28 ต.ค. 2022 เวลา 02:08 • หุ้น & เศรษฐกิจ
หุ้นกลุ่มฟินเทค การเงินแห่งอนาคตที่แฝงอยู่ในทุกอุตสาหกรรม
หุ้นกลุ่มฟินเทค คือผู้ให้บริการทางการเงินที่นำเอาเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจทำให้บริษัทที่ไม่ใช่สถาบันการเงินสามารถให้บริการทางการเงินได้ ทำให้โลกของการเงินไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แต่เฉพาะธนาคารอีกต่อไป แต่อาจจะเป็นบริษัททางด้านเทคโนโลยีที่มาเป็นผู้เล่นใหม่แทน
เทคโนโลยีการเงินที่มา Disrupt การเงินดั้งเดิม
ฟินเทค หรือเทคโนโลยีการเงิน (Financial Technology) คือการนำเอาเทคโนโลยีมาปรับใช้กับบริการทางการเงินเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงโปรดักต์ทางการเงินได้ง่ายขึ้นและมีค่าธรรมเนียมที่ถูกลงตลอดจนสถาบันการเงินสามารถลดต้นทุนและเข้าถึงตลาดได้ง่ายขึ้น
กระแสของฟินเทคเกิดขึ้นมาได้หลายปีแล้วจากสตาร์ทอัพในช่วงแรกสามารถเติบโตจนก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นให้นักลงทุนสามารถเข้าลงทุนได้ นอกจากบริษัททางด้านฟินเทคโดยตรงแล้ว ยังมีอีกหลายอุตสาหกรรมที่ได้นำเอาฟินเทคเข้าไปเป็นส่วนสำคัญอย่างเช่นอีคอมเมิร์ซที่พัฒนาระบบการชำระเงินเป็นของตัวเองก็ถือว่าเป็นบริษัทฟินเทคได้เช่นกัน
หรือแม้แต่บริษัท Apple ที่ได้ให้บริการรับฝากเงินและให้ดอกเบี้ยกับผู้ที่เปิดบัญชี Apple Pay ก็ถือว่าได้นำเอาฟินเทคมาปรับใช้กับธุรกิจ ทำให้ฟินเทคกลายเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญที่มีโอกาสเติบโตในยุคนี้
ฟินเทครูปแบบต่างๆ
ฟินเทคมีอยู่ด้วยกันหลากหลายรูปแบบหรือจะกล่าวได้ว่าระบบการเงินดั้งเดิมเป็นอย่างไรก็สามารถนำฟินเทคเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งได้เสมอ แต่โดยหลักแล้วบริษัทด้านฟินเทคมักจะอยู่ในกลุ่มธุรกิจดังนี้
เทคโนโลยีการชำระเงิน (Payment)
การชำระเงินถือเป็นธุรกรรมการเงินที่เบสิคที่สุดและมีวอลลุ่มมากที่สุดแต่มี Pain Point หลายจุดอย่างเช่นค่าธรรมเนียมการโอนเงินระหว่างประเทศ ทำให้มีฟินเทคที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีการชำระเงินเข้ามาแก้ไขปัญหาอย่างเช่น Paypal ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มชำระเงินออนไลน์อันดับสามของโลก หรือผู้ให้บริการ Digital Wallet ต่างๆซึ่งจะทำงานร่วมกับธนาคารในการให้บริการแบบเฉพาะทาง
บริหารความมั่งคั่ง (Wealth Tech)
หุ้นกลุ่มนี้จะแบ่งเป็นสองแบบคือกลุ่มให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์หรือโบรกเกอร์ที่เน้นการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการซื้อขายอย่างเช่น Robinhood ซึ่งเป็นแอปเทรดหุ้นในสหรัฐอเมริกาที่ไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมการเทรดกับลูกค้าหรือจะเป็นกลุ่ม Robo Advisor หรือบริการจัดการเงินลงทุนลูกค้าบนออนไลน์ ซึ่งจุดแข็งของหุ้นกลุ่มนี้คือบริการที่รวดเร็วและค่าธรรมเนียมซื้อขายต่ำ
ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง Buy Now Pay Later
ถือเป็นนวัตรกรรมการเงินที่มาใหม่และมาแรงที่สุดในตอนนี้ โดยหลักการของ Buy Now Pay Later จะเปิดโอกาสให้ผู้ที่ไม่สามารถทำบัตรเครดิตได้สามารถที่จะผ่อนจ่ายค่าสินค้าต่างๆได้ โดยบริษัทฟินเทคที่รับผิดชอบจะทำงานร่วมกับสถาบันการเงินในการบริหารจัดการหนี้ของลูกค้าโดยไม่ต้องไปขอไลเซ่นส์ทางการเงินเองทำให้ยังคงเป็นบริษัทเทคโนโลยีไม่ใช่บริษัทการเงิน หรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซหลายแห่งก็หันมาพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวของตัวเอง โดยหุ้นที่ให้บริการ Buy Now Pay Later รายใหญ่ก็คือ Affirm ที่มีตลาดหลักอยู่ในสหรัฐอเมริกา
กู้ยืมออนไลน์ Digital Lending
ปกติแล้วการที่เราจะขอกู้เงินจะสามารถทำได้ผ่านธนาคารเท่านั้น แต่ปัจจุบันได้มีบริษัทฟินเทคที่เปิดให้คนทั่วไปรวมถึงเอสเอ็มอีสามารถขอกู้เงินได้ผ่านทางแพลตฟอร์มที่ไม่ใช่ธนาคารโดยสามารถทำธุรกรรมต่างๆได้ทางออนไลน์ทั้งหมด ส่วนวิธีการประเมินเครดิตเพื่อปล่อยกู้จะไม่ใช้เกณฑ์ทั่วไปของธนาคารแต่จะใช้ข้อมูลต่างๆที่มีอยู่ในออนไลน์เช่นโซชียลมีเดีย
รวมถึงประวัติการทำธุรกรรมการเงินบนออนไลน์และข้อมูลการขายสินค้าบนอีคอมเมิร์ซสามารถนำมาใช้ประเมินวงเงินกู้ได้ทั้งหมด ทำให้ Digital Lending สามารถเข้าถึงคนที่ไม่เคยได้รับบริการทางการเงินได้ซึ่งคนกลุ่มนี้มีจำนวนมาก
ธนาคารดิจิทัล
คือธนาคารรูปแบบใหม่หรือ Virtual Bank ที่ไม่มีสาขาแม้แต่แห่งเดียวแต่เปิดให้สามารถทำธุรกรรมต่างๆได้เหมือนกับธนาคารแต่อยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งหมด ผู้เล่นในกลุ่มนี้มีตั้งแต่ธนาคารแบบดั้งเดิมที่เข้ามาเปิดตลาดใหม่และผู้เล่นใหม่ที่ไม่ใช่ภาคธนาคาร จุดเด่นของธนาคารดิจิทัลคือต้นทุนการดำเนินงานที่ลดลงเพราะไม่มีสาขาทำให้สามารถเสนอดอกเบี้ยที่สูงกว่าธนาคารปกติได้
ETF ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจฟินเทค
ETF ที่เน้นลงทุนในธุรกิจด้านฟินเทคคือ FINX ซึ่งมีนโยบายลงทุนตามดัชนี Indxx Global FinTech Thematic Index ครอบคลุมมากกว่า 50 บริษัทในธุรกิจฟินเทค โดยพอร์ตฟอร์ลิโอหลักจะเน้นบริษัทในสหรัฐอเมริกาและยุโรป และอีกกองทุนคือ ARK Fintech Innovation ETF หรือ ARKF ซึ่งเน้นลงทุนในบริษัทฟินเทคขนาดเล็กที่อาจจะยังมีสถานะเป็นสตาร์ทอัพอยู่
แนวโน้มการเติบโตของบริษัทฟินเทค
การที่ธุรกิจต่างๆมีการนำเทคโนโลยีการเงินเข้าไปปรับใช้ตลอดจนการเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานในวงกว้างมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่เคยเข้าถึงบริการทางการเงินซึ่งมีจำนวนนับพันล้านรายทั่วโลกทำให้ฟินเทคมีโอกาสที่จะขยายตัวไปได้อีกมาก โดยรายได้ของบริษัทฟินเทคส่วนใหญ่จะมาจากส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมจากการทำธุรกรรม
อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีการเงินบางประเภทอาจจะขัดแย้งกับการกำกับดูแลจากหน่วยงานทางการเงินซึ่งอาจเป็นอุปสรรคที่ทำให้ไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ รวมถึงการเข้าถึงบริการการเงินที่ง่ายกว่ารูปแบบปกติอาจทำให้เกิดปัญหาฟองสบู่จนนำไปสู่วิกฤติทางการเงินได้
จุดแข็ง
** ฟินเทคถูกนำไปใช้ในแทบจะทุกอุตสาหกรรมจึงยังมีอัตราการเติบโตสูง
** กลุ่มคนที่ยังไม่เข้าถึงระบบการเงินในประเทศกำลังพัฒนายังมีอีกจำนวนมากซึ่งกลุ่มนี้จำเป็นต้องใช้ฟินเทค
จุดอ่อน
** บางครั้งฟินเทคอาจถูกกฎหมายการเงินกำกับดูแลจนไม่สามารถให้บริการได้
** ภาวะฟองสบู่และกฎเกณฑ์ที่ไม่เข้มงวดอาจทำให้เกิดวิกฤติทางการเงินได้
หุ้นกลุ่มฟินเทค ยังคงเป็นเมกะเทรนด์ที่มีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอนาคตและธุรกรรมการเงินยังเป็นบริการพื้นฐานที่คนทั่วโลกจำเป็นต้องใช้งานจึงอาจจะมีความผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจโลกไม่มากนัก แต่จะได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาดการเงินแทน
โฆษณา