17 พ.ย. 2022 เวลา 01:29 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เศรษฐกิจโลก เตรียมตัวถดถอย ปี 2023
ผลการศึกษาของ World Bank ที่เพิ่งออกบทความในปี 2022 นี้ โดยเปรียบเทียบกับภาวะเศรษฐกิจในอดีตพบว่า สภาพเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน มีความคล้ายกัยช่วงก่อนภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอดีต 2 มุมด้วยกัน
1
1. ดัชนีแสดงกิจกรรมทางเศรษฐกิจของทั่วโลกเริ่มปรับตัวลงมาแล้วเกิน 1 ปี ตั้งแต่กลางปี 2021 ประกอบกับสินทรัพย์ด้านการลงทุนในตลาดทุน เริ่มเห็นการปรับตัวลงจากตจุดสูงสุด ตั้งแต่ต้นปี 2022 ก็เป็นตัวสะท้อนความมั่นใจของนักลงทุนที่ลดลงตามไปด้วย
2. การคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของกลุ่มเศรษฐกิจหลัก สหรัฐ สหภาพยุโรป และจีน ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่หลังเเหตุการณ์การรุกรานยูเครนของรัสเซียเป็นต้นมา
โดย IMF ยังคาดการณ์ว่า ในปีหน้า 2023 นี้กลุ่มเศรษฐกิจหลักซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลกจะแทบจะไม่โตจากปี 2022 เลย (สหรัฐ จะโต 1.0%, สหภาพยุโรป 0.5%)
Bloomberg เปิดเผยโอกาสที่จะเกิด Recession สำหรับประเทศสหรัฐฯ และ สหภาพยุโรป ล่าสุด ขยับขึ้นมาที่ 60% และ 80% ตามลำดับ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 เมื่อปี 2020
ในขณะที่อีกสัญญาณ คือ Inverted Yield Curve (ปรากฏการณ์การผกผันของเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ) ที่เริ่มเกิดขึ้นในเดือนก.ค. อีกรอบ ถ้าย้อนกลับไปในอดีต ปรากฏการณ์นี้สามารถทำนายการถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐฯได้ค่อนข้างแม่นยำ
แต่ละครั้งที่เกิด Inverted Yield Curve ในอดีต จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหระัฐฯตามมาอยู่ระหว่าง 6 ถึง 24 เดือน
เศรษฐกิจจีนคาดว่าจะ ขยายตัว 4.4% เพิ่มขึ้นจาก 3.2%.ในปี 2022 ซึ่งแน่นอน ความหวังน่าจะเป็นเรื่อง การเดินออกจากมาตรการ Zero Covid และกลับมาเปิดประเทศมากขึ้น ส่วน อินเดียและอาเซียน-5 (อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย สิงคโปร์) ทาง World Bank ยังมองว่า มีการขยายตัวได้ต่อเนื่องเช่นเดียวกัน
มองจาก Outlook ทางเศรษฐกิจปีหน้า แปลว่า เราต้องเริ่มกลับมามองการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Emerging Markets มากขึ้นหรือไม่ นี่คือ สิ่งที่เราต้องไปหาคำตอบ
เพราะจากประวัติศาสตร์ในอดีต ที่ World Bank ไม่ได้เอ่ยถึงในรายงาน ก็คือ ทุกครั้งทีเ่กิดการถดถอยทางเศรษฐกิจกับกลุ่มเขตเศรษฐกิจหลัก มันก็ทำให้ทั้งโลกเป๋ไปด้วย จะเป็นไปได้หรือ ที่ถดถอยที่โน้น แต่ทางนี้ยังโตดีได้?
เงินเฟ้อ ก็เป็นปัจจัยสำคัญเหมือนกัน ถ้ายังไม่ลงมาถึงระดับที่ธนาคารกลางแต่ละประเทศพอใจ ก็แปลว่า ดอกเบี้ยนโยบายจะยังปรับขึ้น หรือ อยู่ในระดับสูง ซึ่งจะกดดันเศรษฐกิจประเทศนั้นๆต่อไป
รวมถึง การตั้งกำแพงภาษีระหว่างสหรัฐกับจีน ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคอดีต ปธน.ทรัมป์ ในปี 2018 และล่าสุด สหรัฐมีการจำกัดการส่งออก semiconductor และอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการออกแบบและผลิตไปยังจีนอีก ตรงนี้จะกระทบเศรษฐกิจโลกขนาดไหน
ค่อยๆมาหาคำตอบกันไปครับ ตอนนี้อยู่ในช่วง เตรียมปรับพอร์ต ปรับกลยุทธ์ เพื่อการลงทุนในปี 2023 แล้ว
Mr.Messenger รายงาน
โฆษณา