6 พ.ย. 2022 เวลา 04:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ย้อนดูเส้นทางวิวัฒนาการทางการเงินของโลกจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
ย้อนดูเส้นทางวิวัฒนาการทางการเงินของโลกจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
เมื่อสักประมาณ 10 ปีก่อน เงินส่วนใหญ่ที่เราใช้เป็นเงินกระดาษ หลังจากนั้นไม่นานเราได้รู้จักกับการทำธุรกรรมทางการเงินผ่าน mobile banking และในปัจจุบันคริปโตเคอร์เรนซีก้าวเข้ามามีบทบาทอย่างมากในวงการการเงินของโลก นี่เป็นเพียงภาพรวมการเปลี่ยนแปลงคร่าวๆ เท่านั้น แต่ประวัติศาสตร์ทางการเงินของโลกเราเกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน มีวิวัฒนาการตามการเปลี่ยนแปลงของโลก และล้วนส่งผลกระทบต่อชีวิตของเราอย่างมาก วันนี้เราจะมาหมุนเข็มนาฬิกาเพื่อย้อนอดีตทำความเข้าใจเส้นทางวิวัฒนาการของเงินกัน
จุดกำเนิดของเงินเริ่มจากการแลกเปลี่ยนสินค้าโดยตรงในสังคมดั้งเดิม (Barter System)
ก่อนที่เงินจะถูกสร้างขึ้นมา มนุษย์ทำการแลกเปลี่ยนสิ่งของกันโดยตรง (Barter System) เช่น เอาวัวมาแลกกับอุปกรณ์ล่าสัตว์ เอาปลามาแลกกับแอปเปิ้ล นี่นับเป็นระบบทางการค้าระบบแรกในประวัติศาสตร์ และแน่นอนว่ามันย่อมมีข้อจำกัดบางอย่าง คือ การแลกเปลี่ยนสินค้ากันโดยตรงนั้นจะสำเร็จได้ต้องเป็นการยอมรับในสินค้าของทั้งสองฝ่าย หากฝ่ายหนึ่งไม่พอใจในสินค้าของอีกฝ่าย การแลกเปลี่ยนก็ไม่สำเร็จ
อีกทั้งในการแลกเปลี่ยน หากสินค้าที่ต้องการแลกเปลี่ยนมีขนาดใหญ่มาก อาจจะเป็นเรื่องยากในการขนย้ายไปอีกที่หนึ่ง นอกจากนี้ยังเกิดคำถามว่าสินค้าแต่ละประเภทควรมีมูลค่าการแลกเปลี่ยนเท่าไหร่ การแลกเปลี่ยนนั้นถึงจะถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรม
แล้วมนุษย์แก้ไขปัญหานี้อย่างไร?
สื่อกลางในการแลกเปลี่ยนตัวแรกของโลกได้ถือกำเนิดขึ้น
เพื่อแก้ปัญหานี้มนุษย์จึงตกลงกันสร้างสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนขึ้นมา สื่อกลางการแลกเปลี่ยนแรกในประวัติศาสตร์ถือกำเนิดขึ้นมาในช่วง 1000 ปีก่อนคริสตกาล โดยมนุษย์ได้นำวัสดุรอบๆ ตัวมาเป็นสื่อกลางในการซื้อขาย เช่น กลุ่มคนที่อยู่ใกล้ทะเลก็นำเปลือกหอยมาใช้เป็นค่าเงินกลางของกลุ่มนั้น ข้อดีของเปลือกหอยคือแข็งแรง มีขนาดเล็กพกพาสะดวก
และอีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจ คือ ชาวพื้นเมืองของเกาะแยป (Yap) ในไมโครนีเซีย (Micronesia) ได้มีข้อตกลงร่วมกันที่จะนำหินปูน (Limestone) ซึ่งเป็นหินหายากในเกาะนั้นมาเจาะรูตรงกลาง และกำหนดให้เป็นสกุลเงินของเกาะ เรียกว่า หินไร (Rai stone)
นี่นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แต่ทั้งนี้มันก็ยังมีปัญหาอยู่เช่นกัน คือ สื่อกลางในการแลกเปลี่ยนนั้นเป็นที่ยอมรับแค่เฉพาะกลุ่มเท่านั้น เช่น หินปูนที่หายากในเกาะแยปอาจจะมีมากในเกาะอื่น และเมื่อชาวแยปต้องการทำการซื้อขายกับคนเกาะอื่น คนเกาะอื่นก็ไม่ยอมรับการชำระด้วยหินไรของชาวแยป เพราะคนเกาะอื่นไม่ได้ยอมรับหินไรในฐานะสื่อกลางการแลกเปลี่ยน เป็นต้น
จุดเริ่มต้นของเงินตรามาตรฐานที่ใช้ในปัจจุบัน
เงินเหรียญ
3
นี่คือจุดกำเนิดของเงินเหรียญ อันที่จริงมีการใช้โลหะเป็นเงินมาตั้งแต่สมัย 2000 ปีก่อนคริสตศักราชโดยอาณาจักรบาบิโลน แต่เหรียญที่สร้างและควบคุมโดยรัฐบาลของประเทศเกิดขึ้นครั้งแรกในช่วง 600 ปีก่อนคริสตกาล
กวีชาวกรีกชื่อ ซีโนฟาเนส (Xenophanes) ได้บรรยายถึงการสร้างเหรียญของกษัตริย์อเลียตเทส (Alyattes) แห่งอาณาจักรลิเดีย (Lydia) (ตั้งอยู่บริเวณประเทศตุรกีในปัจจุบัน) ซึ่งนักประวัติศาสตร์เชื่อว่านั่นคือสกุลเงินแรกในประวัติศาสตร์โลก มันสร้างขึ้นโดยใช้อิเล็กทรัม (electrum: โลหะผสมระหว่างทองคำกับเงินซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ) โดยมีจุดเด่นคือทุกเหรียญจะถูกประทับตราด้วยรูปหัวสิงโตซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์ลิเดีย และระบบเหรียญของอาณาจักรลิเดียนั้นก็ช่วยสนับสนุนการค้าทั้งภายในและภายนอกอาณาจักร
จนส่งผลให้ลิเดียเป็นหนึ่งในอาณาจักรที่มั่งคั่งที่สุดในเอเชียไมเนอร์ จนเกิดวลีที่ว่า “As rich as Croesus” (มั่งคั่งเหมือนพระเจ้าครีซัส) ซึ่งพระเจ้าครีซัสคือกษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งอาณาจักรลิเดีย
หลังจากนั้นการใช้ระบบเหรียญก็แพร่ไปในหลายประเทศอย่างกรีก, เปอร์เซีย, มาซีโดเนีย รวมถึงอาณาจักรโรมันด้วย
เงินจากหนังสัตว์
ก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงจากเหรียญไปเป็นเงินกระดาษ มีรายงานว่าในสมัยจักรพรรดิหวู่ (Wudi) ของจีน (141-87 ปีก่อนคริสตศักราช) มีการสร้างสกุลเงินจากหนังกวางขาวและนำมาตกแต่งอย่างสวยงาม ถือเป็นเงินในรูปแบบธนบัตรชนิดแรกของโลก ซึ่งหลายคนเชื่อว่าเงินรูปแบบนี้เองที่เป็นที่มาของคำว่า Buck ที่เป็นคำแสลงเอาไว้เรียกเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
การเปลี่ยนแปลงมาสู่เงินกระดาษ
ในขณะที่ยุโรปยังคงใช้เหรียญโลหะเป็นสกุลเงินกันอยู่จนถึงศตวรรษที่ 16 ในค.ศ. 700 ในสมัยของจักรพรรดิเจิ้นจง (Zhenzong) ประเทศจีนได้สร้างเงินกระดาษไว้ใช้กันแล้ว ซึ่งนั่นถูกบันทึกว่าเป็นเงินกระดาษชนิดแรกของโลก โดยมันทำมาจากเปลือกของต้นหม่อน
หลังจากนั้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ถึงต้นศรรษวรรษที่ 19 เงินกระดาษก็ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก แต่เงินกระดาษในช่วงนั้นยังไม่ใช่ธนบัตรที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน แต่มันเป็นตั๋วสัญญา ที่อีกฝ่ายสัญญาว่าจะจ่ายทองคำหรือเงินตามจำนวนที่กำหนดไว้
เช่น นาย A ไปซื้อเสื้อที่ตลาดมูลค่า 500 บาท ด้วยเงินกระดาษ พ่อค้าที่ขายเสื้อที่ได้รับเงินกระดาษมาก็สามารถนำเงินกระดาษไปแลกเป็นทองคำมูลค่า 500 บาทได้ที่ธนาคาร ขณะเดียวกันนาย A ที่มีเงินกระดาษมูลค่า 500 บาท นาย A ก็สามารถนำเงินกระดาษไปแลกเปลี่ยนเป็นทองคำหรือเงินมูลค่า 500 บาท เงินกระดาษมูลค่า 500 บาทสามารถนำไปแลกเป็นเหรียญหรือสิ่งของที่มีมูลค่าเท่ากับหรือน้อยกว่า 500 บาทได้
ซึ่งระบบนี้เป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาธนาคารในเวลาต่อมา
Gold Standard คืออะไร ทำไมการประกาศยกเลิกในปี 1971 ถึงเป็นเรื่องสำคัญ
ในปี 1821 สหราชอาณาจักรได้ริเริ่ม Gold Standard (ระบบมาตรฐานทองคำ) ซึ่งเป็นระบบการเงินรูปแบบหนึ่งที่เงินนั้นมีมูลค่าเชื่อมโยงโดยตรงกับทองคำ เช่น ถ้ารัฐบาล A ใช้ Gold Standard และมีทองคำมูลค่า 1,000 บาท รัฐบาล A ก็จะสามารถพิมพ์เงินออกมาเพื่อใช้หมุนเวียนในระบบได้ตามมูลค่าทองที่มีนั่นก็คือ 1,000 บาท
Gold Standard ถูกใช้เป็นระบบการเงินระหว่างประเทศอย่างแพร่หลายในหลายประเทศตั้งแต่ปี 1870 จนถึงช่วงต้นทศวรรษของปี 1920 ข้อดีคือมันสามารถป้องกันเงินเฟ้อได้ (Inflation rate) และยังมีส่วนช่วยในการรักษาเสถียรภาพของราคาสินค้าต่างๆ รวมไปถึงอัตราแลกเปลี่ยนของเงินตราด้วย เพราะรัฐบาลเองไม่สามารถควบคุมการเพิ่มปริมาณเงินได้ คือ ไม่สามารถพิมพ์เงินออกมามากเกินไปได้
แต่ก็มีข้อเสียใหญ่หลวง (ในมุมของรัฐบาล) นั่นก็คือ ธนาคารไม่สามารถควบคุมปริมาณเงินในระบบได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเมื่อเกิดความไม่เสถียรทางเศรษฐกิจ รัฐบาลก็ไม่สามารถหาทองคำมาได้ทันกับความต้องการพิมพ์เงิน แถมการขุดทองยังมีต้นทุนที่สูงมากอีกด้วย นั้นทำให้รัฐบาลต่างๆ เริ่มมองหาหนทางใหม่เพื่อใช้เป็นฐานเศรษฐกิจของโลก ซึ่งก็คือระบบ Fiat Money หรือ “เงินที่ไม่ได้มีมูลค่าในตัวมันเอง”
Fiat Money คืออะไร? ทำไมทำให้รัฐบาลสามารถพิมพ์เงินออกมาได้ไม่จำกัด
Fiat Money หรือ “เงินกระดาษ” คือ เงินที่ไม่ได้มีมูลค่าโดยตัวมันเอง เป็นสกุลเงินที่ออกโดยรัฐบาลโดยที่ไม่มีสินค้าโภคภัณฑ์หนุนหลัง เช่น ทองคำ หรือ แร่เงิน แต่ถูกรับรองโดยรัฐบาลที่ออกสกุลเงินนั้นๆ โดยมูลค่าของ Fiat Money นั้นจะเกิดขึ้นจาก อุปสงค์ อุปทาน (Demand Supply) ความมั่นคงของตัวรัฐบาลผู้ออกเงิน และความเชื่อมั่นของผู้คนที่ถือสกุลเงินนั้นๆ โดยจะไม่อิงกับมูลค่าของสิ่งที่หนุนหลังอยู่เพราะระบบ Fiat Money ไม่มีอะไรหนุนหลัง
ยุคนี้เป็นยุคของ Fiat Money
หลังจากเหตุการณ์ The Nixon Shock ในปี 1971 ถือได้ว่าเป็นจุดสิ้นสุดยุคของ Gold Standard อย่างแท้จริง และหลังจากนั้นแทบทุกประเทศส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ก็หันมาใช้ระบบ Fiat Money จนถึงปัจจุบันนี้
รูปแบบของเงินในยุคปัจจุบันเป็นอย่างไร
การเงินในยุคปัจจุบันดูจะเป็นเรื่องง่ายเพราะเราทุกคนรู้จัก “เงิน” ที่อยู่ในรูปแบบแบงค์ เหรียญต่างๆ และใช้สอยมันแทบจะทุกวันอยู่แล้ว แน่นอนว่าเงินสดยังมีความสำคัญในการใช้อยู่บ้าง แต่อีกทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน นั่นก็คือบัตรเครดิตและบัตรเดบิต
และถัดมาเมื่อสมาร์ทโฟนได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตประจำวันของเรา การทำธุรกรรมต่างๆ ก็ถูกขับเคลื่อนไปอีกขั้นไปเป็นรูปแบบออนไลน์ (Online) ที่เราสามารถใช้เงินที่เป็นเพียงตัวเลขที่อยู่ในรูปแบบของอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-money อย่างที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
รูปแบบถัดไปของเงินคืออะไร คริปโตเคอร์เรนซีจะเป็นนวัตกรรมใหม่ของเงินหรือไม่?
แล้วสกุลเงินเข้ารหัสหรือคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ที่เพิ่งได้รับความนิยมและเข้ามามีบทบาทอย่างมากในระบบเศรษฐกิจโลกราวๆ หนึ่งทศวรรษที่ผ่านมานี้ล่ะ นับเป็นเงินหรือไม่?
หากจะตอบคำถามนี้ก็คงต้องย้อนกลับไปยังพื้นฐานของเงินที่ว่า การมีอยู่ของเงินตั้งอยู่บนข้อตกลงร่วมกันของมนุษย์ในสังคมว่าเป็นสิ่งของบางอย่างที่สามารถรักษามูลค่าและสามารถเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการได้ ดังนั้นมันไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องให้ผู้มีอำนาจ (เช่น รัฐบาล) มากำหนดว่าสิ่งใดควรจะเป็นเงิน ตราบใดที่คริปโตเคอร์เรนซีได้รับการยอมรับจากคนในสังคมว่าสามารถแลกเปลี่ยนสิ่งของและบริการได้ มันก็สามารถที่จะเป็นเงินได้เช่นกันนั่นเอง
___
ติดตามข่าวอื่นๆ และบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่
Facebook Craft - facebook.com/entertostart
Twitter Craft - twitter.com/EntertoStart
Telegram Craft - t.me/entertostart
Telegram News - t.me/entertostart_news
___
ติดตามอ่านบนเว็บไซต์ได้ที่ https://entertostart.co/what-is-money-the-meaning-and-history-of-money/
โฆษณา