4 พ.ย. 2022 เวลา 08:00
ฎีกาที่ 8236/2559
คดีนี้ปรากฏตามแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎรท้ายคำขอของจำเลยที่ 2 ที่ขอให้เรียกทายาทของโจทก์เข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ ที่ระบุว่ามีการจำหน่ายชื่อของโจทก์เนื่องจากตายเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2558 เป็นกรณีที่โจทก์ถึงแก่ความตายระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์และเจ้าหน้าที่ศาลได้รายงานผลการส่งหมายแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2558 ว่า
โจทก์ถึงแก่ความตายแล้ว พร้อมทั้งได้เสนอต่อศาลชั้นต้น แสดงว่าศาลชั้นต้นทราบแล้วว่าโจทก์ถึงแก่ความตายตั้งแต่ก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จึงเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ที่จะต้องมีคำสั่งเกี่ยวกับการมรณะของคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 ดังนั้น ศาลชั้นต้นต้องเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และดำเนินการเพื่อให้มีคู่ความเข้าแทนที่คู่ความที่ถึงแก่ความตาย
1
แล้วส่งสำนวนพร้อมคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คืนศาลอุทธรณ์เพื่อสั่งเกี่ยวกับกรณีที่โจทก์ถึงแก่ความตายและมีคำพิพากษาใหม่ต่อไป การที่ศาลชั้นต้นไม่มีคำสั่งประการใดตามที่เจ้าหน้าที่ศาลเสนอรายงานผลการส่งหมายแจ้งนัดดังกล่าว และอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปโดยทราบว่าโจทก์ถึงแก่ความตายแล้ว และยังไม่มีผู้เข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์
โดยมิได้ดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 เสียก่อน จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นจึงไม่ชอบ
ต่อมาจำเลยที่ 2 ยื่นฎีกา และมีคำขอให้เรียกทายาทของโจทก์เข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ ศาลชั้นต้นได้หมายเรียกทายาทของโจทก์เข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ แต่ทายาทของโจทก์ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งนางสาวศิญาภัสร์ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์เข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ รวมทั้งมีคำสั่งให้ส่งสำเนาฎีกาให้แก่นางสาวศิญาภัสร์ล้วนเป็นคำสั่งและการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรให้ศาลล่างทั้งสองดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำสั่งให้ถูกต้องเสียก่อน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา