ไขข้อสงสัย 4 ห้องหัวใจของรถยนต์ไฟฟ้า มีอะไรบ้าง?
รถยนต์ไฟฟ้า หรือที่เราเรียกกันว่ารถ EV เป็นที่คุ้นหูคุ้นตากันเป็นอย่างดี ยิ่งผู้คนเข้าถึงได้ง่ายเท่าไร ก็ยิ่งส่งผลให้จำนวนรถ EV เข้ามาชิงพื้นที่บนท้องถนนมากขึ้นทุกปี อ้างอิงข้อมูลจากกรมขนส่งทางบกเผยว่า จำนวนรถ EV 100% ที่จดทะเบียนเรียบร้อยแล้วทั้งหมด 4,132 คัน และเพิ่มเป็น 7,747 คันในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2565 แสดงให้เห็นว่ารถ EV ได้รับความนิยมมากขึ้น ประกอบกับการผุดขึ้นของแบรนด์รถ EV ใหม่ ๆ ให้เลือกอีกมากมาย ซึ่งเป็นไปได้ว่าในอนาคตรถยนต์ไฟฟ้าอาจก้าวขึ้นเป็นเซกเมนต์ที่ใหญ่ที่สุดในตลาดรถยนต์
เมื่อเดือนสิงหาคม อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี อนุมัติ 2,923.397 ล้านบาท สนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าตามประกาศกรมสรรพสามิต จึงเป็นสัญญาณที่ดีจากฝั่งรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญจนออกนโยบายมาสนับสนุนให้ประชาชนหันมาให้ความสนใจรถยนต์พลังงานไปฟ้าเพิ่มขึ้น
อีกทั้งประเด็นเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมจากก๊าสคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นผลิตภัณฑ์จากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์รถต์ดาป ที่เป็นที่ถกเถียงในการหาทางออกเรื่องผลกระทบที่มีต่อโลก นำมาซึ่งพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่เป็นทางเลือกใหม่แห่งอนาคตของอุตสาหกรรมรถยนต์ในปัจจุบัน
ปัจจุบันรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันมากขึ้น แต่คนทั่วไปที่ไม่ได้สนใจก็อาจยังมีข้อมูลสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าไม่มากนัก
ทั้งนี้จึงอยากให้ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับองค์ประกอบรถยนต์ไฟฟ้า ไว้เป็นข้อมูลสำหรับประชาชนที่อยากศึกษาหาข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจในอนาคต
4 ห้องหัวใจของรถยนต์ไฟฟ้า
รถยนต์ไฟฟ้ามีจำนวนส่วนประกอบและชิ้นส่วนน้อยกว่ารถยนต์สันดาปภายใน จึงทำให้ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาต่ำกว่ารถยนต์โดยทั่วไปหลายเท่า ด้านส่วนประกอบสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้าจะคล้ายกับรถบังคับของเล่น ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ขับเคลื่อนหรือถ่านชาร์จที่เปรียบได้กับแบตเตอรี่แรงดันสูงที่ใช้เป็นแหล่งพลังงาน โดยรถยนต์ไฟฟ้านั้นประกอบด้วยระบบสำคัญ 4 ระบบ ได้แก่
1. ระบบไฟฟ้าแรงดันสูง : เป็นระบบหลักของรถยนต์ไฟฟ้าทุกคัน ประกอบไปด้วยอุปกรณ์หลักดังนี้
- แบตเตอรี่แรงดันสูง (High Voltage Battery): ตัวกักเก็บพลังงานไฟฟ้าทำหน้าที่เสมือนถังน้ำมัน โดยรถยนต์พลังงานไฟฟ้าส่วนใหญ่จะเลือกใช้แบตเตอรี่ลิเธียมเป็นทางเลือกหลัก
- ระบบการจัดการแบตเตอรี่ (BMS: Battery Management System): คือสมองกลในการจัดการและดูแลการทำงานของแบตเตอรี่ทุกๆ เซลล์ในระบบให้เป็นหนึ่งเดียวตั้งแต่การตรวจสอบและควบคุมการชาร์จไฟ
- หน่วยจ่ายไฟฟ้าในแบตเตอรี่ (BDU: Battery Distribution Unit): เป็นอุปกรณ์ที่รับคำสั่งจากระบบจัดการแบตเตอรี่ (BMS) เพื่อควบคุมการชาร์จไฟหรือคลายประจุในแต่ละเซลล์
- ระบบชาร์จไฟฟ้าแบบออนบอร์ด (OBC: On-Board Charger): ทำหน้าที่แปลงกระแสไฟฟ้าจากกระแสสลับ (AC) เป็นกระแสตรง (DC) ในการชาร์จไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่
- กล่องควบคุมการสื่อสารของรถยนต์ไฟฟ้า (EVCC: Electric Vehicle Communication Controller): คือหน่วยประมวลผลในการชาร์จไฟ
- ชุดสายไฟแรงสูง (High Voltage Wiring Harness): ทำหน้าที่ลำเลียงพลังงานไฟฟ้าแรงดันสูงไปยังส่วนต่างๆ ของรถยนต์
- ช่องชาร์จแบตเตอรี่ (Charging Port): ช่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบตามผู้ผลิตและประเทศที่จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า
- สวิตซ์ตัดไฟ (Safety Switch): ใช้ตัดการทำงานของระบบไฟแรงสูง เป็นอุปกรณ์ที่เพิ่มความปลอดภัยในงานซ่อมบำรุงทั่วไป
2. ระบบขับเคลื่อน : เป็นหัวใจหลักที่สำคัญของรถยนต์ไฟฟ้าและมีมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นส่วนประกอบสำคัญ
- มอเตอร์ไฟฟ้า (Drive Motor): ขุมพลังในการขับเคลื่อนรถยนต์ รับพลังงานไฟฟ้ามาจากแบตเตอรี่แรงดันสูงเพื่อขับเคลื่อนรถยนต์ มอเตอร์ไฟฟ้านั้นมีขนาดที่ไม่ใหญ่มากตรงกันข้ามกับสมรรถนะที่ได้จากมอเตอร์ขับเคลื่อน ด้วยสาเหตุนี้ รถยนต์ไฟฟ้าจึงมีน้ำหนักรวมน้อยกว่ารถยนต์สันดาปที่มีสมรรถนะใกล้เคียงกัน
3. ระบบควบคุมการขับขี่ :
- หน่วยควบคุมยานพาหนะ (VCU: Vehicle Control Unit): คือสมองกลอัจฉริยะ ทำหน้าที่ควบคุมและตรวจสอบระบบการทำงานทุกอย่างในการขับเคลื่อนของรถยนต์ไฟฟ้า
4. ระบบพลังงานไฟฟ้าแรงดันต่ำ : ระบบไฟฟ้าพื้นฐานของรถยนต์โดยทั่วไป ที่มีแรงเคลื่อนประมาณ 12-14 โวลต์ ถูกใช้งานในส่วนของระบบไฟฟ้าตัวถังเป็นหลักคือ
- ระบบอำนวยความสะดวกในห้องโดยสาร ระบบอำนวยความสะดวกที่ใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่แรงดันต่ำ 12 โวลต์ ซึ่งระบบอำนวยความสะดวกของรถยนต์แต่ละคันจะมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับยี่ห้อ ราคา และเทคโนโลยีที่ผู้ผลิตจะใส่เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นระบบสั่งงานด้วยเสียง ระบบมัลติมีเดีย เบาะไฟฟ้า หรือกระจกไฟฟ้า
- ระบบไฟส่องสว่างรอบคัน รถยนต์ไฟฟ้ามาพร้อมไฟส่องสว่างทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
- ระบบความปลอดภัยโดยอุปกรณ์หลักที่ต้องมี ได้แก่ ถุงลมนิรภัย โดยเมื่อถุงลมนิรภัยทำงาน ประตูทั้งสี่บานจะถูกปลดล็อกอัตโนมัติ และระบบในตัวรถจะทำการโทรฉุกเฉินไปยังศูนย์ช่วยเหลือ
ด้วยพลังงานที่ใช้ขับเคลื่อนคือพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด ทำให้ราคาต้นทุนการชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% - 100% มีราคาถูกมากเมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาป จึงมาตอบโจทย์เรื่องราคาน้ำมันในปัจจุบันที่มีความผันผวนสูง
อีกทั้งการไม่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เลยหรือ Net–Zero จึงทำให้เป็นที่นิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ตระหนักถึงเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน และเมื่อกลุ่มคนรุ่นใหม่เริ่มทำงานและต้องการออกรถยนต์ส่วนตัวสักคัน รถยนต์พลังงานไฟฟ้าก็จะเป็นตัวเลือกลำดับแรก ๆ ในการเลือกซื้อ และจะทำให้สัดส่วนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
ขอบคุณข้อมูลจาก : เกรท วอลล์ มอเตอร์
#EV #GWM #Car #BrandAgeOnline
- 8
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
