7 พ.ย. 2022 เวลา 10:35 • กีฬา
การเดินทางของเด็กหนุ่ม ควิชา ควารัตสเคเรีย
ในโลกของฟุตบอลถ้าจะให้นึกถึงลีกใหญ่ๆ ของแต่ละประเทศเท่าที่เรารู้จักก็จะมี พรีเมียร์ลีกอังกฤษ, ลาลีก้าสเปน, บุนเดสลีก้าเยอรมัน หรือลีกสุดท้ายที่เคยครองความคลาสสิคในช่วงยุค 90s อย่าง กัลโช่ ซีเรียอา แต่หลังๆ มานี้พวกเราอาจจะได้คุ้นชินกับชื่อ ลีกเอิง ของ ฝรั่งเศสมากขึ้น จากการที่นักเตะระดับโลกอย่าง ลีโอเนล เมสซี่ ย้ายไปค้าแข้งอยู่กับ ปารีส แซงต์ แฌร์แม็ง
และก็เป็นเรื่องปกติหากแมวมองจะมองหานักเตะดาวรุ่งอายุน้อยฝีเท้ายอดสักคนหนึ่ง ตัวเลือกแรกก็คงจะไม่พ้นลีกใหญ่ๆ อย่างที่เราเขียนถึงไปในย่อหน้าแรก หากแต่ว่าในช่วงนี้มันเกิดปรากฎการณ์หนึ่งขึ้นมา ในลีกของ กัลโช เซเรียอา กับ ทีมนาโปลี เด็กหนุ่มอายุน้อยเพียง 21 ปีที่มาจากประเทศจอร์เจีย ประเทศเล็กในทวีปยุโรป ที่เอาจริงๆ คนดูบอลอย่างเราแทบไม่เคยจะนึกถึงด้วยซ้ำ ซึ่งสิ่งที่เด็กหนุ่มชื่อเรียกยากคนนี้ทำอยู่มันกำลังสั่นสะเทือนวงการฟุตบอล
ควิชา ควารัตสเคเรีย ถึงแม้ชื่อของเขาจะเรียกยากจริง แต่สิ่งที่เขาทำนั้นมันก็ส่งผลให้คนดูบอลอิตาลีต้องเรียกชื่อเขาอยู่บ่อยๆ ในฤดูกาลที่แล้ว นาโปลี ทีมดังได้สูญเสียนักเตะตัวหลักที่เปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของทีมไปถึง 3 คนเริ่มต้นตั้งแต่ ดรีส เมอร์เท่นส์, คาลิดู คูลิบาลี่, และกัปตันคนสำคัญอย่าง ลอเรนโซ่ อินซิเญ่ แต่การมาถึงของปีกซ้ายดาวรุ่งคนนี้กลับทดแทนสิ่งที่ นาโปลี ต้องสูญเสียและก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าผลงานส่วนตัวที่เฉิดฉาย สามารถพาทัพ อัซซูร่า ขึ้นไปรั้งจ่าฝูงบน ตารางคะแนนกัลโช่ ซีเรียอา ในปัจจุบัน
ถึงแม้เพิ่งจะปรากฏชื่อให้เป็นที่รู้จักได้ไม่นานแต่เด็กหนุ่ม ควิชา ควารัตสเคเรีย นั้นเก่งและหลงไหลในกีฬาฟุตบอลมานานตั้งแต่เขาอายุเพียง 8 ขวบ การมีพ่อเป็นอดีตนักฟุตบอลทีมชาติอาเซอร์ไบจาน นั้นมันทำให้สายเลือดของลูกหนังยิ่งเข้มข้น แต่ถึงอย่างนั้น ควิชา เองก็ยังยืนยันว่าเขาไม่ได้เริ่มเล่นฟุตบอลเพียงเพราะมีพ่อเป็นนักฟุตบอลและต้องการให้พ่อภูมิใจเพียงเท่านั้น เหตุผลจริงๆ คือเขารักและศรัทธาในกีฬาลูกกลมนี้
ความหลงไหลในกีฬาฟุตบอลตั้งแต่อายุ 8 ขวบบวกกับการไม่หยุดพัฒนาฝีเท้าส่งผลให้เมื่ออายุได้ 16 ปีสัญญาของการเป็นนักเตะอาชีพก็เกิดขึ้นกับทีมเล็กในบ้านเกิดอย่าง ดินาโม ทบิลิซี ในปี 2017 และแม้ว่าในปีถัดมาตัวเขาจะต้องลงไปในทีมลีกรองของประเทศจอร์เจียร์อย่าง ทีมรุสตาวี่ แต่สถานที่นี้เองที่ทำให้เขาแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวจนพาชื่อที่เรียกยากของตัวเองไปติดอยู่ใน 60 ผู้เล่นที่ดีที่สุดทั่วโลก ถึงขั้นได้รับความสนใจจากทีมใหญ่อย่าง บาร์เยิร์น มิวนิค ใน บุนเดสลีก้า
แต่สุดท้ายก็กลายเป็นทีมใหญ่จากเมืองหมีขาวประเทศรัสเซียอย่าง โลโคโมทีฟ มอสโก ที่เร็วกว่าจัดการทำเรื่องยืมตัวมาช่วยทีมในครึ่งซีซั่นหลังและก็ไม่ผิดหวัง แม้จะเป็นสถานที่ที่ใหม่แต่ ควารัตสเคเรีย ก็ปรับตัวได้เร็วแถมยังมีส่วนช่วยทีมคว้าแชมป์ลีกมาครองได้ และเมื่อหมดสัญญาความเก่งกาจของเขาก็ทำให้โค้ชของทีมเสียดายจนถึงขั้นหลั่งน้ำตาที่ไม่สามารถรั้งเขาไว้อยู่กับทีมต่อ “ ผมติดตามเขามาตั้งแต่อายุ 15 และเขาก็ยังทำให้ผมประหลาดใจทุกครั้ง ” นี่คือบทสัมภาษณ์ทั้งน้ำตาของ ยูริ เซมิน โค้ชของทีม โลโคโมทีฟ มอสโก
ในปีต่อมา ควิชา ควารัตสเคเรีย ไม่ได้กลับบ้านที่จอร์เจียร์แต่เซ็นสัญญาร่วมทัพกับ สโมสรรูบิน คาซาน ในลีกรัสเซียที่เดิมและเมื่อเปิดฤดูกาลนัดแรก ควิชา ก็ประเดิมสนามด้วยการทำประตูและเหมือนกับว่าที่ลีกรัสเซียเหมือนจะเป็นขนมหวาน
สำหรับเขาเพราะตลอด 3 ฤดูกาลที่อยู่กับ รูบิน คาซาน เขาถูกเสนอชื่อเป็นนักเตะประจำเดือนถึง 4 ครั้งในฤดูกาลแรกและจากผลงานลงสนาม 73 นัด 9 ประตู 18 แอสซิสต์ เขาจึงถูกยกย่องให้เป็น 1 ใน 50 นักเตะที่ดีที่สุดที่เกิดในศตวรรษที่ 21 เมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วชื่อของเขาก็เริ่มเป็นที่รู้จักจนหลายๆ คนรอคอยให้ ควารัตสเคเรีย ไปเฉิดฉายในลีกใหญ่ๆ ของยุโรปสักที
ซึ่งถ้าไม่ผิดแผนอะไรก็คงจะเป็นเช่นนั้น แต่เมื่อสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนปะทุขึ้น ทำให้ฟุตบอลลีกต้องหยุดชะงัก ควิชา ควารัตสเคเรีย ได้รับอนุญาตให้ยกเลิกสัญญากับ รูบิน คาซาน แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะได้ไปเฉิดฉายให้ผู้คนได้เห็นกับฟุตบอลยุโรปลีกใหญ่ๆ ควิชา ควาลัตสเคเรีย เลือกกลับไปเล่นให้กับลีกที่บ้านเกิดในประเทศจอร์เจียร์อีกครั้งกับทีม ดีนาโม บาตูมี
แม้จะเป็นเพียงช่วงท้ายซีซั่นเขาก็ใช้เวลาที่เหลือเพียงแค่ 2 เดือนกดไปถึง 8 ประตู 2 แอสซิสต์จากการลงเล่นทั้งหมด 11 นัดเท่านั้น และแค่นี้ก็เพียงพอที่จะตอกย้ำว่าถึงเวลาแล้วนะที่ทีมดังยักษ์ใหญ่ในยุโรปจะมองมาทางเขาสักที
ทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือแม้กระทั่ง ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส ใน ศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ก็ล้วนเป็นรายชื่อทีมน่าสนใจที่ต้องการตัวของเขา แต่ที่ กัลโช่ เซเรียอา นั้น เหมือนเป็นเส้นทางที่ ควารัตสเคเรีย เลือกไว้ตั้งแต่แรกแล้วเพียงแค่มันไม่ใช่ทีมใหญ่ๆ อย่าง ยูเวนตุส หรือ เอซี มิลาน แต่กลับกลายเป็น สโมสรนาโปลี ที่คว้าตัวปีกดาวรุ่งด้วยราคา 9 ล้านปอนด์ และจับเซ็นสัญญายาวนานถึง 5 ปีรวด
แน่นอนการมานั้นจะกดดันซึ่งก็ไม่แปลกเพราะฤดูกาลที่แล้ว นาโปลีสูญเสียตัวหลักไปมากมาย และแฟนบอลบางส่วนก็ยังคงมีความกังวลว่าปีกดาวรุ่งจากจอร์เจียที่ไม่เคยได้สัมผัสบอลยุโรปกับลีกใหญ่ๆ กับการแข่งขันที่สูงขึ้นจะสามารถเฉิดฉายได้อย่างที่เคยเป็นหรือไม่นั้น ซึ่งนั่นมันก็เป็นความวิตกกังวลที่คนเป็นแฟนบอลต่างคิดกันไปเอง
เพราะทันทีที่ ควารัตสเคเรีย ได้รับโอกาสลงสนามในตำแหน่งปีกซ้าย เขาก็เริ่มแสดงผลงานให้เห็นตั้งแต่วินาทีแรก พรสวรรค์อันเปี่ยมล้นได้ถูกนำออกมาใช้แทบจะทันที ควิชา ควารัตสเคเรีย มีสไตล์การเล่นที่โดดเด่นและชัดเจน สามารถเลี้ยงบอลผ่านกองหลังของฝั่งตรงข้ามได้ยอดเยี่ยมและที่สำคัญคือเขามีความแข็งแกร่งในเรื่องลูกกลางอากาศ
และเมื่อได้รับความไว้วางใจจาก ลูซาโน่ สปัลเล็ตติ ให้ยืนเป็นตัวหลักทางด้านปีกซ้ายแทนที่ของ ลอเรนโซ่ อินซิเญ่ ถึงแม้ตัวเขาเองจะบอกอยู่เสมอว่าไม่ได้ต้องการถูกเปรียบเทียบถึงการเป็นตัวแทนใคร แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้จากผลงานการลงสนามในทุกนัดและมีส่วนร่วมกับทุกประตูของต้นสังกัดอย่าง นาโปลี บวกกับประสบการณ์ในเวทีระดับ แชมป์เปี้ยนส์ลีก ที่ก่อนหน้านี้ยังเป็นศูนย์ ก็สามารถงัดฟอร์มออกมาได้อย่างไม่เขอะเขิน
ในตอนนี้ ควิชา ควารัตสเคเรีย เกือบจะเทียบเท่าผลงานที่ปีกซ้ายคนก่อนได้ฝากฝังเอาไว้ก่อนจากแล้วถึงแม้เจ้าตัวจะไม่อยากให้คิดแบบนั้นก็เถอะ ด้วยฝีเท้าในตอนนี้ที่เข้าขั้นอัจฉริยะเกินอายุที่มีเพียง 21 ปีเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดอะไรหากอยู่ดีๆ ชื่อของเด็กหนุ่มที่เรียกยากคนนี้จะถูกเรียกถึงบ่อยๆ
จากภาพรวมที่ นาโปลี ในตอนนี้อยู่ในอันดับบนสุดของ ตารางคะแนนกัลโช่ เซเรียอา และสามารถการันตีการผ่านเข้ารอบ 16 ทีมของถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เรียบร้อยแล้ว ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมีส่วนมาจากฟอร์มร้อนแรงของเด็กหนุ่มจากประเทศจอร์เจีย ซึ่งก็เป็นหลักฐานยืนยันชั้นดีว่าที่เขียนมานั้นไม่ได้มีอะไรเกินจริงสักนิด แต่ฤดูกาลที่เหลือนั้นยังอีกยาวไกลนักและฟุตบอลนั้นมันก็ลูกกลมๆ
เราทั้งหมดก็ได้แต่หวังและเอาใจช่วยให้เด็กหนุ่มคนนี้รักษาฟอร์มเก่งสามารถพึ่งพาได้ไปตลอด ไม่แน่นะสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เราอาจจะได้เห็นทัพ อัซซูร่า นาโปลี ผงาดขึ้นไปคว้าถ้วยสคูเด็ตโต้ โดยการรักษาอันดับหนึ่งบน ตารางคะแนนกัลโช่ เซเรียอา ครั้งแรกในรอบ 33 ปีก็ได้.
เขียนโดย : นักเตะจากโลกคู่ขนาน
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
โฆษณา