14 พ.ย. 2022 เวลา 05:30 • การศึกษา
เรียนเก่งได้ไม่เกี่ยวกับทรงผม? จริง ๆ คิดว่าเกี่ยวนะคะ มาเปิดประสบการณ์นักเรียนในต่างประเทศกันค่ะ ว่าจริง ๆ แล้วเป็นยังไงกันแน่
ในเรื่องการแต่งกายและทรงผมในต่างประเทศหลาย ๆ ประเทศถือว่าสำคัญนะคะในการที่จะทำให้นักเรียนไปโรงเรียนโดยเฉพาะเด็กอนุบาลและเด็กประถมเพราะถือว่าเป็นการเริ่มต้นของชีวิตนักเรียนค่ะ วันนี้แอดขอมาแชร์ประสบการณ์ในยุโรปตะวันตกอย่างประเทศ Netherlands นะคะ
ที่นี่จะมีการส่งเสริมเด็ก ๆ ให้ไปโรงเรียนเมื่ออายุถึงเกณฑ์ในการที่จะต้องไปโรงเรียนค่ะ แต่ในการที่เด็ก ๆ จะอยากไปโรงเรียนและสนใจในการเรียนการสอนของคุณครูนั้นก็ต้องมีวิธีการค่ะ
โรงเรียนในยุโรปส่วนใหญ่นักเรียนไม่มีชุดยูนิฟอร์มนักเรียนหรือทรงผมใด ๆ ตามที่โรงเรียนกำหนดนะคะ เพื่อน ๆ อาจจะสงสัยว่าอ้าว ! ไหนว่าเรียนเก่ง เรียนดีเกี่ยวกับทรงผมไง มาค่ะ เดี๋ยวแอดจะเล่าให้ฟังคืองี้ค่ะ
การที่ปล่อยให้เด็ก ๆ แต่งตัวอะไรก็ได้มาโรงเรียนและทำผมแบบไหนก็ได้มาโรงเรียนนั้นก็ต้องถือว่ามันเกี่ยวมากค่ะกับการที่ปล่อยให้เด็ก ๆ ใส่ชุดที่เขารักเขาชอบ หอบตุ๊กตามาโรงเรียนในตอนเริ่มต้นเข้าโรงเรียนใหม่ ๆ และแต่งกายแบบไหนก็ได้ยาว ๆ ไปจนจบการศึกษาในระดับที่พวกเขาต้องการ เรียกว่ายาว ๆ ไปตลอดจนจบปริญาตรี โทหรือเอกนั่นแหล่ะค่ะ
เพราะการที่ให้เด็ก ๆ ได้แต่งตัวตามที่ชอบ มีทรงผมที่เขาพอใจจะทำให้เด็ก ๆ มีความมั่นใจในตนเองและรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ในโรงเรียนค่ะ
1
มาโรงเรียนก็ไม่เหมือนโดนบังคับให้มาเรียนแต่เด็ก ๆ มาเรียนเพราะอยากมาและสนใจในการเรียนการสอนของคุณครู รวมถึงสนุกกับเพื่อน ๆ และสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ในโรงเรียนด้วยค่ะ
เด็กบางคนมาพร้อมกับเอกลักษณ์ของตนเองยกตัวอย่างเช่น เด็กผู้ชายไว้ผมยาวชอบใส่แว่นกันแดดมาโรงเรียน แต่งกายด้วยชุดเอี๊ยมยีนส์พร้อมกับชอบใส่รองเท้าบูทมาโรงเรียนเสมอ หรือเด็กผู้หญิงชอบแต่งตัวสวย ๆ เหมือนการ์ตูนดิสนีย์เรื่องเอลซ่ามาโรงเรียนบ่อย ๆ บางครั้งก็มักจะมีโบหลากสีสันติดผมมาโรงเรียนเสมอ ๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องความชอบของเด็ก ๆ ค่ะ คุณครูไม่เกี่ยว
เมื่อเด็ก ๆ มีได้แต่งชุดตัวเก่ง มีทรงผมที่ตัวเองชอบก็ทำให้เด็ก ๆ รู้สึกว่าการมาเรียนสนุกมากกว่าการอยู่บ้านค่ะ เรียนเสร็จก็ได้เล่นกับเพื่อน เวลาครูสอนเด็ก ๆ ก็จะตั้งใจเรียนเพราะการเรียนการสอนของคุณครูที่นี่จะมีวิธีการที่น่าสนใจและจะมีการ update การเรียนการสอนใหม่ ๆ รวมถึงทันสมัยอยู่เสมอ
คุณครูที่นี่ไม่มีสิทธิ์จะไปตัดเล็บ ตัดผม หรือตำหนิติเตียนเด็ก ๆ เรื่องการแต่งกายนะคะ เพราะว่านั่นเป็นหน้าที่ของพ่อแม่หรือผู้ปกครองเด็กค่ะ
ช่วงอนุบาลแอดเห็นเด็กบางคนมาเรียนทั้ง ๆ ที่ยังใส่ชุดนอนหอบตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ มาด้วย พอช่วงขึ้นประถมปีที่ 2 คุณครูก็จะมีระเบียบเพิ่มขึ้นทีละเล็กทีละน้อยเช่นเรื่องการเข้าห้องน้ำจะต้องเข้าก่อนหรือหลังชั่วโมงเรียนค่ะ
ซึ่งจริง ๆ แล้วช่วงตอนอยู่ ป.1 คุณครูในชั้นนั้นก็มีการเริ่มสอนเด็ก ๆ แล้วค่ะ แต่ก็ยังเป็นช่วงที่เด็กบางคนยังปัสสาวะราดในห้องเรียนอยู่ อันนี้คุณครูเข้าใจเด็ก ๆ ค่ะ จะไม่ดุเด็กแต่จะค่อย ๆ สอนเด็กให้ช่วยทำความสะอาด พอเด็ก ๆ ทำความสะอาดหลาย ๆ ครั้ง ๆ เด็ก ๆ ก็จะเข้าใจและไม่อยากเสียเวลาเล่นกับเพื่อน ๆ ก็จะเริ่มเข้าห้องน้ำเป็นเวลาค่ะ
ในเรื่องการแต่งกายและทรงผมนี่ต้องถือว่ามีอิทธิพลต่อเด็ก ๆ มากนะคะ เพราะถ้าไปตัด ไปบังคับเขา พวกเขาก็จะรู้สึกว่ามาโรงเรียนก็เหมือนการโดนควบคุมหรือรู้สีกเหมือนโดนคุกคาม...ซึ่งจะส่งผลทำให้เด็ก ๆ ไม่อยากมาโรงเรียนค่ะ
อีกอย่างถ้ามาโรงเรียนแล้วต้องมากังวลใจ โดยเฉพาะการโดนดุแต่เช้านั้นจะส่งผลทำให้เด็ก ๆ อารมณ์ไม่โปร่งใสแต่เช้าแล้วจะเอาสมาธิในการเรียนมาจากไหนค่ะ
อีกอย่างที่สำคัญมาก คุณครูที่นี่จะไม่มีการดุเด็กให้อับอายนะคะ หากมีอะไรจริง ๆ ก็จะส่งเมล์หรือโทรติดต่อกับผู้ปกครองของเด็กคนนั้นโดยตรง โดยที่ผู้ปกครองท่านอื่นทราบนะคะ เรียกว่าเป็นการรักษาสิทธิส่วนบุคคลและคุ้มครองความรู้สึกของเด็ก ๆ ค่ะ
สรุปว่า: ในต่างประเทศถือว่า...การแต่งกายและทรงผมนั้นสำคัญกับการที่ทำให้เด็ก ๆ อยากมาโรงเรียนและมีผลต่อการเรียนรู้ของเด็ก ๆ มากค่ะ
มาเรียนเพราะอยากมา มาเรียนแล้วเรียนอย่างสนุก มีความสุขกับสังคมรอบ ๆ ตัว ส่งผลให้เด็ก ๆ มีอารมณ์ที่มั่นคง รวมถึงรู้สึกปลอดภัยเมื่อได้เข้ามาอยู่ในรั้วโรงเรียนค่ะ
สำหรับบ้านเราในประเทศไทย การมีเครื่องแบบก็ดูดีค่ะ ดูเรียบร้อยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแต่การตรวจชุดจนเจ้าระเบียบเกินไปแบบกระโปรงต้องยาวใต้เข่าพอดีเป๊ะ เด็กผู้หญิงต้องตัดผมต้องสั้นระดับติ่งหู เด็กผู้ชายผมต้องเกรียนต้องตามแบบเด๊ะ ๆ อะไรแบบนี้ไม่เห็นด้วยนะคะ
เพราะเด็กบางคนตัวสูงไว ฐานะยากจนไม่มีเงินซื้อชุดนักเรียนใหม่ หรือเด็กบางคนผู้ปกครองซื้อชุดไซส์ใหญ่ให้เพราะจะได้ใส่นานหน่อยเนื่องจากไม่ค่อยมีเงิน อันนี้ก็ต้องดูเหตุผลกันไปค่ะ
หรือสอบเทอมสุดท้ายแล้วจะต้องย้ายโรงเรียน พอกระโปรงสั้นไปนิดหน่อยครูไม่ให้เข้าห้องสอบอย่างงี้ก็ไม่ไหวนะคะ เพราะถ้าซิ้อใหม่ก็ใส่แค่ไม่กี่วันก็ต้องทิ้งไป
วิธีการแก้ปัญหาทรงผม ควรเน้นให้เด็กนักเรียนรักษาผมให้สะอาดหรือหากต้องตัดสั้นก็ให้มีติดต่อหน่วยงานรัฐเช่น กศน. แผนกตัดผม มาตัดให้นักเรียนฟรีไปเลยค่ะ เพราะคนที่เรียนตัดผมนั้นต้องการฝึกฝีมืออยู่แล้ว ตัดฟรีไม่มีค่าใช่จ่ายได้ทั้งทรงผมที่ตรงตามระเบียบและได้ทั้งช่วยผู้ปกครองประหยัดค่าใช้จ่ายไปในตัวด้วยค่ะ
หากหน่วยงานด้านฝีมือแรงงานไม่สามารถมาทุกโรงเรียนได้ก็ให้เขาส่งคนมาสอนคุณครูและเด็ก ๆ ที่สนใจทักษะด้าานอาชีพเสริมสวยก็ได้ค่ะ เรียกว่าช่างประจำโรงเรียน ตัดฟรีไปหรือใครจะช่วยหัวละ 5 บาท ก็ได้เป็นค่าไฟหรือค่าน้ำอัดลมเย็น ๆ ให้ช่างตัวน้อยก็ดีเหมือนกันค่ะ หากไม่มีการคิดเล็กคิดน้อยกัน...งานนี้ทุกฝ่ายมีแต่ได้กับได้นะคะ
ส่วนเรื่องการแต่งกาย....นอกจากทางหน่วยงานด้านการศึกษาจะให้ชุดนักเรียนใหม่แก่นักเรียนแล้วตอนเปิดเทอมทุกปีแล้ว.... ทางโรงเรียนหรือสมาคมผู้ปกครองเองก็ควรจะลองเปิดขอรับบริจาคชุดนักเรียนเก่า รองเท้าเก่า กระเป๋าเก่า ที่เด็กบางคนจบการศึกษาไปแล้วไม่ได้ใช้แล้วหรือชุดคับไปแล้วนักเรียนบางคนอาจจะใส่ไม่ได้แล้วแต่สภาพยังดี ให้นำมาบริจาคให้แก่ทางโรงเรียนเพื่อที่จะได้นำไปแจกให้เด็ก ๆ ที่ไม่มีเงินซื้อชุดใหม่ก็ได้นะคะ
แต่เอาเข้าจริง ๆ แอดว่าจะไม่ได้ของเก่าหรือของมือสองอย่างเดียวหรอกค่ะ คนไทยขึ้นชื่อว่าเป็นคนใจดีและมีน้ำใจมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ชุดนักเรียนใหม่ รองเท้าใหม่ ถุงเท้าใหม่ กระเป๋าใหม่ จะต้องมีมาอย่างแน่นอนค่ะ จริงไหมคะ
โฆษณา