15 พ.ย. 2022 เวลา 04:30 • ธุรกิจ
Sony ย้ายฐานการผลิตชิป-เซมิคอนดักเตอร์มาไทย
ปักหมุดผลิตเพื่อใช้สำหรับอุตสาหกรรมรถยนตร์ขับอัตโนมัติ
เพราะต้นทุนต่ำกว่าผลิตเองในญี่ปุ่น เดินเครื่อง มี.ค. 2025
Sony Group บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ประกาศเตรียมตั้งโรงงานผลิตไมโครชิป และเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศไทยเพื่อลดต้นทุนการผลิตและสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่นต่อภาวะฉุกเฉิน ด้วยการกระจายฐานการผลิตทั่วโลกให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
Sony Semiconductor Solutions จะลงทุนประมาณ 10 พันล้านเยน (2,540 ล้านบาท) ในการก่อสร้างอาคารโรงงานใหม่ในบริเวณฐานการผลิตในภาคกลางของประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางกะดี จ.ปทุมธานี ซึ่งการก่อสร้างกำลังดำเนินการอยู่ และโรงงานจะเริ่มเดินเครื่องการผลิตได้ในเดือนมีนาคม 2025
โรงงานแห่งใหม่นี้จะสร้างเซ็นเซอร์การจับและวิเคราะห์ภาพวัตถุที่รถยนต์อัตโนมัติบางส่วนใช้ เพื่อระบุคนเดินถนนและสิ่งกีดขวาง เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ขนาดการผลิตของ Sony ในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้น 70% และเพิ่มการจ้างอีก 2,000 ตำแหน่ง
อีกทั้งโรงงานในประเทศไทยจะดำเนินการประกอบชิ้นส่วนของชิปประมวลผลที่นำเข้ามาจากประเทศต่างๆ ซึ่งเป็นซัพพลายเชนของ Sony มาประกอบที่ไทยจนเสร็จสมบูรณ์ และจะถูกส่งออกจากประเทศไทยไปทั่วโลก
สาเหตุของการขยายการสร้างโรงงานในประเทศไทย เนื่องจากว่ากระบวนผลิตเดิมจะต้องการความเชี่ยวชาญระดับสูง แต่ขั้นตอนหลังนี้ต้องการกำลังคนจำนวนมากในการใช้งานเครื่องจักร ซึ่งการตั้งโรงงานที่ญี่ปุ่นมีต้นทุนที่สูงมาก ฉะนั้นการรักษาต้นทุนแรงงานให้ต่ำลงเป็นปัจจัยสำคัญในการบรรลุความสามารถในการแข่งขัน ดังนั้นการดำเนินงานในประเทศไทยซึ่งค่าแรงค่อนข้างต่ำจะเป็นประโยชน์กับบริษัทมากกว่า
ปัจจุบัน Sony จัดการผลิตและประกอบเซ็นเซอร์สำหรับยานยนต์ที่โรงงานในญี่ปุ่น แต่หลังจากนี้จะปรับแผนโดยที่ญี่ปุ่นจะผลิตในชิ้นส่วนเบื้องต้นเพียงอย่างเดียว และส่งต่อให้ฝ่ายปฏิบัติการในไทยเข้าควบคุมการผลิตชิ้นส่วนที่เหลือทั้งหมด
ความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกหยุดชะงักในช่วงต้นของการระบาดใหญ่ ซึ่งทำให้การผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และรถยนต์ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ด้วยแผนกแรงงานระหว่างประเทศในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของ Sony พยายามสร้างระบบที่จะช่วยให้สามารถจัดหาผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในกรณีที่เกิดภัยพิบัติหรือการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อ
ไม่ใช่แค่ Sony ยังมีผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่อย่าง Intel ก็กำลังเร่งกระจายฐานการผลิตของตนเช่นกัน
ในขณะที่ความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ที่ใช้ในพีซีและสมาร์ทโฟนกำลังลดลง แต่สารกึ่งตัวนำที่ใช้ในรถยนต์ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างมาก ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของยานพาหนะในขณะที่โลกกำลังเข้าใกล้การนำเทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่และการขับขี่อัตโนมัติมาใช้มากขึ้น
ทั้งนี้ตลาดเซ็นเซอร์ภาพ CMOS คาดว่าจะถึง 2,690 ล้านดอลลาร์ (96,651 ล้านบาท) ในปี 2026 เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปี 2021 และ Sony เป็นผู้ผลิตเซ็นเซอร์ภาพชั้นนำของครองส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณครึ่งหนึ่งของทั้งโลกอีกด้วย
╔═══════════╗
ไม่พลาดบทความสาระดีๆ ที่ Reporter Journey ตั้งใจสร้างสรรเพื่อผู้ติดตามทุกท่าน อย่าลืมกดติดตามเพจ ติดตาม Reporter Journey ได้ทุกช่องทางที่
╚═══════════╝
.
ติดตาม Reporter Journey ได้ทุกช่องทางที่
Line : @reporterjourney
โฆษณา