4 พ.ย. 2022 เวลา 15:48
ฎีกาที่ 2290/2563
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 กู้เงินจำนวน 1,000,000 บาท โดยจำเลยที่ 2 นำที่ดินจดทะเบียนจำนองเป็นประกันหนี้เงินกู้ของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ให้การว่าจำเลยที่ 2 ไม่เคยนำที่ดินดังกล่าวไปจดทะเบียนจำนองเป็นประกันหนี้เงินกู้ของจำเลยที่ 1 ประเด็นข้อพิพาทในคดีจึงมีว่าจำเลยที่ 1 กู้ยืมเงินจำนวน 1,000,000 บาท แล้วไม่ชำระหนี้จริงหรือไม่ และจำเลยที่ 2 จดทะเบียนจำนองที่ดินเป็นประกันหนี้เงินกู้จำนวนดังกล่าวของจำเลยที่ 1 หรือไม่เท่านั้น
ที่จำเลยที่ 2 ให้การต่อมาว่า จำเลยที่ 2 จดทะเบียนจำนองจำนองเพื่อกระกันหนี้เงินกู้ของตนเองไม่ใช่หนี้ของจำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 2 ไม่ได้รับมอบเงินกู้จากโจทก์เป็นเหตุผลประกอบคำให้การ หากศาลพิจารณาพยานหลักฐานแล้วเชื่อตามที่จำเลยที่ 2 ให้การ ศาลจะต้องพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นผลให้โจทก์ไม่อาจบังคับจำนองโฉนดที่ดินดังกล่าว เพื่อนำเงินมาชำระหนี้ในคดีนี้ได้อยู่แล้ว
ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 ที่ขอให้บังคับโจทก์ส่งมอบโฉนดที่ดินดังกล่าวคืนและจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินและเรียกค่าเสียหายจากโจทก์เนื่องจากจำเลยที่ 2 นำที่ดินดังกล่าวไปจดทะเบียนจำนองกับโจทก์เพราะโจทก์รับปากว่าจะให้จำเลยที่ 2 กู้เงิน 1,300,000 บาท แต่โจทก์ไม่ส่งมอบเงินกู้ดังกล่าวให้จำเลยที่ 2 นั้น ข้อเท็จจริงดังกล่าวจะเป็นจริงหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสาม 179 วรรคท้าย ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 มาตรา 7

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา