3 พ.ย. 2022 เวลา 05:01 • การเมือง
ยุโรปถอดใจที่จะไปต่อ ปล่อยให้พี่เบี้มลุยเดี่ยว
สื่อ Politico รายงานว่า ภายหลังการประชุมลับระหว่าง Scholz กับ Macron พวกเขาพบบางสิ่งที่เหมือนกันก็คือ ความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมจากทำเนียบขาว
ดังนั้นพวกเขาเรียกร้องให้ตัดสินใจท้าทายอำนาจทางเศรษฐกิจกับทำเนียบขาวอีกครั้งและพวกเขาขู่ว่าจะเกิดสงครามการค้าเป็นครั้งที่สอง
เนื่องจากแผนงบประมาณอุดหนุนของทำเนียบขาว ถือเป็นมาตรการที่บิดเบือนตลาดอย่างชัดเจน
พวกเขากล่าวต่อว่า นอกจากไม่ช่วยการปกป้องธุรกิจในยุโรปแล้ว วอชิงตันยังดึงดูดบริษัทในยุโรปมาตั้งที่บ้านตนเอง ด้วยการใช้พระราชบัญญัติลดเงินเฟ้อ
1
เพื่อเสนอการลดภาษีและสิ่งจูงใจด้านพลังงานให้กับธุรกิจต่างๆที่จะย้ายฐานมาที่สหรัฐ
พวกเขาเรียกร้องให้ไบเดนหยุดเห็นแก่ตัว และหยุดทรยศต่อพันธมิตรที่ปฏิบัติตามคำสั่งทั้งหมดของเขา โดยไม่บิดพลิ้ว
1
ในขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญการค้ายุโรปชี้ว่า ปารีสและเบอร์ลินถือว่าเงินอุดหนุนของสหรัฐเป็นการละเมิดหลักการของตลาดเสรีโดยตรง และเป็นการแสดงให้เห็นอย่างเปิดเผยของการวิ่งเต้นและการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม
และจนถึงบัดนี้ Macron และ Scholz เริ่มเห็นด้วยกับสิ่งที่คาดไม่ถึง และถ้าหากวอชิงตันยังไม่หยุดดึงดูดบริษัทขนาดใหญ่ ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณและแรงจูงใจของส่วนลดภาษี
ซึ่งปารีสและเบอร์ลินเองจำเป็นต้องเสนอมาตรการตอบโต้การเลือกปฏิบัติต่อทำเนียบขาวเช่นกัน
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวต่อว่า เราได้เห็นความไร้ประสิทธิภาพของยุโรปมากพอแล้วในทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องผลประโยชน์ของตนเองต่อความเสียหายจากการกระทำของสหรัฐ
ถึงเวลาที่ยุโรปจะต้องจัดการอะไรบางสิ่งบางอย่าง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของยุโรปจริงๆ
ในเวลาเดียวกัน Uriel Araujo นักวิจัยด้านความขัดแย้งระหว่างประเทศ ชี้ว่าสหรัฐล้มเหลวในการแยกรัสเซียออกจากเวทีระหว่างประเทศ แม้แต่อินเดียที่เป็นพันธมิตรของอเมริกาก็ยังให้ความร่วมมือกับรัสเซีย
รวมถึงกลุ่มประเทศในอเมริกาใต้ แอฟริกา และเอเชียตำหนิการคว่ำบาตรของรัสเซีย ที่ทำให้ราคาน้ำมันและผลิตภัณฑ์สูงขึ้น
1
จนถึงตอนนี้ประเทศต่างๆ ในยุโรปได้ที่เป็นหุ้นส่วนหลักของสหรัฐ ในการคว่ำบาตรรัสเซีย พวกเขาก็เริ่มมองเห็นและแสดงความสงสัยเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายจริงๆของวอชิงตัน ว่าตกลงจะทำลายยุโรป หรือ รัสเซีย กันแน่
2
Araujo กล่าวต่อว่า การเปลี่ยนแปลงทางความคิดเกิดจากสาเหตุสองประการคือ
ประการแรก ประเทศในยุโรปตกเป็นเหยื่อของวิกฤตพลังงานที่รุนแรง ซึ่งนำไปสู่อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและราคาสินค้าส่วนใหญ่ที่สูงขึ้น
ประการที่สอง ยุโรปหมดอาวุธที่จะส่งไปยังยูเครนได้อีก ประมาณส่งไปหมดแล้ว แค่มีเหลือ ป้องกันตนเองเท่านั้น
นักวิเคราะห์พลังงาน ชี้ให้เห็นถึงความแตกแยกภายในสหภาพยุโรป ซึ่งแม้แต่ประเทศชั้นนำอย่างเยอรมนีและฝรั่งเศส ก็ไม่สามารถตกลงกันว่าจะจัดการกับราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นได้อย่างไร
ถึงแม้ว่าราคาก๊าซธรรมชาติในยุโรป อยู่ในระดับต่ำกว่า 1000 ดอลลาร์ ดูเหมือนราคาถูกลง แต่ไม่มีนายหน้ามาเร่ขายให้อีกแล้ว
ดูตัวอย่างได้จากผู้ให้บริการก๊าซธรรมชาติหลายรายที่ท่าเรือในประเทศสเปน เริ่มจงใจไม่ขนถ่ายก๊าซให้ ด้วยเหตุผลนี้อยู่ที่ราคาก๊าซธรรมชาติเหลวที่ลดลงไป เนื่องจากความต้องการก๊าซธรรมชาติลดลง
ดังนั้นพวกเขาพร้อมที่จะรอจนถึงเดือนปลายพฤศจิกายน 2022 เพื่อให้ราคาดีเหมือนเดิม
นักวิชาการกล่าวว่า บทสรุปสุดท้าย ประเทศพี่เบิ้มในยุโรป เริ่มถอดใจที่จะไปต่อ เพราะธุรกิจและประชาชนของพวกเขาแบกรับภาระอย่างหนัก
พร้อมส่งสัญญาณถามว่า มีทางไหนที่ผู้นำของพวกเขาเอาชนะรัสเซียได้ โดยพวกเขาไม่ต้องรับผลกระทบทางเศรษฐกิจ
ในความเป็นจริง เราพอจะอนุมานได้ว่า ยุโรปกำลังใส่เกียร์ถอยหลังออกจากเคียฟเงียบๆ และปล่อยให้ทำเนียบขาวลุยไปคนเดียว
โฆษณา