6 พ.ย. 2022 เวลา 08:29 • ความคิดเห็น
คำว่า "เทพ" ตามความเข้าใจของผู้คนรวมทั้งพจนานุกรม มักหมายถึง เทวดาที่มีคุณธรรมสูง แต่ในความเป็นจริง เราใช้คำว่า "เทพ" ในความหมายที่หลากหลาย
😇 เราใช้คำว่า "เทพ" กับคนที่มีความสามารถเก่งกาจ ที่คนอื่นทั่วไปทำไม่ได้ หรือทำไม่ดีเท่า เช่น เซี่ยงอวี้ หรือ ฌ้อปาอ๋อง แห่งแคว้นฉู่ หนึ่งในผู้นำที่คิดล้มล้างบัลลังค์ฉินซีฮ่องเต้ ถูกกล่าวขานในนาม "เทพแห่งสงคราม" เนื่องจากตลอดชีวิตการรบของเขาไม่เคยเพลี้ยงพล้ำแก่ผู้ใด
แต่คำว่า "เทพสงคราม" สำหรับฌ้อปาอ๋อง คงแทนความหมายได้แค่เพียงความสามารถเท่านั้น ไม่อาจใช้แทนคุณธรรมได้ เพราะฌ้อปาอ๋องแม้จะสู้รบเก่ง แต่ก็เป็นคนที่โหดเหี้ยม เมื่อตอนที่จับเชลยชาวฉินมาได้ราว 4แสนคน ก็ถูกฌ้อปาอ๋องสั่งปิดประตูล้อมยิงทิ้งไม่มีเหลือแม้ชีวิตเดียว
😇 เราใช้คำว่า "เทพ" แทนวีรชนที่มีคุณธรรมโดดเด่น ที่ยากจะหาผู้อื่นเทียบเท่าได้ เช่น กวนอู นักรบของเล่าปี่ ที่ได้รับความเคารพในเรื่องของความซื่อสัตย์ เมื่อตอนที่กวนอูต้องเข้าไปรับใช้โจโฉอยู่ช่วงหนึ่งด้วยความจำเป็น กวนอูก็หาได้หลงใหลไปกับความสุขสบายในวังไม่ แต่ยังหาทุกหนทางที่จะกลับไปอยู่กับเล่าปี่อีกครั้ง
จนเมื่อต่อมากวนอูมีโอกาสเจอโจโฉในฐานะข้าศึก ครั้งนั้นกวนอูสามารถที่จะสังหารโจโฉได้ง่ายๆแต่ก็ไม่ทำ เพราะนึกถึงบุญคุณที่โจโฉเคยมีแม้ในช่วงสั้นๆ
หลายคนสงสัยว่าทำไม กวนอู ซึ่งมีนิสัยเย่อหยิ่ง ปากร้าย และชอบดูถูกคนอื่น ถึงได้รับการยกย่องให้เป็นเทพ นั่นเพราะว่า เจ้านิสัยเย่อหยิ่ง ปากร้าย ต่างๆ เป็นเรื่องของบุคคลิกเฉพาะคน ที่อาจทำให้เราไม่ชอบเขา มันต้องแยกระหว่าง บุคคลิก กับ คุณธรรม เพราะเป็นคนละคุณสมบัติ ในประวัติชีวิตกวนอู จะได้เคยสังหารพ่อแม่พี่น้อง ผิดลูกผิดเมีย โลภมาก ทรยศเจ้านาย ซึ่งเป็นการผิดคุณธรรมข้อใหญ่พวกนี้ กวนอูหาทำไม่
😇 เราใช้คำว่า "เทพ" ในการสมมุติสิ่งต่างๆในธรรมชาติที่ไม่ใช่คน เช่น แผ่นดิน ต้นไม้ ภูเขา แม่น้ำ ท้องฟ้า ข้าวปลาอาหาร และใช้เป็นตัวแทนสิ่งที่เป็นนามธรรมให้มีตัวตนแบบคนขึ้นมา เช่น ความดี ความเลว ความมืด ความสว่าง ความไม่สิ้นสุด ความตาย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เทพ ใช่ว่าจะมีแต่เทพดีเสมอไป เทพชั่วร้ายก็มีเหมือนกัน เพื่อสอนให้มนุษย์โลกรู้ว่า เทพที่ชั่วร้ายต้องพ่ายแพ้แก่เทพความดีเสมอ และก็ต้องรู้คุณค่าของธรรมชาติด้วย
😇 เราใช้คำว่า "เทพ" เพื่อยกระดับอำนาจคนธรรมดาๆ ให้กลายเป็นดุจเทพเจ้ามาจุติ หรือ สมมุติเทพ ที่เราใช้กับ กษัตริย์ เพื่อให้ผู้คนยำเกรง แต่ก็ไม่เคยเห็นการยกกษัตริย์ให้เป็นเทพเจ้าแบบที่คนจีน ยกกวนอู ปี่กัน ฟ่านหลี่ ซินซกโป เลยสักคน นั่นเพราะกว่าจะมาเป็นกษัตริย์ของแต่ละสมัยต้องผ่านการผิดศีลธรรมมายังไงบ้าง ก็แล้วแต่จะพิจารณา
สรุปว่า "เทพ" หาได้หมายถึงแต่ผู้มีคุณธรรมสูงส่ง อย่างที่ใครๆนิยามเลยสักนิด และเมื่อเทพบางคนที่มีความดุร้ายก็ไม่ต่างอะไรกับอสูร
เมื่อได้ยินคำว่า อสูร อาจทำให้นึกถึงปิศาจในละครหรือนิยายต่างๆ เช่น คุณยายวรนาททายาทอสูรตะขาบ แต่เอาตามความเข้าใจส่วนตัวของเราคำว่า อสูร กับ ปิศาจ น่าจะมีความแตกต่างกันนะ
😈 คำว่า อสูร ในความเชื่อของศาสนาฮินดูซึ่งส่งต่อมายังศาสนาพุทธนั้น หมายถึงเทพหรือเทวดาเหมือนกัน แต่เป็นเทพหรือเทวดาที่ดุร้าย คอยเป็นขั้วตรงข้ามกับเทพหรือเทวดาคนอื่นอยู่เสมอ ในคัมภีร์ฤคเวทซึ่งเป็นเล่มแรกของคัมภีร์พระเวทของศาสนาฮินดู คำว่า อสูร หมายถึงเทพชั้นหัวหน้า เช่น พระอินทร์ พระพิรุณ พระอัคนี เป็นคำเดียวกันกับคำว่า อหุระ ซึ่งมาจาก อหุระมาซดะ นามของพระสูงสุดในศาสนาโซโรอัสเตอร์
😈 แต่ในบางครั้งความดุร้ายของเทพหรือเทวดาที่ทำให้กลายเป็นอสูร ก็เกิดขึ้นมาเพราะความคิดที่แตกต่างกันก็เท่านั้น ถ้านึกไม่ออกจะยกตัวอย่าง ซาตาน อสูรในศาสนาคริสต์ ซึ่งเดิมทีซาตานก็คือเทพที่ใครหลายคนเชื่อว่าเป็นลูซิเฟอร์ ที่เคยมีชีวิตสวยงามบนสวรรค์ แต่ต้องถูกขับไล่ลงมาเพราะความเย่อหยิ่ง บวกกับความคิดที่ต่างจากเทวดาคนอื่นนั่นเอง
อสูร (อะ-สูน) ในที่นี้ หมายรวมทุกความเชื่อทั้ง ไทย อินเดีย จีน ฝรั่ง เลยนะ ไม่ใช่แค่เฉพาะจากรามายณะ ที่ใช้คำว่า อสุระ (อะ-สุ-ระ) ที่หมายถึงยักษ์ค่ะ อย่างที่เขียนเรื่อง ซาตาน รวมเข้ามาด้วย ซึ่งซาตานก็ไม่ใช่ยักษ์
แต่ยักษ์ตามในวรรณกรรมรามายณะ ก็เป็นชาวสวรรค์เหมือนกัน อย่างทศกัณฐ์ก็มีอดีตชาติ คือ นนทก ที่ทำหน้าที่ล้างเท้าให้แขกพระอิศวรบนสวรรค์ ที่ให้มีรูปลักษณ์เป็นยักษ์ ก็เพื่อให้แยกออกกับเทวดาอีกฝ่ายหนึ่งที่มีความคิดจิตใจตรงกันข้าม
ในตำนานจีนก็มีท้าวจตุโลกบาลที่มักถูกวาดให้เป็นยักษ์ที่มีใบหน้าดุดัน หรือในตำนานกรีกโรมัน ไททันก็เป็นยักษ์ที่เป็นเผ่าพงษ์หนึ่งของเทพเช่นกัน ยักษ์ อสุระ ไททัน ก็คือเทพที่ดุร้าย ไม่ใช่ผีหรือปิศาจ ต่างไปจากยักษ์ของตำนานเคลต์ที่เป็นปิศาจไม่ใช่เทพค่ะ
😈 ส่วนคำว่าปิศาจ หมายถึงผีชนิดหนึ่งที่มีร่างกาย เช่น ซอมบี้ แวมไพร์ กระสือ ปอบ คือไม่ใช่ผีที่มีแค่จิตล่องลอย ในคัมภีร์พระเวทเองก็เป็นคนละคำกับคำว่าอสูรด้วย ซึ่งคำว่าปิศาจคือคำว่า ปิศุนะ แปลว่า ใส่ร้าย แต่ในข้อมูลเขาก็เอารวมกันหมดทั้ง อสูรปิศาจ เราเลยสงสัยเองว่า อย่างแวมไพร์แดรกกูล่าไม่ใช่เทพหรือเทวดา งั้นจะเรียกว่าอะไร
😈 ยังมีอีกคำคือคำว่า อสูร ต่อด้วย กาย เป็น อสูรกาย คำนี้กลับไม่ได้หมายถึงเทพหรือเทวดาที่มีร่างกายอย่างมนุษย์ แต่เป็นเดรัจฉานคล้ายเปรตที่เคยก่อกรรมทำชั่วไว้ตอนยังเป็นมนุษย์ อาศัยอยู่ในอสุรกายภูมิ หรือปรโลกชั้นที่ 3 ที่ถึงแม้บรรยากาศจะยังดีกว่ายมโลกและอเวจีอยู่มาก แต่ก็ช่างไร้ความร่าเริงบันเทิงใจจริงๆ และบางทีเรายังใช้คำว่า อสูรกาย ไปใช้เรียกสัตว์โลกดึกดำบรรพ์ด้วยนะทั้งที่บางตัวไม่ได้ทำอะไรผิดแค่หน้าตาดุร้ายเท่านั้นเอง
โฆษณา