The Godfather Part 3 ได้รับเสียงวิจารณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก โดยเฉพาะการแสดงของโซเฟีย คอปโปล่าที่กลายเป็นหลุมดำ จนทำให้โศกนาฏกรรมของเธอและตระกูลคอเลโอเน่ดูด้อยลงไป แต่กระนั้น The Godfather Part 3ก็ไม่ใช่หนังที่ไม่ดี เพียงแต่เมื่อเทียบกับ 2 ภาคแรกแล้วมันสู้ไม่ได้ก็เท่านั้นเอง
ปี 2020 ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่าเอา The Godfather Part 3 มาตัดต่อเรียบเรียงใหม่เป็น The Godfather Coda the Death of Micheal Corleone มันกลายเป็นว่า The Godfather Coda ทำให้หนังภาคนี้ยกระดับขึ้นมาใกล้เคียงกับ 2 ภาคแรก
น่าแปลกใจเหมือนกันที่ The Godfather Coda ใช้วัตถุดิบเดียวกันกับ The Godfather Part 3 แต่นำมาตัดสลับฉากใหม่ ใช้จังหวะของการตัดต่อและดนตรีทำให้ตัวหนังทรงพลังขึ้นมาก การแสดงของโซเฟียถูกกลบเกลื่อนจนไม่ใช่จุดด้อยที่สัมผัสได้อีกต่อไป
ในบรรดาเนื้อเรื่องของ The Godfather ทั้ง 3 ภาคต้องยอมรับว่า The Godfather Part 3 มีเนื้อเรื่องที่ซับซ้อนที่สุดในหนังชุดนี้ แต่เดิมนั้นหลังจากคอปโปล่าทำThe Godfather Part 2 ออกฉายเรียบร้อยแล้ว ทั้งตัวเขาเองและมาริโอ ฟูโซ่ไม่เคยตั้งใจที่จะสร้างหนังภาคต่อของ The Godfather ออกมาอีก แต่ทว่าความสำเร็จของหนังทำให้พาราเมาท์บีบให้ต้องมีภาคต่อออกมาและถ้าหากว่าเขาไม่ทำ พาราเมาท์ก็จะหาคนอื่นมาทำ
การแสดงของโซเฟียจึงถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เช่นเดียวกับโครงสร้างของเรื่องที่ซับซ้อนมากขึ้น เมื่อหนังออกฉายมันได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่ค่อยดีนักเมื่อเทียบเคียงกับ 2 ภาคแรก แต่ไม่ได้หมายความว่า The Godfather Part 3 เป็นหนังที่ไม่ดี การได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์หนังยอดเยี่ยมประจำปีนั้นเป็นตัวยืนยันได้ถึงคุณภาพที่ดีของหนัง เพียงแต่มันไม่ได้เป็น godfather ที่คอปโปล่าต้องการให้เป็น จนเขาเอาภาคนี้มาตัดต่อไปเป็น The Godfather Coda the Death of Micheal Corleone
เมื่อตัดต่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว คอปโปล่าเชิญไดแอน คีตันและอัล ปาชิโนมาดูหนังฉบับนี้ทั้งคู่ตกใจว่ามันใช่เรื่องเดียวกันกับที่ออกฉายไปเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วหรือไม่ เพราะทั้งคู่ยืนยันว่ามันสมบูรณ์และดีงามกว่า The Godfather Part 3 มาก