Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
รีวิวทุกอย่างที่อ่านออก
•
ติดตาม
1 พ.ย. 2022 เวลา 13:12 • หนังสือ
ความสัมพันธ์เป็นเรื่องยากและซับซ้อน
เรามักจะได้ยินคำนี้อยู่บ่อยๆตามวาระโอกาสต่างๆ แต่ในหนังสือ Hold me tight ทำให้เรารู้สึกว่าความสัมพันธ์กับผู้คนมันอาจจะไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น
ผู้เขียนคือ ดร.ซู นักบำบัดการสมรสที่ทำงานในวงการมาหลายสิบปีและได้รับรางวัล “นักจิตวิทยาแห่งปี” จาก APA ในปี 2016 และที่สำคัญเป็นผู้คิดค้นการบำบัดชีวิตคู่แบบ EFT (Emotionally Focused Therapy) หรือการบำบัดที่ให้ความสำคัญที่อารมณ์
ส่วนตัวแล้วที่เราสนใจหนังสือเล่มนี้เพราะว่าเราได้ยินมาว่าการบำบัดคู่รักนั้นซับซ้อน วัดผลยาก และมักจะจบด้วยการหย่าร้าง แต่ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา EFT แสดงให้เห็นว่า 70%-75% ของคู่รักฟื้นตัวจากความทุกข์และมีความสุขกับความสัมพันธ์ได้ ซึ่งเราว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก
เรามักจะรู้สึกว่าการพึ่งพาผู้อื่นทำให้เราอ่อนแอลง แต่จริงๆแล้วมันมีสิ่งที่เรียกว่า Effective Dependency หรือ “การพึ่งพาที่ดี” เหมือนกับเวลาที่เราพึ่งพาพ่อแม่ในวัยเด็ก หรือ ได้รับอาหารจากแม่ในครรภ์ แต่น่าแปลกใจที่พอเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เรากลับถูกสอนให้ดูแลตัวเอง
มีงานวิจัยบอกว่า ยิ่งเราขอความช่วยเหลือจากคู่รักได้มากเท่าใด เราจะยิ่งเป็นเอกเทศและพึ่งพาตัวเองได้มากเท่านั้น ย้อนแย้งไหมคะ :) จากการสังเกตคู่รัก 280 คู่ คนที่รู้สึกว่าสามารถพึ่งพาคู่ของตัวเองได้ มีความมั่นใจมากกว่าที่จะแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง และ มีแนวโน้มจะบรรลุเป้าหมายได้มากกว่า เหตุผลคือเพราะการได้รับการยอมรับและสายสัมันธ์ใกล้ชิดมันมีพลังมหาศาล
ไม่ใช่เพียงแค่ทางจิตใจเท่านั้น แต่ทางร่างกายก็ส่งผลด้วยเช่นกัน ผู้ชายที่มีประวัติต่อเนื่องในการเจ็บกล้ามเนื้อหัวใจได้รับการถามว่า “ภรรยาแสดงความรักต่อคุณหรือไม่?” ในระยะเวลา 5 ปี คนที่ตอบว่า “ไม่” เกิดอาการเจ็บหน้าอกเป็นสองเท่าของคนที่ตอบว่า “ใช่” และมีงานวิจัยที่ใช้สุญญากาศทำให้เกิดตุ่มพองเล็กๆที่มือของอาสาสมัครหญิง และให้เธอถกเถียงกับสามี ยิ่งถกเถียงรุนแรงเท่าไร ตุ่มพองก็ยิ่งหายช้า
ยังมีงานวิจัยชื่อดังที่ให้ลูกลิง เลือกเข้าหาตุ๊กตาแม่ลิง ตัวหนึ่งมีขวดนม อีกตัวเป็นเพียงผ้าอุ่นๆ สรุปคือลูกลิงไม่ได้เข้าหาอาหารแต่กลับเข้าหาความอบอุ่นจากผ้าห่มแทน และยังมีงานวิจัยที่บอกว่าเด็กทารกแรกเกิดที่ได้รับอาหารและน้ำอย่างสมบูรณ์แต่ถ้าไม่มีใครสัมผัสหรือกอดเขาเลย เด็กทารกจะค่อยๆตายลงเช่นกัน
สรุปคือ “ความรักสำคัญ” สำหรับทุกชีวิต เราวิวัฒนาการมาในแบบที่เราต้องพึ่งพิงผู้อื่น และในยามที่ความสัมพันธ์กับแฟน เพื่อน หรือครอบครัวมีปัญหามันจึงกัดกินและกัดกร่อนเราในแบบที่จัดการได้ยาก หนังสือเล่มนี้จึงเขียนถึงวิธีการออกจากปัญหาเหล่านี้ไว้ดังนี้ค่ะ (ในเล่มนี้จะโฟกัสไปที่ความสัมพันธ์ที่เป็นแฟน หรือ คู่แต่งงานเป็นหลัก แต่สามารถนำไปปรับใช้กับความสัมพันธ์อื่นๆได้ค่ะ)
จุดที่น่าสนใจคือ เวลาที่ไปบำบัดส่วนใหญ่แล้ว นักบำบัดอาจจะสนใจอยู่ที่ “ปัญหา” เช่น ความรุนแรง การนอกใจ หรือ ความเบื่อหน่าย แต่สิ่งสำคัญที่ควรจะจัดการคือสิ่งที่อยู่ใต้ปัญหานั้น คู่รักเหล่านี้ “ขาดสัมพันธ์ทางอารมณ์” พวกเขาไม่รู้สึกปลอดภัยทางอารมณ์ หลายๆครั้งปัญหาคือการประท้วงของการขาดสัมพันธ์นี้เพราะความกลัวเป็นระบบเตือนภัยที่สำคัญในร่างกายเรา พอเราไม่รู้สึกปลอดภัยหรือให้ความกลัวได้กระตุ้นอมิกดาลา (สมองส่วนหน้า) แล้ว ร่างกายและพฤติกรรมของเราจะตอบโต้ไปโดยไม่ได้คิดให้ดีก่อน
และเมื่อเราไม่รู้สึกปลอดภัยแล้ว ความสัมพันธ์จะแย่ลงเรื่อยๆอย่างหาทางออกไม่ได้ ในหนังสือเล่มนี้แนะนำการสนทนาเพื่อการเปลี่ยนแปลง 7 รูปแบบค่ะ
- การสนทนาที่ 1: รู้จักการสนทนาปีศาจ
“การสนทนาปีศาจ (Demon dialogues)” ที่พาให้ทุกความสัมพันธ์ล่มจมและแย่ลงได้ง่ายๆ ซึ่งจะประกอบไปด้วยสามรูปแบบ
1. การหาผู้ร้าย ที่กล่าวโทษกันและกัน
2. การเต้นรำประท้วง คนหนึ่งประท้วงด้วยการร้องขอ ส่วนอีกฝั่งตั้งรับและถอยห่าง
3. การนิ่งและหนี คนทั้งคู่ถอยห่างเพื่อป้องกันตัวเอง
การสนทนา 2: หาจุดปวดร้าว
เมื่อเรารู้แล้วว่าเราติดอยู่ในบทสนทนาปีศาจก็ต้องพักลักษณะทั้ง 3 รูปแบบไปก่อน และลองสำรวจหาจุดปวดร้าวของตัวเองและคู่ของตัวเองดู แต่ละคนจะมีจุดที่ปวดร้าวต่างกันตามประสบการณ์และลักษณะนิสัย เช่น บางคนไม่ชอบให้นิ่งเงียบ บางคนไม่ชอบให้พูดเสียงดัง หรือจุดปวดร้าวที่พบได้ทั่วไปคือรู้สึกว่าตนเองเป็น สามี/ภรรยาที่ไม่ดีพอ
การสนทนา 3: กลับไปพิจารณาช่วงเวลาที่มีปัญหา
หลังจากที่เข้าใจจุดปวดร้าวของกันและกันได้แล้ว ลองกลับไปพิจารณาช่วงเวลาที่ทำให้เกิดปัญหา “ร่วมกัน” เช่น ช่วงเวลาที่มีคนถูกทอดทิ้งให้อยู่ลำพัง หรือ ทำผิดต่อกัน ในขั้นนี้ต้องระมัดระวังที่จะไม่กลับไปสู่บทสนทนาปีศาจอีกครั้ง
การสนทนา 4: เผยความเปราะบาง - ชิดใกล้และเชื่อมโยง
โดยส่วนตัวเราว่าขั้นตอนนี้สำคัญมาก เมื่อกลับไปพิจารณาช่วงเวลาที่มีปัญหาแล้ว สิ่งสำคัญคือการเปิดเผยความเปราะบางของตัวเราในสถานการณ์นั้น เช่น “รู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง” “รู้สึกไม่สำคัญ” “รู้สึกกดดัน” เมื่อทั้งสองฝั่งเปิดเผยความเปราะบางของตนเองแล้วจะทำให้เชื่อมโยงกันได้มากขึ้น ในหนังสือเล่มนี้ชี้ประเด็นที่น่าสนใจคือ มีหลายกรณีที่อีกฝั่งไม่รู้เลยว่าเมื่อตนเองทำสิ่งๆหนึ่งจะทำให้อีกคนรู้สึกอย่างไร
เช่น สามีที่ควบคุมและบงการชีวิต รู้สึกว่าภรรยาน่าจะชอบที่มีคนช่วยคิดให้แต่ความเป็นจริงแล้วภรรยากลับรู้สึกอึดอัดและถูกบั่นทอนคุณค่า หรือ ภรรยาที่เรียกร้องให้ใช้เวลาด้วยกัน กลับทำให้สามีรู้สึกกดดันและรู้สึกว่าเป็นสามีที่ไม่ดีพอ จุดสำคัญคือนอกจากเปิดเผยความเปราะบางตัวเองแล้ว บอกให้ชัดว่าสิ่งที่คุณต้องการคืออะไร
การสนทนา 5: ให้อภัยที่ทำร้ายกัน
“ใครๆก็พูดว่าการให้อภัยเป็นแนวคิดที่ดีงาม จนกระทั่งพวกเขามีอะไรบางอย่างที่ต้องให้อภัย” - C.S. Luwis การให้อภัยทำได้ยากเสมอ สิ่งสำคัญในขั้นตอนนี้คือ “การขอโทษ” อย่างจริงใจ การขอโทษที่ดีประกอบไปด้วย 5 ปัจจัย - รู้สึกและห่วงใยต่อความเจ็บปวดของอีกฝั่ง / บอกว่าความเจ็บปวดนั้นสมเหตุสมผลแล้ว / ยอมรับสิ่งที่ตัวเองทำผิด / แสดงความละอายใจและทำให้แน่ใจว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก / สัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างเพื่อช่วยเยียวยา
เมื่อคำขอโทษได้ทำงานแล้ว ที่เหลือก็เพียงแค่ทั้งคู่ต้องร่วมกันอยู่เคียงข้างเพื่อเยียวยาบาดแผล และหากว่าผ่านพ้นไปได้ด้วยดี การให้อภัยก็จะเกิดขึ้น
การสนทนา 6: ผูกพันด้วยการสัมผัส
การสนทนาของมนุษย์เราประกอบไปด้วยคำพูดไม่ถึง 30% ส่วนมากแล้วเป็นภาษากาย การสัมผัสตัวกันเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่ทำให้บาดแผลสมานได้เร็วขึ้น และทำให้อีกฝั่งรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น การสัมผัสที่มักจะได้ผลดี คือ “การกอด” เพราะเรารับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและปลอดภัยได้ในทันที
การสนทนา 7: ถนอมความรักให้ยืนนาน
เมื่อปัญหาได้รับการคลี่คลายแล้ว การถนอมความรักให้ยืนนานก็เป็นเรื่องจำเป็น ขั้นตอนต่างๆมีดังนี้ สรุปและไตร่ตรองเกี่ยวกับจุดอันตรายในความสัมพันธ์ / ฉลองช่วงเวลาดีๆ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ / วางแผนให้มีพิธีการบางอย่างในช่วงเวลาที่จากกันและมาพบกันใหม่ เช่น จะกอดลากันทุกเช้าก่อนออกไปทำงาน และ กอดกันทุกครั้งเมื่อกลับมาบ้าน / ช่วยกันระบุปัญหาในการโต้เถียงที่เกิดขึ้นซ้ำซาก / จดจำและสร้างเรื่องราวที่กลับมารักกันใหม่ / สร้างเรื่องรักแห่งอนาคต เห็นภาพอนาคตที่ความรักงดงาม
คำนิยมปกหลังของหนังสือเล่มนี้มีเขียนไว้ว่า “เป็นหนังสือสำหรับคู่รักอันล้ำค่าและสำคัญที่สุดที่ได้รับการตีพิมพ์ในศตวรรษที่ 21” เราค้นพบว่าสิ่งที่หนังสือเล่มนี้แนะนำเรียบง่ายแต่ยากเหลือเชื่อ การฟื้นฟูความสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เป็นเรื่องยอดปราถนาของคนที่ติดอยู่ในปัญหานี้ เราคิดว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เขียนเพื่อคนที่มีปัญหาเท่านั้น แต่สำหรับคนที่อยู่ในความสัมพันธ์ที่ดีอยู่แล้วก็สามารถยกระดับให้เป็นความสัมพันธ์ที่แข็งแรงขึ้นได้เช่นกันค่ะ :)
2 บันทึก
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย