ทำอย่างไรจึงจะพัฒนาตัวเองไปสู่ระดับมืออาชีพได้ ？
คำตอบที่ได้จากหนังสือ
“ไม่ต้องฉลาด ก็มองเห็นโอกาสได้มากกว่าคนอื่น”
ของ [ โคมิยะ คาสุโยชิ ] สรุปได้ดังนี้
ในยุคที่การแข่งขันสูงอย่างเช่นในปัจจุบัน คนที่จะมีงานมีอาชีพที่มั่นคงได้จำเป็นต้องพัฒนาตัวเองจากพนักงานธรรมดาให้เป็นพนักงานระดับมืออาชีพที่เชี่ยวชาญในหน้าที่นั้นๆ ให้มากยิ่งขึ้น
พนักงานระดับมืออาชีพนั้น ไม่ใช่ว่าทำงานมานานจึงถือว่าเป็นมืออาชีพ แต่เป็นคนที่มีความรู้ความเข้าใจและเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆอย่างแท้จริง จากพนักงานธรรมดาจะพัฒนาไปเป็นพนักงานระดับมืออาชีพได้นั้น จำเป็นต้องอาศัย “ความช่างสังเกต” เป็นจุดเริ่มต้น
ปกติคนเรามักจะมองเห็นแค่สิ่งที่เราจะมองเท่านั้น เช่น ตอนที่เราดูเวลาจากนาฬิกาเรามักจะเห็นแค่เข็มสั้นกับเข็มยาวว่ากำลังชี้ไปที่เลขอะไร ซึ่งจะทำให้เรามองไม่เห็นว่า กรอบของนาฬิกาเรือนนั้นเป็นสีอะไร ลักษณะอย่างไร
เนื่องจากสมองของเราไม่ได้บันทึกภาพทุกอย่างเหมือนกล้องถ่ายรูป แต่จะใช้สายตาเลือกดูเฉพาะสิ่งที่ตัดสินใจแล้วว่าจะดู ไม่เช่นนั้นสมองจะได้รับข้อมูลมากเกินไปจนไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าอะไรสำคัญ
จากข้อจำกัดนี้ ผู้ที่ต้องการพัฒนาตัวเองสู่ระดับมืออาชีพจึงต้องมีความช่างสังเกตให้มาก เพื่อที่จะได้มองเห็นรายละเอียดและมีความเข้าใจในสิ่งนั้นอย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
.
ความช่างสังเกต พัฒนาได้หลายวิธี
1. เรียนรู้ให้มากกว่าคนอื่นเล็กน้อยอย่างต่อเนื่อง
ความหมายคือ เรียนรู้ในสิ่งที่จำเป็นต้องรู้ และเรียนรู้ในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้เพิ่มเติมอีกสักเล็กน้อยแต่เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เป็นการสะสมความรู้ที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เรามีมุมมองที่ต่างไปจากเดิมและเข้าใจเรื่องต่างๆลึกซึ้งมากขึ้น
การนำความรู้ที่หลากหลายมาใช้ให้เกิดประโยชน์นั้นทำได้โดยการเชื่อมโยง
หลายครั้งที่ระดับมืออาชีพต้องแก้ปัญหาใหม่ๆที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เขามักจะเชื่อมโยงความรู้ที่ได้จากเรื่องอื่นๆมาร่วมคิดวิเคราะห์ และใช้มุมมองที่ต่างจากเดิมหาวิธีแก้ปัญหานั้น
2. อ่านหนังสือพิมพ์
ในหนังสือพิมพ์มีข่าวหลากหลายประเภท ทั้งข่าวทั่วไป ข่าวการเมือง ข่าวเศรษฐกิจ ข่าวสังคม ข่าวต่างประเทศ ข่าวกีฬา ข่าวบันเทิง ช่วยกระตุ้นความสนใจที่หลากหลายและลึกซึ้งกว่าเดิม ทำให้มองเห็นรายละเอียดที่เหนือกว่าคนอื่น
สำหรับมืออาชีพแล้วเขาจะตั้งข้อสันนิษฐาน หรือ คาดเดาความสัมพันธ์ของข้อมูลและตัวเลขต่างๆ ซึ่งเป็นเทคนิคช่วยให้มองเห็นรายละเอียดยิ่งขึ้นไปอีกขั้น
3. ดูสิ่งปกติให้มากๆ
จะทำให้มีมาตรฐานอยู่ในความทรงจำ เปรียบเหมือนการนำรูปภาพที่เหมือนกัน มาซ้อนทับกัน เมื่อมีภาพที่ผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อยซ้อนทับลงมา เราก็จะรู้ได้ทันทีว่าภาพนั้นไม่เหมือนกับภาพอื่น
ระดับมืออาชีพต้องสังเกตเห็นความผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว หรือ สามารถคัดเลือกสิ่งที่พิเศษออกจากสิ่งปกติได้
4. หาวิธีแก้ปัญหาอย่างถึงที่สุด
ในหลายๆครั้งที่เกิดปัญหายุ่งยาก ซับซ้อน สิ่งที่มืออาชีพทำได้ดีนั่นคือ การมองเห็นปัญหาได้ดีกว่า ซึ่งเกิดจากการสะสมประสบการณ์ที่ได้แก้ปัญหาไว้มาก และในการแก้ปัญหาแต่ละครั้งนั้นต้องทำด้วยความพิถีพิถัน ลองผิดลองถูก ไม่ย่อท้อ ไม่ล้มเลิก จนกว่าจะแก้ปัญหาได้ ทำให้มืออาชีพมองเห็นรายละเอียดใหม่ๆได้มากกว่าคนอื่นจากการลงมือแก้ปัญหาเองอย่างถึงที่สุดมาแล้ว
5. เพิ่มความสนใจให้หลากหลายและลึกซึ้ง
คนทั่วไปสนใจสิ่งที่ชอบเพียงไม่กี่สิ่งเท่านั้น แต่มืออาชีพมีความสนใจที่หลากหลายและลึกซึ้งจึงมักจะมองเห็นรายละเอียดได้มากกว่า
การเปิดใจยอมรับสิ่งต่างๆให้มากที่สุดเป็นวิธีฝึกฝนให้มีความสนใจที่หลากหลายและลึกซึ้ง อีกทั้งยังช่วยให้มองเห็นความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆเพิ่มมากขึ้นด้วย
6. มีความคิด
ระดับมืออาชีพนั้นมีความคิดที่ถูกต้องเป็นพื้นฐาน ความคิดที่ถูกต้องจะนำไปสู่การมีข้อสันนิษฐานที่เหมาะสม เมื่อข้อสันนิษฐานได้ถูกพิสูจน์แล้วว่าเป็นจริงจะทำให้เขามองเห็นกลักการของสิ่งต่างๆ เมื่อมีหลักการก็จะมองเห็นรายละเอียดได้ดียิ่งขึ้น
การพัฒนาความสามารถของตนเองไปเป็นระดับมืออาชีพ นอกเหนือจากทักษะการทำงานพื้นฐานที่ต้องมีความชำนาญแล้ว ยังต้องมีความช่างสังเกตอีกด้วย การเรียนรู้ให้มากกว่าคนอื่นเล็กน้อย การอ่านหนังสือพิมพ์ การดูสิ่งปกติให้มากๆ การหาวิธีแก้ปัญหาอย่างถึงที่สุด การเพิ่มความสนใจให้หลากหลายและลึกซึ้ง รวมถึง การมีความคิดที่ถูกต้องเป็นพื้นฐาน ล้วนส่งเสริมให้ผู้อ่านทุกท่านมีความช่างสังเกตเพิ่มมากขึ้น
เชื่อว่าทุกท่านที่ได้อ่านบทความนี้จะสามารถพัฒนาตัวเองไปเป็นระดับมืออาชีพได้ในไม่ช้า
#ถามหนังสือ
#มืออาชีพ
#ความช่างสังเกต
#ไม่ต้องฉลาดก็มองเห็นโอกาสได้มากกว่าคนอื่น
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
