ่ม D นี้ นอกจากที่จะได้เห็นเหล่าซุปเปอร์สตาร์จากแดนน้ำหอมวาดลวดลายบนสนามแล้ว ที่เหลือก็คงเป็นการขับเคี่ยวแย่งชิงอันดับ 2 ของกลุ่ม จากทั้ง 3 ทีมชาติที่เหลือ
ทว่าเมื่อมองดูดี ๆ ‘เดนมาร์ก’ ก็เอาเรื่องอยู่ไม่น้อย พวกเขาอาจจะเป็นก้างขนาดใหญ่ให้กับฝรั่งเศส!?
กลุ่ม D ประกอบไปด้วย : ฝรั่งเศส , ออสเตรเลีย , เดนมาร์ก , ตูนิเซีย
1.ฝรั่งเศส
‘ทีมชาติฝรั่งเศส’ เข้าร่วมฟุตบอลโลกครั้งที่ 22 มาได้อย่างง่ายดาย ด้วยการจบเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม D ในรอบคัดเลือกโซนยุโรป ถือเป็นตัวแทน 1 ใน 13 ชาติจากทวีปยุโรป หนำซ้ำพวกเขายังมีดีกรีเป็นถึงแชมป์เก่าสมัยล่าสุดอีกด้วย
⚽️ อันดับ Ranking ใน FIFA : อันดับที่ 4
⚽️ โค้ช ปัจจุบัน : ดีดีเยร์ เดช็อง / สัญชาติฝรั่งเศส
โค้ชใหญ่ของทีมชาติฝรั่งเศส ยังคงเป็น ‘ดีดีเยร์ เดช็อง’ คนดีคนเดิม เขาคือชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้กุนซือทีมชาติมาแล้วกว่า 10 ปี และเป็นคนที่พาฝรั่งเศสคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในครั้งก่อนมาได้ ดังนั้นจึงไม่มีใครตั้งข้อครหากับฝีไม้ลายมือของเดช็องเลย
ในฟุตบอลโลกหนนี้ เดช็องยังเป็นบอสใหญ่นำทัพทีมชาติ ก่อนที่สัญญาการคุมทีมของเขาจะหมดลงในช่วงสิ้นปีนี้ น่าสนใจว่าฟุตบอลโลกครั้งที่ 22 เขาจะสามารถพาทีมไปถึงจุดสูงสุดอีกครั้งได้หรือไม่?
ส่วนแบบแผนที่เดช็องใช้นั้นก็มีอยู่หลากหลายด้วยกัน เพราะด้วยตัวผู้เล่นที่มีให้เลือกหยิบใช้และเต็มไปด้วยมาตรฐาน ซึ่งแผนการของเขาที่มักจะเห็นอยู่บ่อย ๆ จะเป็นในรูปแบบ 3-4-1-2 ตามด้วย 4-3-3 และ 4-2-3-1
⚽️ สภาพความพร้อมของทีมและนักเตะดาวเด่น
เรียกได้ว่าทีมชาติฝรั่งเศสนั้นเต็มไปด้วยซุปเปอร์สตาร์ในทุก ๆ ตำแหน่ง และแต่ละคนล้วนค้าแข้งอยู่ในทีมดังในลีกยุโรปด้วยกันทั้งนั้น
‘คาริม เบนเซม่า’ จาก ‘เรอัล มาดริด’ เจ้าของบัลลงดอร์สมัยล่าสุด คือสตาร์ผู้นำทัพทีมชาติคนสำคัญ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีอาการบาดเจ็บอยู่เล็กน้อย แต่ดูจากอาการแล้วคงไม่มีปัญหาอะไร และเชื่อว่าเขาจะทุ่มสุดตัวกับบอลโลกในครั้งนี้เป็นอย่างมาก เนื่องด้วยฟุตบอลโลกหนก่อน เบนเซม่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการคว้าแชมป์กับเพื่อนๆ เพราะปัญหาส่วนตัว อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ว่าฟุตบอลโลกครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายของเขาในฐานะนักฟุตบอล
คนต่อมาที่ต้องพูดถึงคือ ‘คีลิยัน เอ็มบัปเป้’ ฉายาท่านประธานจาก ‘ปารีส แซงต์ แชร์กแมง’ ที่เป็นขุมกำลังสำคัญในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกหนเก่า ในปีนี้เขายังคงเป็นอาวุธหนักของฝรั่งเศสที่ขาดไม่ได้ จากนั้นก็ตามมาด้วยตัวทีเด็ดในแนวรุกอย่าง ‘โอลิวิเยร์ ชิรูด์’ จาก ‘เอซี มิลาน’ , ‘อุสมาน เดมเบเล่’ จาก ‘บาร์เซโลน่า’ , ‘อองตวน กรีซมันน์’ จาก ‘แอตเลติโก มาดริด’ และ ‘คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู’ จาก ‘อาร์บี ไลป์ซิก’
นอกจากนี้ในตำแหน่งกองกลางและกองหลังก็เต็มไปด้วยผู้เล่นดาวดังอาทิเช่น ‘เอดูอาร์โด้ คามาวินก้า’ และ ‘ออเรเลียง ชูอาเมนี’ 2 กองกลางจาก ‘เรอัล มาดริด’ หรือ ‘เปรสแนล คิมเปมเบ้’ กองหลังจาก ‘ปารีส แซงต์ แชร์กแมง’ , ‘แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์’, ‘ดาโลต์ อูปาเมกาโย’ และ ‘ลูกัส แอร์กน็องเดซ’ จาก ‘บาเยิร์น มิวนิค’ เป็นต้น
และในส่วนของนักเตะคนสำคัญ ที่ได้รับบาดเจ็บก่อนหน้าก็มี ‘เอ็นโกโล ก็องเต้’ จาก ‘เชลซี’ ที่ต้องพักยาวไปแล้ว ‘ราฟาแอล วาราน’ กองหลังของ ‘แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด’ ที่ต้องติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ส่วน ‘ปอล ป็อกบา’ ของยูเวนตุสเริ่มหายเจ็บกลับมาแล้ว แต่ยังอยู่ในช่วงของการเรียกความฟิตกลับคืน
ภาพรวมสำหรับทีมชาติฝรั่งเศสถือว่าพร้อมมาก ถึงแม้จะมีคนเจ็บอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบขนาดใหญ่ต่อทีม พวกเขามีนักเตะที่เต็มไปด้วยคุณภาพและสามารถทดแทนกันได้ เรียกได้ว่าพร้อม 100%
.
⚽️ คาดการณ์ผลงานในรอบแบ่งกลุ่ม
ตำแหน่งอันดับ 1 ของกลุ่มคงไม่หลุดมือทีมชาติฝรั่งเศสเป็นแน่ พวกเขาถือเป็นทีมที่มีความพร้อมสูง และมีศักยภาพเพียงพอที่จะเป็นแชมป์ได้อีก 1 สมัย เชื่อว่าในรอบแบ่งกลุ่มของทีมชาติฝรั่งเศส คือการวอร์มเครื่องให้ร้อนก่อนที่จะไปเจอตัวโหด ๆ ในรอบถัด ๆ ไป ถ้าจะมีสักทีมหนึ่งที่คอยขัดแข้งขัดขาอยู่ในรอบแบ่งกลุ่มคงจะเป็น ‘เดนมาร์ก’ นี่แหละ
2.ออสเตรเลีย
กว่าที่ ‘ทีมชาติออสเตรเลีย’ จะเข้ามาเล่นฟุตบอลโลกครั้งนี้ได้ เรียกได้ว่าสมบุกสมบันกันเลยทีเดียว พวกเขาจบเป็นอันดับ 3 ของกลุ่ม B ในรอบคัดเลือกโซนเอเชียรอบที่ 3 จากนั้นก็ไปเฉือนเอาชนะ ‘ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์’ ในรอบที่ 4 และสุดท้ายต้องไปลุ้นดวลจุดโทษกับ ‘ทีมชาติเปรู’ ที่มาจากโซนอเมริกาใต้ จนในที่สุดออสเตรเลียคือ 1 ใน 6 ทีมเป็นตัวแทนจากทวีปเอเชียในครั้งนี้
ทีมชาติออสเตรเลียถือเป็นขาประจำของฟุตบอลโลก แต่ผลงานภาพรวมของพวกเขาในรายการ 3 ครั้งหลังสุด ยังไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ น่าสนใจว่าฟุตบอลโลกหนนี้พวกเขาจะต่างไปจากเดิมไหม?
⚽️ อันดับ Ranking ใน FIFA : อันดับที่ 38
⚽️ โค้ช ปัจจุบัน : เกรแฮม อาร์โนลด์ / สัญชาติออสเตรเลีย
‘เกรแฮม อาร์โนลด์’ คือคนที่ทำงานกับทีมชาติออสเตรเลียมานาน ซึ่งเริ่มแรกเขาเป็นผู้ช่วยโค้ชในชุดที่ลุยศึกฟุตบอลโลกปี 2006 และ 2010 จากนนั้นก็ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งโค้ชใหญ่อย่างเต็มตัวต่อจาก ‘แบร์ต ฟัน มาร์ไวก์’ หลังฟุตบอลโลกปี 2018
สำหรับอาร์โนลด์ นี่ถือเป็นฟุตบอลโลกครั้งแรกในฐานะโค้ชใหญ่ น่าสนใจว่าวิธีการทำทีมของเขาจะต่างออกไปจากคนก่อน ๆ อย่างไรบ้าง?
แผนการที่อาร์โนลด์ถนัดมีตั้งแต่ 4-4-2 , 4-2-3-1 และ 4-3-3
⚽️ สภาพความพร้อมของทีมและนักเตะดาวเด่น
นักเตะทีมชาติออสเตรเลีย เป็นการผสมผสานกับระหว่างนักเตะที่ค้าแข้งอยู่ในลีกบ้านเกิด กับอีกส่วนที่ไปค้าแข้งอยู่ในยุโรป และหากดูชื่อเสียงของนักเตะตัวหลัก ๆ แล้ว ยังถือว่ายังเป็นรองให้กับชาติอื่น ๆ อยู่มาก
สตาร์ดังคนสำคัญของทีมชาติออสเตรเลียคือ ‘แมทธิว เลคกี้’ ศูนย์หน้าคนสำคัญจากทีม ‘เมลเบิร์น ซิตี้’ ที่รับหน้าที่เป็นกัปตันทีมชาติในครั้งนี้ ต่อมาคือ ‘แมทธิว ไรอัน’ นายประตูมือฉมังจาก ‘โคเปนเฮเกน’ และ ‘อารอน มอย’ มิดฟิลด์มากประสบการณ์จาก ‘เซลติก’ ที่จะเป็นตัวคุมจังหวะเกมให้กับทีมชาติออสเตรเลีย และอีกคนที่น่าจับตามองคือ ‘เอเวอร์ มาบิล’ ปีกตัวจี้ด หนึ่งในความหวังของทีมชาติที่กำลังค้าแข้งอยู่ใน ‘คาดิซ’ ในลีกลาลีก้า
ถ้าให้พูดถึงความพร้อมของทีมก็พูดได้ว่าพร้อมอยู่ ผลงานในช่วงที่ผ่านมาของพวกเขาก็ถือว่าทำออกมาได้ดี ทว่าเมื่อทีมต้องไปเผชิญกับคู่แข่งที่อยู่ในระดับที่เหนือชั้นกว่า ไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะรีบมือกับมันได้ดีแค่ไหน?
⚽️ คาดการณ์ผลงานในรอบแบ่งกลุ่ม
เมื่อมองจากขุมกำลังที่ออสเตรเลียมี เชื่อว่ายังเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะเข้าไปสู่รอบต่อไป เพราะนอกจากฝรั่งเศสที่เต็งจ่าฝูงของกลุ่มแล้ว เดนมาร์กคืออีก 1 ทีมที่เป็นไม้ใหญ่ขว้างทางพวกเขาอยู่ ศึกในครั้งนี้ อาร์โนลด์ผู้เป็นโค้ชต้องงัดลูกไม้ทุกอย่างที่เขามีออกมา เหมือนตอนที่เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ทีมเข้ามาเล่นฟุตบอลโลกให้ได้
3.เดนมาร์ก
‘ทีมชาติเดนมาร์ก’ ผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลกครั้งนี้มาได้โดยการจบเป็นที่ 1 ของกลุ่ม F ในรอบคัดเลือก คว้าตั๋วโควตาในฐานะ 1 ใน 13 ทีมจากทวีปยุโรปมาได้โดยไม่ยากเย็นนัก
ทีมชาติเดนมาร์ก ถือเป็นทีมที่เทียวไปเทียวมาในฟุตบอลโลก คือไม่ได้มาติดกันทุกปี แต่ก็โผล่มาให้เห็นบ่อย ๆ ซึ่งผลงานครั้งล่าสุดในฟุตบอลโลกปี 2018 พวกเขาเข้าไปถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่ดันไปแพ้ดวลจุดโทษให้กับรองแชมป์อย่าง ‘โครเอเชีย’ อย่างน่าเสียดาย
ทว่าเดนมาร์กชุดลุยบอลโลกปีนี้ ดูมีความแข็งแกร่งขึ้นมาจากครั้งก่อน นักเตะตัวหลักของทีมส่วนมากคือนักเตะชุดที่พาทีมเข้าไปสู่รอบรองชนะเลิศฟุตบอลยูโรปี 2020 ที่ผ่านมา
⚽️ อันดับ Ranking ใน FIFA : อันดับที่ 10
⚽️ โค้ช ปัจจุบัน : แคสเปอร์ ฮูลมันด์ / สัญชาติเดนมาร์ก
‘แคสเปอร์ ฮูลมันด์’ เข้ามาทำหน้าที่กุนซือใหญ่ให้กับทัพเดนมาร์กตั้งแต่แต่ปี 2020 ซึ่งผลงานที่เขาทำกับทีมก็ออกมาดูดีเลยทีเดียว เขาเป็นโค้ชที่พาทีมเดินทางไปถึงรอบรองชนะเลิศในศึกฟุตบอลยูโรปีล่าสุด นอกจากนั้นยังพาเดนมาร์กเข้ามาเล่นในฟุตบอลโลกครั้งนี้ได้อย่างง่ายดาย
ฮูลมันด์เป็นโค้ชที่มีอารมณ์ร่วมกับเกมสูง เขาเป็นคนที่เลือกใช้งานนักเตะที่มีได้อย่างถูกจุด และยังสามารถแก้เกมได้อย่างชาญฉลาด น่าสนใจว่าในฟุตบอลโลกครั้งนี้เขาจะมีแผนเด็ดอะไรบ้าง?
แผนการเล่นที่ฮูลมันด์ถนัดใช้ได้แก่ 4-3-3 , 3-4-2-1 , 3-4-3 และ 5-4-1 ซึ่งเอาจริง ๆ เขาเป็นคนที่มีแผนการที่หลากหลายมาก ขึ้นอยู่กับว่าเขาต้องไปปะทะกับทีมอะไร
⚽️ สภาพความพร้อมของทีมและนักเตะดาวเด่น
นักเตะทีมชาติเดนมาร์กส่วนใหญ่เป็นชุดผู้เล่นเดียวกับที่ไปลุยศึกฟุตบอลยูโรปี 2020 และหลาย ๆ คนก็ค้าแข้งอยู่กับสโมสรในยุโรป
สตาร์ดังที่นำทัพเดนมาร์กในครั้งนี้คือ ‘คริสเตียน อีริคเซ่น’ กองกลางจาก ‘แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด’ ที่ก่อนหน้านี้เขาเคยหมดสติไประหว่างการแข่งขันยูโรหนล่าสุด ซึ่งในตอนนั้นหลาย ๆ คนเชื่อกันว่าอีริคเซ่นคงต้องจบเส้นทางการค้าแข้งของตัวเองไปแล้ว ทว่าในปัจจุบัน อีริคเซ่นกลับโชว์ผลงานออกมาได้อย่างดีเยี่ยมกับทางต้นสังกัด และดูเหมือนเขาจะพร้อมเป็นอย่างมากสำหรับฟุตบอลโลกในครั้งนี้
ต่อมาคือนายประตูสุดเหนียวอย่าง ‘แคสเปอร์ ชไมเคิล’ จาก ‘นีซ’ , ‘ซิมง เคียร์’ กองหลังจาก ‘เอซี มิลาน’ ‘อันเดรียส คริสเตนเซ่น’ กองกลางจาก ‘บาร์เซโลน่า’ และ ‘ปิแอร์ เอมิล ฮอยจ์เบิร์ก’ กองกลางจาก ‘สเปอร์ส’
ภาพรวมความพร้อมของทีมชาติเดนมาร์ก ถือได้ว่าสมบูรณ์แบบ นักเตะเดนมาร์กชุดนี้มีประสิทธิภาพมากพอที่จะพาทีมเข้าไปสู่รอบลึก ๆ
⚽️ คาดการณ์ผลงานในรอบแบ่งกลุ่ม
โอกาสเข้ารอบของทีมชาติเดนมาร์กถือว่ามีมากอยู่พอสมควร เมื่อเทียบจากชื่อชั้นพวกเขาเป็นรองแค่ทีมชาติฝรั่งเศส แต่ถ้าให้วัดกันตัว ๆ ไม่แน่ว่าทีมชาติเดนมาร์กอาจจะเป็นฝ่ายที่คว้าชัยไปก็ได้ เพราะล่าสุดที่เดนมาร์กเจอกับฝรั่งเศสในศึกเนชั่นส์ลีก พวกเขาสามารถเอาชนะฝรั่งเศสได้แบบไปกลับ!
4.ตูนิเซีย
เข้าร่วมฟุตบอลโลกครั้งที่ 22 ด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม B ในรอบแบ่งกลุ่มโซนแอฟริกา จากนั้นพวกเขาก็ไปเอาชนะทีมชาติมาลีได้ 1 ประตูต่อ 0 กลายเป็นตัวแทน 1 ใน 5 ทีมจากทวีปแอฟริกา
⚽️ อันดับ Ranking ใน FIFA : อันดับที่ 30
⚽️ โค้ช ปัจจุบัน : เจเลล คาดรี้ / สัญชาติตูนิเซีย
‘จาเลล คาดรี้’ คือโค้ชที่สะสมประสบการณ์มามายจากการไปคุมสโมสรต่าง ๆ ในลีกบ้านเกิดและนอกประเทศ จากนั้นเมื่อปี 2021 เขาก็ได้รับบทบาทเข้ามาเป็นผู้ช่วยโค้ชทีมชาติ ก่อนจะขึ้นมานั่งเก้าอี้กุนซือทีมชาติชุดใหญ่เมื่อช่วงมกราคมที่ผ่านมา
ผลงานที่ผ่านมาของทีมชาติตูนิเซียในรายการฟุตบอลโลก พวกเขามักจะจบเส้นทางอยู่ที่รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งสิ่งที่คาดรี้ต้องทำให้ได้ในปีนี้ คือการพาตูนิเซียไปได้ไกลกว่าที่ผ่าน ๆ มา
รูปแบบแผนที่คาดรี้ถนัดใช้ ส่วนมากจะเป็นในรูปแบบของ 4-3-3
⚽️ สภาพความพร้อมของทีมและนักเตะดาวเด่น
นักเตะทีมชาติตูนิเซียนั้นได้กระจัดกระจายไปอยู่ตามสโมสรต่าง ๆ มีทั้งที่อยู่ในลีกยุโรป , ลีกแอฟริกาและลีกเอเชีย
ผู้เล่นดาวดังของทีมชาติตูนิเซียได้แก่ ‘วาบี้ คาซรี่’ กองกลางตัวรุกวัย 31 ปีจาก ‘มงต์เปลลิเยร์’ เขาเป็นผู้เล่นที่เคยค้าแข้งอยู่กับทีมดัง ๆ หลายทีมอาทิเช่น ‘ซันเดอร์แลนด์’ และ ‘แซงต์ เอเตียน’ ประสบการณ์และฝีเท้าของเขานั้นจะเป็นประโยชน์ต่อทีมเป็นอย่างมาก
อีกคนที่ละสายตาไปไม่ได้เลยคือ ‘ฮันนิบาล เมจบรี้’ ดาวรุ่งพุ่งแรงจาก ‘แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด’ ที่เล่นให้กับทีมชาติไปแล้ว 18 นัด จากนั้นก็ตามมาด้วย ‘มอนตาสซาร์ ทาลบี้’ กองหลังจาก ‘ลอริยองต์’ , กัปตันทีมชาติอย่าง ‘ยุสเซฟ เอ็มซาคนี่’ จาก ‘อัล อราบี’ ในลีกกาตาร์
ความพร้อมของทีมตูนิเซียถือว่ามีมากอยู่ แต่ยังดูเป็นเรื่องยากหากจะเทียบชั้นกับฝรั่งเศสและเดนมาร์กที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน
⚽️ คาดการณ์ผลงานในรอบแบ่งกลุ่ม
มองว่าตูนิเซียคือม้ามืดในกลุ่มนี้ ถึงแม้ภาพรวมของทีมจะดูยังไม่ค่อยแข็งแกร่ง แต่จากฟอร์มที่ผ่าน ๆ ของพวกเขาถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเลย หากพวกเขาหวังที่จะเข้ารอบ อย่างน้อย ๆ ต้องเก็บ 3 แต้มจากออสเตรเลียมาให้ได้ก่อน ที่เหลือจากนั้นต้องสู้เต็มที่กับทั้งฝรั่งเศสและเดนมาร์ก ถือว่าโอกาสเข้ารอบของพวกเขายังพอมี
👏 สรุปภาพรวมกลุ่ม D
อย่างที่กล่าวไปตั้งแต่แรก ฝรั่งเศสเป็นทีมที่มีโอกาสมากที่สุดสำหรับการเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม D หากจะมีอะไรคลาดเคลื่อน ก็คงเป็นทีมชาติเดนมาร์กนี่แหละ ที่ทำให้คดีพลิกจนทำให้ทีมน้ำหอมตกไปอยู่อันดับ 2 แต่ถ้ามองอย่างเด็ดขาด ณ เวลานี้ ฝรั่งเศสอันดับ 1 ตามด้วยเดนมาร์กอันดับ 2
ตูนิเซียมีแนวโน้มจะได้อันดับ 3 ไปครอง แต่ถ้างัดฟอร์มที่ดีที่สุดออกมาได้ก็ยังพอมีโอกาสอยู่ อันที่จริงนัดแรกของพวกเขาที่ต้องเจอกับเดนมาร์ก ผลการแข่งขันอาจจะบ่งชี้ได้เลยว่าพวกเขาจะไปจบที่ตรงไหน
ทางด้านของออสเตรเลียดูเป็นไปได้ยากที่สุด เมื่อมองจากทีมแล้ว พวกเขาน่าจะจบด้วยการเป็นอันดับ 4 ของกลุ่ม
SoccerSuck พร้อมนำเสนอรายการที่ได้รู้ความจริง ได้ยิ่งกว่าฟุตบอล!
ผ่านทุกช่องทางของ SoccerSuck TH แล้วที่
สนใจติดต่อโฆษณา
Tel. 065-4695416 (คุณหวา)
โฆษณา