28 ต.ค. 2022 เวลา 13:36 • หนังสือ
แฮร์รี่ พอตเตอร์ฉบับหัวขบถ [โหมดเอาจริง]
Ch08: เซเวอรัส สเนป
[1]เรารู้จักเขาจริงหรือคิดไปเองว่ารู้
คนมากมายที่ทำตัวเป็นกูรูเกี่ยวกับ 'เซเวอรัส สเนป' มีมุมมองร่วมกันว่า "เขาเป็นพ่อมดเก่งกาจอันดับต้นๆ ของโลกเวทมนตร์ เขารักในศาสตร์มืดและเกลียดมักเกิ้ลรวมถึงลูกมักเกิ้ลทั้งหมด แต่เขาหลงใหลลิลี่แค่ตัวเธอโดยไม่สนใจคนอื่น พอเธอถูกโวลเดอร์มอร์หมายหัวก็เลยย้ายข้าง" แต่หลังจากย้ายข้างแล้วถ้าเราถามต่อว่า "สเนปคนดีมั้ย?" งานนี้รอเก็บศพทั้งสองฝั่งเพราะตีกันตายจริงๆ สเนปจึงเป็นเหมือนเสาหลักที่ทำให้จักรวาลแฮร์รี่ พอตเตอร์ยังมีมนตร์ขลังเสมอ เพราะแม้หนังสือจบตั้งแต่ปี 2007 แท้ๆ แต่คนยังเถียงกันไม่จบ
ทั้งๆ ที่สเนปเป็นตัวละครที่บทน้อยมากขนาดว่าหากเรื่องนี้ถูกย่อเหลือเท่าสโนไวท์ของดิสนี่ย์ สเนปคงจะเหลือบทพอๆ กับกระจกวิเศษ แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นตัวละคนนี้กลับเป็นตัวละครเจ้าปัญหาตั้งแต่ปี 1996-ปัจจุบัน เพราะเขาครอบครองความลึกลับน่าสนใจเหนือตัวละครทุกตัวในฐานะตัวละครที่ JK Rowling รักที่สุด (ป้าเผลอยอมรับ Newsweek Web Exclusice 2003) และเรียกเขาว่าเป็นพรจากสวรรค์ท่ามกลางตัวละครทั้งหมดในจักรวาลของเธอในฐานะตัวละครที่มีมิติความลึกและซับซ้อนมากที่สุด แต่เขาเป็นดีมั้ยนะ?
ถ้าถามความเห็นผมนะ "แม้จะมีข้อบกพร่องมากมายแต่เขาเป็นคนดีกว่าตัวละครเกือบทั้งหมดในนิยาย แฮร์รี่ พอตเตอร์ เลยล่ะ"
อย่างไรก็ตามผมไม่ได้มาที่นี่เพื่ออวยสเนป เพราะบทนี่คือบทความวิเคราะห์ตัวละครแบบมุมมองลอดหว่างขา ผมใช้กับตัวละครทุกตัวและเป็นวิธีการที่ผมถนัด แต่ก่อนจะไปที่นั่นขออนุญาตเตือนผู้อ่านซักนิดเพื่อจะไม่สับสนว่าสเนปเห็นได้ชัดว่ามีโรคทางจิตเวชที่ทุกคนน่าจะดูออกแต่ไม่อยากยอมรับ คือ PTSD & Autism Spectrum ซึ่งจะทำให้ตัวละครนี้มีความซับซ้อนมากขึ้นจนไม่สามารถจบในทีเดียว ผมจึงต้องซอยเป็นภาคๆ อีก 2-3 ตอนข้างหน้าก็อาจจะยังอยู่กับเรื่องราวของเขา
ใครเป็นแฟนสเนปอ่านกันยาวๆ XD
ใน "The Half-Blood Prince" มีการเฉลยว่าสเนปมีพ่อเป็นมักเกิ้ลชื่อ "โทเบียส(Tobias)" นี่ส่งผลต่อการคาดการภูมิหลังของสเนปแบบมหาศาล เพราะหากลองถามชาวอังกฤษทุกคนบนถนนคุณอาจไม่พบคนชื่อนี้เลย โทเบียสเป็นรูปแบบกรีซของคำว่า Tobiah แปลว่า "พระเจ้า(พระยาห์เวห์)นั้นแสนประเสริฐ" มันไม่ใช่ชื่อที่ตั้งส่งๆ หรือพบได้ทั่วไปแบบ แฮร์รี่, เจมส์, รอน, เฟร็ด, จอร์จ ฯลฯ ครอบครัวสเนปจึงต้องเคร่งศาสนามากถึงขนาดอยากสรรเสริญพระเจ้าทุกครั้งที่เรียกหาลูก "พระเจ้าทรงดี พระองค์ดี ทรงแสนดี บลาๆๆ"
ว่าแล้วเพลงก็มา "เพราะพระคุณไม่มีสิ้นสุด ความงดงามไม่มีลบเลือน พระเมตตาทรงดำรงอยู่ตลอดไป----"
โอเค.. แม้ผมจะเป็นคริสเตียนแต่จะไม่โกหก นิกายประสาทแดกมีเยอะ! หลายท่านก็น่าจะเคยผ่านหูผ่านตาบ้างเกี่ยวกับเรื่องของกลุ่มผู้เคร่ง(คลั่ง?)ออกมาประนาม JK Rowling และเผาหนังของเธอ ผมไม่รู้ว่าพวกสเนปอยู่ level ไหน แต่ถ้าคลั่งมากๆ พวกเขาอาจจะยอมฆ่าบุตรแห่งแม่มดดีกว่าปล่อยให้เกิดมารับใช้ซาตาน นี่ฟังดูเหลือเชื่อแต่เป็นไปได้เพราะเหตุการณ์นี้อยู่ในปี 1959-60 ทีนี้ท่านจะเก็ตไม่ต้องสืบเลยว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะสองผัวเมียแต่งงานไม่นานก็คลอด
พวกพริ้นซ์ไม่รู้ว่าไง แต่พวกสเนปคงไม่ยอมรับสะใภ้แม่มดแน่!
ไม่ว่าระหว่างโทเบียสและไอลีนจะเป็นรักแท้หรือแค่ One Nigth Stand แต่ก็เลือกจะเก็บลูกไว้ ผมไม่ซื้อแนวคิดที่ว่าพวกเขาตั้งชื่อลูกตามจักรพรรดิ 'ลูเซียส เซ็ปติมัส เซเวอรัส' เพราะ "Eileen Prince" มันแปลตรงๆ ว่า "เจ้าชายผู้ถือคบเพลิงส่องนำทาง" ซึ่งหมายถึงองค์พระเยซูคริสต์ เห็นได้ชัดว่า JK Rowling เซ็ตเกี่ยวกับครอบครัวนี้ให้เป็นไปในทางศาสนา ดังนั้นชื่อของเด็กควรเป็น 'นักบุญเซเวอรัสแห่งเนเปิล' มากกว่า
แล้วจำเรื่องตีมศาสนาของครอบครัวสเนปไว้ในหัวดีๆ นะครับเพราะมันจะเปิดเผยอะไรเยอะมาก!
JK Rowling มีความซาดิสม์
นี่เป็นคำอธิบายแบบกว้างๆ เกี่ยวกับตัวละครที่ทำให้สิ้นหวังมาก pottermoreและเวปไซต์ทางการอื่นๆ ของ JK Rowling ไม่เคยอธิบายเกี่ยวกับซิเรียสหรือแฮร์รี่หรือตัวละครใดๆ ในลักษณะนี้ พวกเขาอาจจะถูกอธิบายถึงวัยเด็กที่ไม่มั่นคงและโดดเดี่ยวเพราะครอบครัวแย่กับเขาแต่ไม่ใช่ desperately(สิ้นหวัง) และขอโทษนะ "...childhood he had with a harsh father who didn't hold back when it come to the whip" ภาพของผู้เสพความตายหนุ่มที่ข่มขู่พ่อตัวเองด้วยความเกลียดชังต่อมักเกิ้ลทั้งโลกแม่งพังพาบเรียบร้อยแล้วครับ
คือก่อนอื่น.. คำว่า 'childhood' ทีแรกผมก็คาดหมายว่ามันจะหมายถึงแค่ช่วงก่อนวัยรุ่นจนผมตรวจสอบจากบริบทในพจนานุกรมแคมบริดจ์จึงพบว่ามันมีความหมายครอบคลุมกว่านั้นคือประมาณว่าเป็นช่วงเวลาที่เรารู้สึกว่ายังเยาว์วัย หรือยอมรับกันทั่วไปก็คือราวๆ ก่อนอายุ 25 ปีนั่นเอง ดังนั้นสิ่งที่pottermoreสื่อตอนนี้ไม่ใช่แค่เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ที่ถูกพ่อที่ดุร้ายเฆี่ยนตีอย่างเกรี้ยวกราด
แต่ยังแสดงภาพของ "ศาสตราจารย์หนุ่มหัวหน้าบ้านสลิธีรีนที่ถูกพ่อฉีกเสื้อคุมสีดำที่เขาใส่เป็นประจำตอนสอนที่คุกใต้ดินออกแล้วเฆี่ยนจนสลบ"
คือมึงจะฆ่าลูกเหรอ!?
ตั้งแต่เด็กจนกระทั่งอายุราวๆ 24-25 ปี สเนปถูกพ่อเฆี่ยนอย่างโหดร้าย-ไม่ยั้งมือจนกว่าจะหายโกรธ!? นี่ทำให้ผมขยี้หัวตัวเองด้วยความมึนว่าไอลีนแม่งทำอะไรอยู่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำไมไม่ปกป้องลูก!? แล้วศาสตราจารย์สเนปเป็นบ้าอะไรทำไมไม่ชักไม้กายสิทธิ์!? กฎห้ามใช้เวทมนตร์นอกโรงเรียนกำหนดไว้สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 17 ปีเท่านั้นที่หนักสุดคือไม่มีตรงไหนที่บ่งชี้ว่าสเนปปกป้องตัวเอง และเรารู้ว่าสเนปไม่ได้ฆ่าพ่อตัวเองเพราะเรามีหลักฐานในหนังสือมากพอว่าสเนปไม่เคยฆ่าใครมาก่อนจะฆ่าดัมเบิลดอร์
พอพิจารณาเกี่ยวกับความทรงจำวัยเด็กของเขาที่ยืนร้องไห้อยู่ที่มุมห้องขณะพ่อตะโกนใส่แม่ที่ตัวงอด้วยความกลัว โทเบียสและไอลีนน่าจะมีข้อตกลงบางอย่างก่อนแต่งงาน--อย่างน้อยที่สุดคือต้องสาบานว่าจะไม่ใช้เวทมนตร์กับสามี เพราะไม่งั้นเธอไม่น่าจะปล่อยให้มีการทารุณกรรมเกิดขึ้นกับลูกได้ พวกเขาเคยมีความสุขในบ้านหลังน้อยรึไม่? เราไม่รู้เกี่ยวกับโทเบียสแต่คริสเตียนประสาทแดกบางคนเชื่อจริงๆ ว่าการทรมานตนเองและผู้อื่นสามารถล้างบาป โทเบียสทำร้ายลูกเพื่อทำให้เขาบริสุทธิ์ต่อหน้าพระเจ้ารึไม่?
ในอังกฤษก่อนปี 1980 การเฆี่ยนตีเด็กเป็นสิ่งที่ยอมรับได้โดยมีเข็มขัดหนังเป็นอุปกรณ์เบสิคมากๆ แรกๆ เขาน่าจะความรู้สึกแบบเดียวกับซิเรียสด้วยซ้ำคือต่อต้านครอบครัว สเนปเริ่มอยากกลายเป็นอะไรที่พ่อไม่ชอบ--สิ่งที่ตรงข้ามกับคนเคร่งศาสนาหรือผู้รับใช้พระเจ้าก็คือพ่อมดศาสตร์มืดที่น่าเกรงขามเมื่อเวลาผ่านไปมันก็หมุนไปสู่ความรักในศาสตร์มืด ตอนนี้เราจะเข้าใจเขาในเบื้องต้นโดยไม่ต้องเข้ารหัสออทิสติกด้วยซ้ำ แต่เรายังต้องมาร์คไว้ในหัวนะครับเพราะออทิสติกคือสิ่งที่ทั้งช่วยปกป้องและทำร้ายเขาตลอดทั้งซีรี่ย์
จำได้ใช่มั้ยครับว่าช่วงนี่สเนปได้เจอลิลี่!?
ก่อนอื่นผมต้องบอกว่า "ออทิสติกไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้สเนปยึดติดกับลิลี่" ในฐานะที่จบปริญญาโทจิตวิทยาผมพบเจอคนออทิสติกพอควร พวกเขาแม่งมูฟออนจากคนเก่าที่รักปานจะกินได้ง่ายมากถ้าพวกเขาเริ่มคุ้นเคยกับสิ่งใหม่ถ้ามันเข้ากับพวกเขาได้ดี ดังนั้นหากสเนปรักลิลี่เพราะ Autism ไม่กี่ปีหลังเธอตายเขาคงตกหลุมรักดัมเบิลดอร์หรือมักกอนนากัลแทนแล้วเพราะคุ้นเคยกับพวกเขา ดังนั้นผมจึงเชื่อว่าความยึดติดที่เขามีต่อลิลี่ไม่ใช่ Autism หากแต่มีปัจจัยที่ซับซ่อนกว่านั้นซึ่งผมจะพาทุกท่านไปดูพร้อมๆ กัน
รศ. สิริวรรณ สาระนาค ซึ่งเคยเป็นที่ปรึกษาผมสมัยเรียน ป. โท ที่ราม ท่านเป็นผู้ที่เล่ารายละเอียดเกี่ยวกับทางทดลองของ Harry Harlow ในส่วนที่ค่อนข้างจะโหดร้าย นั่นคือนอกเหนือจากการทดลองให้ลูกลิงเลือกระหว่างแม่ขดลวดที่ให้อาหารกับแม่ผ้าขนหนูที่ไม่เคยให้อะไร เขายังลองใส่ใบหน้าที่หน้ากลัว-ส่งเสียงข่มขู่ตลอดเวลาด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นคือลูกลิงยิ่งเกาะแม่ผ้าขนหนูแน่นด้วยความกลัวจะสูญเสียรักและไม่ทิ้งไป นี่อธิบายว่าทำไมเด็กที่ถูกทารุณกรรมมากมายปกป้องพ่อแม่ที่ทำร้ายพวกเขา--ถ้าพวกเขาเชื่อว่ามีรักที่นั่น!
ในตอนเด็กๆ เซเวอรัสเพียงแค่ต้องการหนีไปที่ฮอกวอร์ตกับลิลี่ แต่เมื่อไปอยู่ที่นั่นจริงเขาต้องพบเจอการดูหมิ่นเหยียดหยาม การรังแกอย่างต่อเนื่อง ครูไม่เคยช่วยเหลือหรือปกป้องเขาอย่างจริงจัง เมื่อเขาถูกรังแกทุกคนหัวเราะ ณ จุดนี้สิ่งที่เด็กน้อยสเนปเคยถูกปลูกฝังอย่างต่อเนื่องว่าพ่อตีก็เพราะเขาสมควรได้รับมันเริ่ม 'จริง' มากขึ้นทุกที เขาเริ่มสงสัยว่าลิลี่ตะโกนใส่เขาเพราะเขาเป็นคนไม่ดี เขาถูกเจมส์และผองเพื่อนรังแกเพราะเขาเป็นคนที่ไม่สมควรมีตัวตน บรรยากาศรอบตัวเขาไม่สดใส ไม่มีใครอยากเข้าใกล้เขา
สเนปเริ่มขาดความรู้สึกนับถือตัวเองและมี insecure และ vulnerable ขึ้นมา เขาต้องการแม่ผ้าขนหนูทำให้เขารู้สึกว่าถูกรักแม้ว่ามันจะไม่เคยให้อะไรเขาก็ตามซึ่งลิลี่ก็คือสิ่งนั้น เธอต้องพูดแน่ๆ ว่า "โอ้ เซฟ! ฉันรักเธอ! เพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน!" และน่าจะกอดเขาด้วย แม้เธอจะด่าเขามากแต่คงไม่เคยทุบตีเขาอย่างตั้งใจแน่ๆ นี่เองคือตอนที่ภาวะออทิสติกทำร้ายเขา เขาไม่เข้าใจหรอกว่าเธอตอแหล ก็การแสดงออกเหล่านั้นทำให้เธอดูอบอุ่นสำหรับเขาหนิ ขณะที่เราอ่านหนังสือร้อยรอบก็ไม่เห็นว่าเธออบอุ่นในตอนไหน
และอยากให้ลองคิดตามหลักความจริงด้วยว่าหลังถูกลงแส้อย่างโหดร้าย มีความเป็นไปได้มั้ยที่สเนปจะตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วได้ยินพ่อร้องไห้ขณะสวดอ้อนวอนพระเจ้าของให้ยกโทษต่อความผิดบาปของลูกชายที่เขารัก? เมื่อเขาไม่สบายเป็นพ่ออดหลับอดนอนดูแลเขามั้ย? นี่ก็เป็นแม่ผ้าขนหนูเหมือนกันแค่เป็นเวอร์ชั่นดุร้ายทุบตีแต่กระนั้นก็ให้ความรักและอ้อมกอดแถมให้อาหารด้วย และหลังจากสิ้นสุดมิตรภาพกับลิลี่--แม่ผ้าขนหนูที่แสนน่ารักแต่ไม่มีอะไรให้ สเนปต้องหันไปยึดเหนี่ยวแม่ผ้าขนหนูที่แม้จะใจร้ายเฆี่ยนตีแต่ก็อบอุ่น
ผมทำลิงค์ให้ไปแล้วในตอนของเพ็ตทูเนีย มีช่วงที่อลัน ริคแมนอธิบายเกี่ยวกับสเนป(ซึ่งก็ได้มาจาก JK Rowling แหละ) ว่า "He lives within very tight confines – emotionally, physically. When we finally got to play a scene in what appeared to be his house..." และต่อมา "This was the house that his parents built.." อลันช่วยบอกเราว่าสเนปใช้ชีวิตโลกแคบๆ ของเขา ขาดแคลนอารมณ์ มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนจำนวนน้อย นี่เป็นลักษณะที่พบมากในหมู่คนออทิสติก แล้วต่อมาอลันก็บอกเราว่าบ้านที่เขาอยู่คือบ้านที่พ่อแม่สร้างมาด้วยกัน
ท่านผู้อ่านเห็นอะไรที่นี่!?
ย้อนกลับขึ้นไปดูที่ผมแคบไว้เกี่ยวกับอดีตของสเนป มันไม่ได้พูดว่า "..he and his mother had with a harsh father..." ไอลีนหายไปไหน? เรารู้ว่าแม่ของเขายังมีชีวิตอยู่ตอนที่เขาเรียนปีแรกเพราะเธออยู่กับเขา แฮร์รี่เห็นไอลีนที่นั่นพร้อมบอกเราด้วยว่าเธอช่างเหมือนเขาจริงๆ ว้าว! หนูน้อยสเนปมีรูปร่างหน้าตาของแม่ แต่ชั่งเถอะ โฟกัสกันก่อนว่าหลังจากนั้นเธอหายไป และต่อมาคือ childhood ไม่ใช่ "before being a teenager/an adult"  แล้วหลังสเนปเข้าวัยเบญจเพส ความรุนแรงสิ้นสุด โทเบียสหายไปไหน?
เด็กที่ถูกทารุณกรรมมากมายมีตรรกะแปลกๆ เมื่อลิลี่ทอดทิ้งเขาไม่เหลืออะไรนอกจากพ่อ--แม่ผ้าขนหนูใจร้าย เขากลับไปที่บ้านเพื่อรับความรักที่แลกมาด้วยความปวดร้าว ความไม่พอใจถูกขจัดเพราะเขาไม่มีสิทธิไม่พอใจ เขาควรขอบคุณที่พ่อแม่อุส่าห์เลี้ยงดูเขาจนโตทั้งๆ ที่จนขนาดนี้ เขาไม่รู้จักมักเกิ้ลอื่นเพราะออทิสติกทำให้เขาไม่รู้ว่าจะยุ่งเกี่ยวกับคนเหล่านั้นยังไง
มักเกิ้ลที่เขารู้จักมีแค่พ่อซึ่งเขารักพ่อ
เขาเกลียดมักเกิ้ลได้เหรอ?
ลูกมักเกิ้ลที่เรารู้จักมีแค่ลิลี่ซึ่งเขารักลิลี่
เขาเกลียดลูกมักเกิ้ลด้วยมั้ย?
ถ้าเราเคยดูหนังฝรั่งเราจะพบว่าตั้งแต่ยุค1925+ ฝรั่งมีแนวโน้มจะย้ายออกจากบ้านหลังจากประสบการณ์ที่ไม่ดี ถ้าสเนปเป็นคนปกติเขาจะไม่สามารถอยู่ในโรงเรียนที่เต็มไปด้วยความทรงจำที่เลวร้ายได้ และเขาจะไม่สามารถอยู่บ้านที่เต็มไปด้วยความทรมานได้ แต่เขาไม่ใช่ คนออทิสติกไม่ได้มองโลกแบบนั้นแม้จะเป็นออทิสติกที่มี PTSD อย่างล้ำลึก และ 'สเนป' เป็นนามสกุลมักเกิ้ล การที่เขายังคงยึดนามสกุลนี่มันค่อนข้างชัดว่าเขาไม่ได้เกลียดมักเกิ้ล ชื่อเล่น The Half-Blood Prince ตอกย้ำว่าเขาภาคภูมิใจในเลือดมักเกิ้ล
เราไม่สามารถเห็นด้วยกับแฮร์รี่ที่คิดว่าเขาสร้างชื่อที่น่าประทับใจ--เหมือนที่โวลเดอร์มอร์ทำเพราะเขาเกลียดเลือดมักเกิ้ลของเขา เพราะสเนปไม่ได้สร้างชื่อใหม่สำหรับชีวิตจริงแต่เป็นคล้ายๆ นามแฝงเหมือนที่เราใช้บนอินเตอร์เน็ตทั่วไป เขาไม่ได้ต้องการเปลี่ยนชื่อเป็น Mr. Half-Blood Prince แล้วท่านอย่าบอกนะว่าแล้วลอร์ดโวลเดอร์มอร์ก็ไม่ใช่ชื่อคน-เป็นแค่นามแฝงเหมือนกันปะ? เพราะถ้าท่านแยกแยะไม่ออกระหว่างตรรกะของคนออทิสติกกับตรรกะของคนเป็นจิตเภท ท่านจะหลงทางไปไกลมาก
อ่านเล่ม 6 ดีๆ ทอมแคทไม่ได้ต้องการใช้ชื่อ Lord Voldermord ในฐานะนามแฝง แต่เขาต้องการให้ดัมเบิลดอร์แนะนำเขากับนักเรียนในฐานะศาสตราจารย์ลอร์ดโวลเดอร์มอร์ด้วยซ้ำถ้าเป็นไปได้ แต่สเนป--เขาไม่ได้เกลียดมักเกิ้ลหรือเหยียดลูกมักเกิ้ล เพราะถ้าเขาทำเช่นนั้นทำไมไม่มีตัวกวนคนไหนยกเรื่องนี้ขึ้นมาเล่นงานเขาได้? และอันที่จริงไม่มีตรงไหนในหนังสือที่บ่งชี้ว่าเขาเกลียดหรือเหยียดมักเกิ้ล/ลูกมักเกิ้ลจริงๆ JK Rowling และเวปไซต์ใดๆ ของเธอไม่มีการพูดถึงเขาในลักษณะนั้น
เรื่องราวของสเนปยังไม่จบ แต่ที่จบแล้วแน่ๆ คือจากการที่เราวิเคราะห์มาทั้งหมดนี้มันมากพอที่จะบอกได้ว่าความเชื่ออันแพร่หลายเกี่ยวกับสเนปที่ว่าเขาเกลียดชังมักเกิ้ลและลูกมักเกิ้ลทั้งหมดนั้นเป็นเพียง headcanon ที่ไม่มีหลักฐาน หรืออย่างน้อยที่สุดก็เป็นแค่สมมติฐานของเด็กแว่นหัวบากในเล่ม 6 ที่พยายามเชื่อมโยงทุกสิ่งตามที่ตนอยากให้มันเป็น
โฆษณา