30 ต.ค. 2022 เวลา 05:16 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องสั้นที่ 6 เกือบไม่ได้สั่งลา
++++++++++++++++++++++++++
1….
[1] วิฬาร์จัดเตรียมเสื้อผ้าเด็กอ่อน 2-3 ชุด ผ้าอ้อม รวมทั้งแป้ง สบู่ อุปกรณ์ต่างๆใส่กระเป๋า เธอไม่ลืมผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้าของตัวเอง ที่จะใส่หลังคลอด เพื่อผลัดเปลี่ยนกลับมาบ้าน เธอกลัวว่าสกลสามีของเธอจะลืมสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นที่ต้องใช้ จึงตรวจเช็คแล้วเช็คอีก
[2] หมอนัดวิฬาร์ให้เข้านอนในโรงพยาบาล เพื่อเตรียมตัวคลอดลูกคนแรก ในวันนี้เธอรู้สึกตื่นเต้นมากๆ ใจเต้นโครมคราม หวั่นไหว ใจหวิวๆ เล็กน้อย เธอจึงอดไม่ได้ที่ต้องรำพึงด้วยความกังวลใจกับ สกล สามีของเธอ ขอให้คลอด ปลอดภัยทั้งตนเองและลูกน้อย
[3] สามีปลอบใจ เพราะเห็นความกังวล ที่ภรรยาแสดงออกมาอย่างชัดเจน “คุณต้องปลอดภัย เดี๋ยวนี้หมอเก่งมากๆ อย่ากังวลไปเลย” พร้อมกระชับอ้อมกอดให้วิฬาร์หายกังวล
[4] เมื่อเดือนที่แล้วไลลา เพื่อนของเธอไปคลอดได้ลูกชายสมความมุ่งมาดปรารถนา แต่ไลลาตกเลือด ต้องนอนโรงพยาบาล 2 สัปดาห์กว่าๆ จึงออกจากโรงพยาบาลได้ ยิ่งทำให้วิฬาร์กังวล กลัวว่าตนเองจะเป็นเหมือนไลลา เพื่อนรักของเธอ
[5] สกลและวิฬาร์ช่วยกันจัดกระเป๋า สิ่งของที่เตรียมไว้ใส่ท้ายรถ ตรวจเช็คให้เรียบร้อย ว่าไม่ลืมอะไรแล้ว เธอกำชับกำชาสามีให้มาดูแลบ้าน ขณะที่เธอนอนโรงพยาบาล
[6] วิฬาร์ยื่นเอกสาร ใบนัด บัตรประชาชนของตนเองที่ห้องทะเบียนของโรงพยาบาล ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง ความดันโลหิตที่เป็นปกติให้กับพยาบาลเรียบร้อย สักครู่เจ้าหน้าที่ ให้เธอนั่งรถเข็น ขึ้นไปยังตึกเตรียมตัวคลอด เธอบอกชื่อตึกพร้อมห้องให้สกล ไปเอาสิ่งของเครื่องใช้มาไว้ ยิ่งเพิ่มความความกังวลใจ รู้สึกกลัว หวั่นใจว่าตนเองอาจจะไม่ได้กลับบ้าน เมื่อวิฬาร์อยู่คนเดียว
[7] เธอนอนในห้องพร้อมกับคนอื่นๆ 10 กว่าเตียงเพื่อเตรียมตัวคลอด ตามหมอนัด วิฬาร์ท้องลูกคนแรก มีอาการแพ้ครรภ์เป็นตุ่มเล็กๆ ผื่นสีแดงตั้งแต่สะโพกลามลงไปปากมดลูก ทำให้คันทรมาน หมอให้ยาทาพอบรรเทาอาการคันลงไปได้เล็กน้อย
[8] หมอบอกเธอว่าเป็นอาการแพ้ครรภ์ หากให้ยาไปรับประทานอาจจะเป็นอันตรายต่อลูกน้อย ดังนั้นเธอต้องอดทน และหมั่นทายา อาการคันจะไม่หายจนกว่าจะคลอดลูก หมอแนะนำว่าห้ามเกา เพราะยิ่งจะเพิ่มความรุนแรงของอาการคันมากขึ้น
[9] ”คุณแม่ท้องอายุ 30 ปี ซึ่งถือว่าอายุเยอะ มักจะมีอาการแทรกซ้อน ภูมิแพ้ครรภ์ก็จะทำให้มีปัญหาตามมาบ้าง แต่ก็ไม่เป็นอันตรายหรอกนะคะ เพราะอยู่กับหมอ คุณแม่ต้องปลอดภัยค่ะ” หมอบอกขณะที่มาตรวจครรภ์ตามปกติที่เตียงของเธอ
2…….
[10] วิฬาร์พยายามหลับตา บังคับให้ตนเองนอนให้หลับตามคำแนะนำของหมอ เพราะหากนอนไม่หลับ ร่างกายจะอ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะเบ่งคลอดให้ลูกออกมา
[11] ตีสอง วิฬาร์รู้สึกเจ็บปวด ร้าวตั้งแต่แผ่นหลังไปถึงปลายเท้า เธอจึงลืมตาขึ้น เห็นผู้ชายคนหนึ่ง แต่งตัวเหมือนบุรุษพยาบาล หน้าตาบึ้งตึงยืนที่ปลายเตียง กำลังโยนลูกบอลสีเขียวใส่ตามร่างกายของเธอ วิฬาร์พยายามปัดลูกบอล ออกไม่ให้โดนร่างของเธอ แต่ผู้ชายคนนั้นยิ่งโยนถี่ขึ้น ถี่ขึ้น จนเธอไม่สามารถปัดลูกบอลออกไปได้ ความเจ็บปวดทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
[12] วิฬาร์รู้สึกตัวตื่นขึ้น ชายคนนั้นหายไปแต่ความเจ็บปวดกลับรุนแรงเพิ่มมากขึ้น มากขึ้น เธอเจ็บท้องจะคลอดเลยฝันไปนั่นเอง สักพักความเจ็บก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่มันไม่หายไป กลับทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม
[13] วิฬาร์แจ้งหมอ ว่าเธอปวดท้องอย่างรุนแรง หมอเดินมาตรวจบอกว่า ปากมดลูกเปิดแล้ว 6 เซ็นติเมตร พร้อมกับสั่งให้เจ้าหน้าที่เข็นเธอเข้าห้องคลอด พยาบาลพยุงร่างของเธอใส่รถเข็น เข้าห้องคลอด ขึ้นขาหยั่ง เสียงคุณหมอเตรียมอุปกรณ์ในการคลอด พร้อมสั่งงานพยาบาลเป็นระยะๆ วิฬาร์เจ็บปวด ร้าวทั้งตัว บั้นเอว แผ่นหลังเหม่อนร่างกายจะขาดออกจากกัน เธอขยับเขยื้อนร่างกายตนเองไม่ได้
[14] เธอได้ยินเสียงมีคนเรียกชื่อเธอ “คุณวิฬาร์ คุณวิฬาร์ อย่าขยับขา อยู่นิ่งๆนะคะ เดี๋ยวกรรไกรจะแทงศรีษะลูกคุณนะคะ” เธอถามตนเองว่า “อยู่ที่ไหน ใครเรียกชื่อ” เธอพยายามตั้งสติ
[15] วิฬาร์ได้ยินเสียงคนคุยกัน “คุณหมอคะ คนไข้ตาลอย ไม่ได้สติแล้วค่ะ” เธอรำพึงในใจว่า ใครเป็นอะไร? เกิดอะไรขึ้น ?ใครตาลอย ?ใครไม่ได้สติ?แต่เสียงนั้นเบามากๆ เธอจำได้ว่าเธอปวดท้อง มาคลอดลูก แต่ว่า….หมอ…..พยาบาล…..ห้องคลอดอยู่ไหน? เธออยู่ที่ไหน? วิฬาร์พยายามลำดับเหตุกมรณ์ เธอรู้สึกได้ว่าลมแรงเหลือเกิน เธอกลัวว่าตนเองจะปลิวไปตามแรงลม จึงแอบอยู่มุมตึกที่สูงตระหง่านบดบังตัวเธอไว้จากลมที่กำลังพัดแรงขึ้น แรงขึ้น
[16] คุณหมอตบขาวิฬาร์อย่างแรง พร้อมเรียกชื่อเธอ “คุณวิฬาร์ คุณวิฬาร์ ลูกคุณจะคลอดแล้ว ตื่นๆๆค่ะ” วิฬาร์รู้สึกตัว และแสบที่ก้น สะโพก เธอรีบขานรับ ค่ะ ค่ะ เสียงคุณหมอถอนหายใจโล่งอก “คนไข้รู้สึกตัวแล้วค่ะ” พยาบาลแจ้งคุณหมอ เสียงคุณหมอพูดกับพยาบาลต่อว่าหมั่นเรียกชื่อคนไข้ให้รู้สึกตัวเรื่อยๆ พยาบาลรับปาก และเรียกชื่อเธอบ่อยๆ
[17] “อยู่นิ่งๆนะคะ กรรไกรเกือบแทงศรีษะของลูกคุณเลยนะคะ หมอกำลังช่วยคุณและเด็กให้ปลอดภัย” เสียงพยาบาลบอก วิฬาร์พยายามตั้งสติและให้ความร่วมมือกับหมอ เพื่อให้ลูกได้ลืมตาดูโลกอย่างปลอดภัย แล้วเมื่อกี้นี้เธออยู่ที่ไหนกัน? ไม่ใช่ที่นี่ นี่คือห้องคลอด วิฬาร์ถามตนเองด้วยความงงงวย
[18] “คุณหมอคะ เด็กถูกสายรกพันคอ ตัวเขียวแล้วค่ะ ไม่ร้องเลย” เสียงพยาบาลช่วยคลอดแจ้งหมอที่ง่วนอยู่กับการกดท้องของวิฬาร์เพื่อให้เลือดเสียออกให้หมด พร้อมๆกับแนะนำให้จับขาเด็กยกขึ้น ให้หัวหย่อนลงมา พร้อบกับตบหลังเบาๆ 2-3 ที
[19] ขณะที่หมอตัดสายรกออกจากร่างของวิฬาร์ เธอรู้สึกได้ว่าเลือดอุ่นๆ ไหลออกจากช่องคลอดเป็นพักๆ แต่ความเจ็บปวดหายไป
[20] เลือดไหลออกมาเรื่อยๆ ไม่หยุด เสียงหมอกังวลใจ พูดกับพยาบาล เลือดแม่ออกเยอะผิดปกติ แต่หมอยังกดท้องของวิฬาร์เป็นระยะๆ ทุกครั้งที่หมอกดท้อง เลือดจะพุ่งกระฉูด ไหลสู่แผ่นหลังของเธออุ่นๆตามแรงกดของหมอ
3…….
[21]เธอรู้สึกเหนื่อย หายใจรวยริน พยายามเปิดเปลือกตาดูลูกที่พยาบาลกำลังจับขา หย่อนศรีษะลงมาชิดท้องของเธอ ตบหลังเบาๆ เสียงหมอบอกให้พยาบาลดูดเสลด เพราะเด็กสำลักน้ำคร่ำ
[22] พยาบาลยัดอุปกรณ์ดูดเสลดเข้าปากเด็ก ดูดเสลด ตบหลังเด็กเบาๆ อีก 2-3ครั้ง พร้อมพูดกับเด็กว่า “ตื่นได้แล้วสาวน้อย ร้องสิคะ “ สักพักเสียงของเด็กค่อยๆร้องดังขึ้น ดังขึ้น ทั่วห้องคลอด “เฮ้อ! ตื่นเสียทีนะแม่สาวน้อย” เสียงหมอพูดกับพยาบาลอย่างโล่งอก พร้อมกับวิฬาร์หลับตาลงอย่างไร้ความกังวลใจ ได้ยินเสียงหมอค่อยๆห่างออกไป ออกไป “ ยินดีด้วยนะคะคุณแม่ คุณได้ลูกสาวค่ะ”
[23] ท้องฟ้าจรดกับพื้นดิน สีขาวเต็มไปหมด วิฬาร์มองไม่เห็นใครเลย ไม่รู้สึกเจ็บปวด อาการคันอย่างรุนแรงของเธอหายยังกับปลิดทิ้ง เหมือนไม่เคยอยู่กับเธอตั้ง 7-8 เดือน เธอมองหาผู้คนรอบๆตัวเธอ แต่ไม่มีใครเลย เธออยู่คนเดียว ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีสกล สามีที่เธอรักที่สุด ลูกน้อยที่เพิ่งคลอดอยู่ที่ไหน? แต่ความกังวลใจหายไปรู้สึกสบายใจ อิ่มเอิบในจิตใจ เข้ามาแทนที่ เธอก้มลงมองตัวเอง ร่างกายเธอไม่มี แขนขา มือเท้า แต่ก็ไม่ได้กังวลใจแม้แต่นิดเดียว
[24] วิฬาร์รู้สึกว่า อากาศค่อนข้างเย็น ”ถ้ามีผ่าห่มสักผืนก็น่าจะดี” วิฬาร์รำพึงกับตนเอง เธอรู้สึกมีความสุข เธอเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ ถ้าบอกว่าเดินเธอก็ไม่เห็นขาของตนเอง เธอค่อยๆลอยไปเรื่อยๆตามแรงลม วิฬาร์มีความอิ่มเอมใจ มีความสุข ไม่มีความกังวล ไม่มีความห่วงหาอาทรใครเลย มีเธอคนเดียวจริงๆ
[25] “คุณสกล สามีคุณวิฬาร์ใช่ไหมคะ? คุณวิฬาร์ตกเลือด อยู่ในห้อง ไอซียูตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว รอเธอฟื้นก่อน รอเวลาเยี่ยม ค่อยเข้าไป ส่วนลูกสาวของคุณ กำลังอบอยู่ในห้องอบเด็กอ่อน เด็กสำลักน้ำคร่ำ อีกวัน สองวัน ค่อยไปรับเด็กมารอคุณแม่ที่ห้องพักคลอดนะคะ” สกลตกใจเมื่อหมอแจ้งข่าวของวิฬาร์ เขารู้ดีว่าภรรยากังวล ไม่สบายใจ เขาพยายามปลอบใจให้เธอหายกังวล แต่ไม่คิดว่าเรื่องที่วิฬาร์กังวลจะเกิดขึ้นจริง
[26] วิฬาร์เคยพูดกับเขาว่า เธออายุมาก และมีอาการแพ้ครรภ์ กลัวว่าวันคลอดจะเป็นอันตราย แต่ไม่คิดว่าวิฬาร์จะตกเลือด สกลพยายามระงับความกังวลใจ เขาเดินไปดูลูกที่ห้องอบเด็กอ่อน มองผ่านกระจกห้องไปยังตู้อบ หมอใช้ผ้าสีขาวปิดตาเด็กไว้ ไม่ใส่เสื้อผ้าที่เขาให้หมอไป คงมีแต่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่ห่อติดกายไว้
[27] เสียงหมอแจ้งอนุญาตให้ญาติคนไข้ให้เข้าเยี่ยมได้ สกลเดินไปดูภรรยาที่นอนแน่นิ่ง เต็มไปด้วยสายระโยงระยาง ชุดคนไข้ของโรงพยาบาลมัดไว้ที่หน้าอกหลวมๆ เสียงพยาบาลเดินมาบอกให้เขาหมั่นเรียกชื่อวิฬาร์บ่อยๆ เพื่อกระตุ้นให้เธอตื่นเร็วขึ้น
[28] สกลนั่งลงเก้าอี้ข้างเตียง เขาจับมือวิฬาร์เบาๆ ก้มลงที่ข้างๆหู เรียกชื่อ “วิฬาร์ วิฬาร์ เราได้ลูกผู้หญิงนะ” เขาเรียกชื่อเธอบ่อยขึ้นๆ รู้สึกสงสาร วิฬาร์มากช่วงที่เธอท้อง เธอทรมาน ทั้งเรื่องอาหารการกิน กินอะไรไม่ได้มาหลายเดือน ยิ่งมีอาการแพ้ครรภ์วิฬาร์กินอะไรไม่ได้ เขาพยายามให้กำลังใจให้คลายความกังวล เธอก็กินข้าวได้บ้างเล็กน้อย
[29] ยิ่งวิฬาร์ท้องแก่ เธอไม่ยอมออกนอกบ้าน เธอบอกว่า อาการคันเพิ่มมากขึ้น บางครั้งมีน้ำเหลืองไหลเยิ้มออกมา เธอรู้สึกอาย กลัวคนอื่นรังเกียจ สกลชวนเธอไปนั่งรถเล่นอย่างที่เธอชอบ แต่วิฬาร์ก็ไม่ยอมไป จนกระทั่งวันที่เธอมาคลอด สกลยิ่งคิดยิ่งกังวล ไม่สบายใจ เขากลัวว่าจะสูญเสียภรรยาสุดที่รักไป อย่างไม่มีวันกลับ วันนี้เป็นวันที่ 5 แล้วหลังจากคลอด วิฬาร์ยังนอนหายใจรวยริน เหมือนคนนอนหลับไม่มีความกังวลใดๆเลย
[30] วันนี้หมอบอกให้เขาเช็ดตัวเปลี่ยนชุดให้วิฬาร์ และให้เรียกชื่อเธอบ่อยขึ้น เขาเรียกชื่อของวิฬาร์ บ่อยยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น เพื่อให้เธอรีบฟื้น
[31] วิฬาร์ได้ยินเสียงเรียกชื่อ เบาๆ แล้วดังขึ้น ดังขึ้น และบ่อยขึ้น บ่อยขึ้น เสียงนี้คุ้นหูเธอมาก วิฬาร์รู้สึกโมโห !! ใครกันที่เรียกชื่อเธอ ไม่รู้จักหยุดจักหย่อน!! เธอลืมตาขึ้น มองเห็นสกล กำลังเรียกชื่อเธอ สกลบอกหมอว่า วิฬาร์ฟื้นแล้ว ด้วยความดีใจ เขาก้มลงกอดเธอด้วยความรัก และหายกังวลใจ “ในที่สุดคุณก็ฟื้น วิฬาร์ คุณฟื้นแล้ว” สกลพูดละล่ำละลัก ด้วยความดีใจ พร้อมกับมือลูบผม ใบหน้าของเธอเบาๆ
[32] สกลบอกเธอว่า เราได้ลูกสาวพร้อมกับอุ้มลูกน้อยใส่มือเธออย่างอ่อนโยน ทนุถนอม วิฬาร์ยิ้มพร้อมน้ำตาแห่งความปิติ ก้มมองหน้าลูกสาว ให้ชัดขึ้น ชีวิตลูกสาว ของเธอเกิดมา แต่เธอเกือบเอาชีวิตไม่รอด เธอพยายามลำดับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นขณะที่เธอหลับไป
[33] วิฬาร์เกือบไม่ได้เห็นหน้าลูกสาว …. เกือบไม่ได้สั่งลาสามีสุดที่รัก ….เธอคิดว่า นี่ใช่ความตายหรือเปล่านะ? ขณะที่เธอหลับไป เธอรู้สึกอยู่คนเดียว ไม่มีสามี ไม่มีลูก ไม่มีงานที่เคยทำ ไม่มีญาติพี่น้อง เธอไปคนเดียว อยู่คนเดียว เธอถามตนเองว่า เธอตายแล้วใช่ไหม?
[34] เพราะความรัก ที่มีต่อสามี และลูกสาวที่น่ารักกระมัง!!!! หรือเพราะยังไม่ถึงเวลาที่จะจากโลกนี้ไป!! จึงทำให้เธอกลับมา เพื่อทำหน้าที่..แม่….หรือ…..ภรรยา เธอสัญญากับตนเองว่า ตั้งแต่นี้ไปเธอจะรักและเอาใจใส่ลูกและสามีให้ดีที่สุด เพราะคลอดลูกครั้งนี้เกือบทำให้เธอจากสามีและลูกไปอย่างไม่มีวันกลับ
ธีม: ชีวิตกับความตายอยู่ห่างกันแค่เอื้อม ช่วงมีชีวิตจงทำดีกับคนที่ตนเองรัก เพราะหากจากไปไม่มีวันกลับ จะไม่มีแม้คำสั่งลา
#ชอบกด like 👍 ถูกใจกด love ❤️โดนใจสุดๆกด Share
#เกือบไม่ได้สั่งลา
#ฐปะนีย์ บุราไกร
#จอมยุทธโกร่งกร่าง
#ขอบคุณมิตรภาพผ่านตัวอักษร
#นักเขียนพันธุ์ X _P2 รุ่น 7 : เรื่องสั้น
โฆษณา