27 ต.ค. 2022 เวลา 04:40 • หนังสือ
ฮุ่ยจื่อกับจวงจื่อ
ฮุ่ยจื่อบอกกับจวงจื่อว่าที่หลังบ้านเขามีต้นไม้ใหญ่หน้าตาอัปลักษณ์มาก แม้มันจะใหญ่แต่ก็ใช้ประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้ เพราะผิวของมันตะปุ่มตะป่ำไปหมด จะเอามาทำเก้าอี้ก็นั่งไม่ได้ เอามาทำเป็นโต๊ะก็วางจานชามไม่ได้ ก็เลยไม่มีช่างคนไหนมาตัดเพื่อไปทำประโยชน์อะไรเลย ก็เหมือนคำสอนของจวงจื่อนั่นแหละที่ว่างเปล่า ไร้ประโยชน์ ไร้คุณค่า จึงไม่มีใครสนใจมัน
จวงจื่อฟังแล้วจึงบอกฮุ่ยจื่อว่า "ท่านก็จะรู้ว่าแมวจับเหยื่อยเก่งมาก แต่เวลาที่มันจับจ้องอยู่ที่เหยื่อแล้วเตรียมตะครุบจะเป็นเวลาที่มันเผลอที่สุด ถ้าเราโยนตาข่ายไปจับแมวตัวนั้น ก็สามารถจับได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่ตัวจามรีที่ใหญ่โตเป็นสัตว์ที่เอาชนะได้ยากมาก ต่อให้เราโยนตาข่ายไปจับ มันก็จะวิ่งแล้วสะบัดหนีไปโดยเราไม่สามารถทำอะไรมันได้เลย แต่ต่อให้จามรีแข็งแกร่งเหมือนหินผมขนาดนั้นมันก็ยังจับหนูสู้แมวไม่ได้อยู่ดี"
กลับไปเรื่องต้นไม้ จวงจื่อบอกกับฮุ่ยจื่อว่า "ต้นไม้ใหญ่ที่ท่านบอกว่าไม่มีใครใช้ประโยชน์จากมัน ก็เพราะท่านพยายามคิดว่ามันจะมีประโยชน์แบบไหนบ้าง ทั้งที่จริงๆ ท่านไม่ต้องนำมาดัดแปลงอะไรเลย แต่ในวันที่แดดร้อนก็สามารถอาศัยร่มเงาจากกิ่งก้านสาขาที่แผ่กว้างของมันเพื่อความร่มเย็น นอกจากนั้นก็ยังสามารถเดินเล่นรอบๆ แล้วชื่นชมลักษณะพื้นผิวตะปุ่มตะป่ำอันมีเสน่ห์ของมันได้ แถมยังวางใจได้เลยว่าจะไม่มีช่างไม้คนไหนมาตัดมาโค่นลงไป มันจะเป็นต้นไม้ใหญ่ต่อไปอีกนาน"
เรื่องเล่าทั้งหมดนี้ต้องการจะบอกอะไร
จวงจื่อต้องการจะบอกว่า แต่ละสิ่งมีประโยชน์ในแบบของมัน แต่จะไร้ประโยชน์ทันที ถ้าใครสักคนพยายามเปลี่ยนแปลงให้มันกลายไปเป็นสิ่งอื่น
เมื่อไหร่ก็ตามที่เรารู้จักเคารพธรรมชาติภายในตัวเราเอง เราจะรู้เองว่าควรจะอยู่ที่ไหน ควรจะทำอะไร การงานแบบไหน ตอบรับธรรมชาติของเรา นอกจากนั้นเราก็ยังรู้อีกด้วยว่า ที่ไหน และอะไรที่ไม่เหมาะกับเรา
ชีวิตที่มีความสุขคือการเกิดมาเป็นนกแล้วได้บิน เกิดเป็นปลาแล้วได้ว่ายน้ำ
อ้างอิงจาก หนังสือทักษะความสุข
โฆษณา