16 พ.ย. 2022 เวลา 09:33
“คาเวียร์”ไข่ปลาสเตอร์เจียน โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ ดอยดำ เริ่มได้ผลผลิตปีละ 10-15 กิโลกรัมแล้ว ราคา 50,000 บาท/กก.
โดย Omnirecipes Admin - มกราคม 18, 2019
นางสาวสมพร กันธิยะวงศ์ นักวิชาการประมงปฏิบัติการ ศูนย์วิจัยพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด เขต 1 จังหวัดเชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์กับ mgronline.com (ผู้จัดการออนไลน์) ว่า ปลาสเตอร์เจียนที่เลี้ยงในโครงการฯ จะออกไข่ประมาณเดือนกันยายนถึงเมษายนของทุกปี
แต่ผลผลิตไข่ปลาสเตอร์เจียนหรือที่รู้จักกันว่า ไข่ปลาคาเวียร์ ยังมีจำกัดเพียง 10-15 กิโลกรัมต่อปีเท่านั้น โดยราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 50,000 บาท ซึ่งเป็นราคาถูกกว่าไข่ปลาคาเวียร์นำเข้าในระดับคุณภาพเดียวกันเล็กน้อย สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อไข่ปลาคาเวียร์ของไทย ยังต้องสั่งล่วงหน้า
Photo by : ผู้จัดการออนไลน์
ทั้งนี้ที่มาของการเพาะเลี้ยงปลาสเตอร์เจียนในประเทศไทย เกิดขึ้นเมื่อปี 2548 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 มีพระราชดำริ ให้กรมประมงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการหาแนวทางเลี้ยงปลาสเตอร์เจียนบนพื้นที่สูง ภายในโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ ตามพระราชดำริ ดอยดำ อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่
เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนและชาวเขามีอาชีพเลี้ยงสัตว์น้ำ ที่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศบนเขาที่หนาวเย็น โดยการเลี้ยงใช้เวลา 8 ปี ถึงเริ่มมีผลผลิต(ไข่ปลา) ส่วนวิธีเลี้ยงมีข้อจำกัดในเรื่องของอุณหภูมิน้ำเท่านั้น เพราะปลาต้องอยู่ในน้ำอุณหภูมิประมาณ 12-24 องศาเซลเซียส คาดว่าอีก 3-4 ปีจะมีพ่อแม่พันธุ์พร้อมให้ลูกรุ่น 1 ได้ ปัจจุบันไข่ปลาคาเวียร์ ดอยดำ จะจำหน่ายผ่านมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ มีขนาด 25,50 และ100 กรัม(มีจำหน่ายตามฤดูกาลของผลผลิต)
ความรู้เบื้องต้นของคาเวียร์ อ้างอิงข้อมูลจาก Alexandre Petrossian แห่ง Petrossian Find Food Company ซึ่งเป็นหลานชายของคนยุคแรกๆที่นำคาเวียร์มาสู่ฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน Petrossian เป็นแบรนด์ที่มี Caviar จำหน่ายจากหลายแหล่ง ในราคาที่แตกต่างกันตามคุณภาพและที่มา ที่บริษัท Petrossian ได้จ้างคนทำหน้าที่แยกเกรดของคาเวียร์ด้วยการฟังเสียงคาเวียร์ที่กระทบกัน โดยจะเลือกคนที่มีประสาทสัมผัสด้านการฟังที่ดี เพราะเวลาที่ไข่ปลาแต่ละเม็ดกระทบกันจะมีเสียงออกมาต่างกันตามคุณภาพ
Limited Edition Special Reserve Caviar Coffret (ราคา 4,000 เหรียญสหรัฐ)บรรจุตลับละ 50 g. 6 ตลับ
เพราะเหตุใดคาเวียร์จึงมีราคาแพง ราคาของคาเวียร์(Caviar) แตกต่างกันไปตามชนิดของปลาสเตอร์เจียนในแต่ละแหล่งที่จับหรือเพาะเลี้ยง ส่วนมากจะบรรจุประมาณ 30-250 กรัม สาเหตุที่ทำให้ราคาคาเวียร์มีราคาแพงก็เนื่องมาจากหายากและต้องรอเวลายาวนานกว่าจะได้ผลผลิต คาเวียร์แท้ๆ ต้องมาจากปลาสเตอร์เจียนเท่านั้น แต่มีหลายชนิด เช่น Beluga, Osetra หรือ Sevruga
คาเวียร์ Almas ได้ถูกบันทึกไว้ในกินเนสบุ๊คว่า เป็นคาเวียร์ราคาแพงที่สุดในโลก มาจากไข่ของปลาสเตอร์เจียนชนิด Beluga จากอิหร่าน ซึ่งมีอายุประมาณ 60-100 ปี มีราคาประมาณ 35,000 เหรียญสหรัฐ/กิโลกรัม( คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1 ล้าน 1 แสนบาท/กิโลกรัม)
ทุกวันนี้แหล่งที่มีปลาตระกูลสเตอร์เจียนอยู่มากที่สุดก็คือ ทะเลแคสเปียน ซึ่งเป็นเขตแดนระหว่างรัสเซียและอิหร่านกับพื้นที่ประเทศอื่นเล็กน้อย โดยสองประเทศนี้มีความได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์ จึงมีการจับปลาสเตอร์เจียนอย่างเป็นล่ำเป็นสัน เมื่อความต้องการของตลาดมากขึ้น ผลผลิตก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการ
จึงมีการทำฟาร์มเลี้ยงปลาสเตอร์เจียนขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก เช่น จีน อิตาลี สหรัฐอเมริการวมทั้งไทย แต่ถึงแม้จะทำเป็นฟาร์มเพาะเลี้ยง ก็ยังต้องใช้ความทุ่มเทพยายามและใช้ระยะเวลานับสิบปี กว่าปลาจะให้ผลผลิต ปัจจุบัน “คาเวียร์” ได้จัดเป็น อาหาร ที่มีราคาแพงมากที่สุดอันดับต้นๆของโลก
โฆษณา