29 ต.ค. 2022 เวลา 04:35 • ประวัติศาสตร์
กลัดกระดุมเม็ดแรกผิด ก็ผิดทั้งยวง 75 ปีปัญหาแคชเมียร์
ปัญหาแคชเมียร์เกิดมาตั้งแต่ ประเทศเป็นอินเดียและปากีสถานซึ่งเคยเป็นบริติชอินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1947
อินเดียก่อนที่จะแบ่งประเทศนั้นประกอบด้วยดินแดนที่อังกฤษปกครองโดยตรง และดินแดนที่เจ้าท้องถิ่นเป็นผู้ปกครองเรียกว่า princely state หรือรัฐมหาราชา ซึ่งมีรวมกันกว่า 565 รัฐ
การแบ่งประเทศบนพื้นฐานของศาสนานี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ตามหลักสิทธิในการกำหนดใจตนเอง ซึ่งให้รัฐมหาราชาทั้ง 565 รัฐเลือกอนาคตได้ 3 ทาง คือ 1. รวมกับอินเดีย 2. รวมกับปากีสถาน 3. เป็นเอกราช โดยยึดหลักเกณฑ์ความต้องการและศาสนาของประชาชน
ในบรรดา 565 รัฐมหาราชานี้ แทบทั้งหมดเลือกไม่ยากที่จะสังกัดอินเดียหรือปากีสถาน แต่มีเพียง 4 รัฐที่มีปัญหาคือ แคชเมียร์ จูนากัร ไฮเดอราบาด และ คาลัต ปัญหาสำคัญของรัฐเหล่านี้คือ 1.ผู้ปกครองและประชาชนส่วนใหญ่นับถือคนละศาสนา 2. ปัญหาความแตกต่างทางชาติพันธุ์แม้นับถือศาสนาเดียวกัน
-กรณี แคชเมียร์ ผู้ปกครองเป็นฮินดู ประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิม ผู้ปกครองต้องการรวมกับอินเดีย สุดท้ายเกิดสงคราม แคชเมียร์ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของสามประเทศคือ อินเดีย (ถือครองพื้นที่ร้อยละ 55) ปากีสถาน (ถือครองพื้นที่ร้อยละ 30) และจีน (ถือครองพื้นที่ร้อยละ 15 เป็นภูเขาสูงที่ไม่มีผู้คนอยู่อาศัย)
-กรณี จูนากัร ผู้ปกครองเป็นมุสลิม ประชากรส่วนใหญ่เป็นฮินดู ผู้ปกครองต้องการรวมกับปากีถาน สุดท้ายถูกอินเดียยึดครองใช้กำลัง
-กรณี ไฮเดอราบาด ผู้ปกครองเป็นมุสลิม ประชากรส่วนใหญ่เป็นฮินดู ผู้ปกครองต้องการเอกราช สุดท้ายถูกอินเดียยึดครองโดยใช้กำลัง
-กรณี กาลัต ผู้ปกครองและประชาชนส่วนใหญ่เป็นมุสลิม แต่มีชาติพันธุ์บัลลูชี่ ชาติพันธุ์หลักในปากีสถานนั้นคือปัญจาบี ปุชตุน และซินดี ผู้ปกครองต้องการเอกราช แต่สุดท้ายยอมเข้าร่วมกับปากีสถาน
จะเห็นได้ว่าแม้สี่รัฐมหาราชามีสิทธิเลือกแต่ในทางปฏิบัติ หากผู้ปกครองเลือกทางที่ขัดต่อศาสนาของชนกลุ่มใหญ่ ย่อมจะเกิดปัญหา ทั้งในกรณีแคชเมียร์ จูนากัร และไฮเดอราบาด สองกรณีท้ายนี้ปัญหาเบาบางกว่าเพราะจูนากัรและไฮเดอราบาดซึ่งมีประชากรส่วนใหญ่เป็นฮินดูถูกผนวกเข้าร่วมกับอินเดียที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือฮินดู
1
แม้อินเดียจะอ้างว่ามหาราชาฮารี ซิงห์ แห่งแคชเมียร์เลือกที่จะรวมเข้ากับอินเดีย ทำให้อินเดียอ้างถึงความชอบธรรมในสิทธิปกครอง แต่ข้ออ้างนี้กลับ-ย้อนแย้ง-กับการกระทำของอินเดียต่อสองรัฐมหาราชาที่เหลือ อินเดียใช้กำลังเข้ายึดครองไฮเดอราบาดทั้งๆที่ผู้ปกครองเลือกที่จะเป็นเอกราช และอินเดียใช้กำลังเข้ายึดครองจูนากัร ทั้งๆที่ผู้ปกครองเลือกที่จะรวมกับปากีสถาน
1
เมื่อกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด ก็ผิดกันทั้งยวง การแก้ปัญหาโดยไม่ย้อนกลับไปที่กระดุมเม็ดแรก มันเหมือนลิงแก้แห ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง ยิ่งเกายิ่งคัน
ถ้าอินเดียเชื่อมั่นเพียงพอว่าการพัฒนาแคชเมียร์ในส่วนที่อินเดียครอบครองตอบ 75 ปีที่ผ่านมา จะทำให้คนแคชเมียร์รักและอยากอยู่กับอินเดีย อินเดียควรปล่อยให้ชาวแคชเมียร์ใช้สิทธิที่พวกเขาถูกพรากไปคือ การทำประชามติเพื่อเลือกอนาคตของพวกเขาเอง
ในดินแดนแคชเมียร์ที่สถานะปัจจุบันคือพื้นที่ถูกยึดครองนี้ อินเดียและปากีสถานควรทำตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติฉบับที่ 47 (1948) ที่กำหนดให้มีการทำประชามติในแคชเมียร์ ว่าประชาชนต้องการที่จะให้แคชเมียร์เข้าร่วมกับอินเดีย ปากีสถาน หรือเป็นเอกราช
1
นั่นคือการแก้กระดุมที่กลัดผิดมา 75 ปี
แต่ถ้าไม่ทำเช่นนั้น ความหวังว่าจะเกิดสันติภาพ สุดท้ายผู้คนจะยอมรับอำนาจรัฐบาล นั่นคือความฝันลมๆแล้งๆ ที่ไม่มีวันเป็นจริง
แต่ถ้าอินเดียยังทำไม่ได้ อย่างน้อย สถานะพิเศษและสิทธิปกครองตนเอง ที่เคยได้รับความคุ้มครองโดยมาตรา 370 ในรัฐธรรมนูญอินเดีย ควรมีอยู่ต่อไป (รัฐบาลโมดียกเลิกมาตรา 370 ไปในปี 2019 ปัจจุบันเรื่องยังคงค้างในศาลสูง) ไม่เช่นนั้น ไม่ต่างจากการต้อนสุนัขให้จนตรอก ต้อนคนให้จนมุม ทางออกสุดท้ายที่พวกเขามีคือ..สู้ตาย
โฆษณา